Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…42 สอบสวน
~ ปึ๊บ!!! ~
เสียงตบโต๊ะดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณทำเอายุนโฮสะดุ้งสุดตัว...ไม่เคยเห็นชางมินเป็นแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ ตลอดเวลาที่ผมนั่งฟังเรื่องที่ยุนโฮเล่าถึงความชั่วช้าของตัวมันเอง อารมณ์ของผมก็จะแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา สงสาร โมโห เกลียดหน้าหมีๆของมันและสุดท้ายอยากฆ่าไอ้เพื่อนคนนี้ให้ตายคามือไปเลย ไม่รู้ว่าผมทนฟังไปได้ยังไง!
“เป็นอะไรของแกอีกเนี่ย?”เจ้าของเรื่องเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เหมือนกับว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือร้ายแรงอะไร
“เป็นอะไร? ชั้นต้องถามแกมากกว่า แกมันไอ้คนใจดำ ถามจริงๆเหอะ ยังมีอยู่มั้ย...หัวใจของนายน่ะ หรือว่ามันด้านชาจนไม่มีความรู้สึกไปแล้ว!”ยุนโฮก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบคำถามนายแพทย์หนุ่มคนสนิท
“แกจัดฉากวางแผนทุกอย่างขึ้นมาและแกยังข่มขืนแจจุง โดยที่ทำให้แจจุงเข้าใจผิดคิดไปเองว่าถูกไอ้กุ๊ยที่ไหนก็ไม่รู้ย่ำยีเอา...แกทำได้ยังไง?...ห๊ะ!!!”
นั่นสิ...เค้าทำได้ยังไง?
ยุนโฮยังคงเฝ้าถามมันอยู่ในใจ
แต่น่าเสียดายที่เค้าไม่สามารถให้คำตอบกับปัญหาข้อนี้ได้...มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ความรู้สึกของแจจุงในตอนนั้นเค้ายังจำมันได้ดี...ทรมาน~
“แกทำร้ายร่างกาย จิตใจของเขายังไม่พอแต่แกยังสร้างตราบาปให้กับแจจุงอีก...มันไม่มากไปหน่อยหรอชอง ยุนโฮ! เค้าเป็นคนนะโว้ย ไม่ใช่สิ่งของไร้ค่าที่คอยให้คนเลวๆอย่างแกระบายอารมณ์ใส่หรืออยากจะทำอะไรตามใจกับเค้าก็ได้...อย่างนั้นหรอที่แกคิดว่าแกทำถูกแล้ว...มาตลอดเจ็ดปี!!!”
แจจุงไม่ใช่สิ่งของ...แต่เป็นคนสำคัญ!
ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงได้โวยวายตระโกนดุด่าเป็นบ้าคนเดียวอยู่แบบนี้ ทำไมต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนแจจุงแบบนี้ ก็เพราะว่ายุนโฮคือเพื่อนของผม เพื่อนที่ผมรักที่สุด ถึงแม้ว่ายุนโฮจะทำผิดแต่ถ้าผมสามารถหยุดเค้าเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะสายไปแล้วก็ตาม ผมก็ยังอยากให้เค้าได้รู้สึกเพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี...ว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ถูกต้องเลยสักนิด ไม่อยากให้ยุนโฮทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว
“อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้...ตอบชั้นมา!”สายตาคมจดจ้องอยู่ที่เสี้ยวหน้าของยุนโฮตาไม่กระพริบ นึกไม่ถึงว่ายุนโฮจะกล้าทำอะไรที่โหดร้ายทารุณแบบนี้ คนโดนถามถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเอ่ยถึงสิ่งที่ตนนึกคิดเอาเองมาตลอดว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“ที่ชั้นทำแบบนั้นลงไปทั้งหมดก็เพราะว่า...ชั้นต้องการให้แจจุงเป็นของชั้นเพียงคนเดียว ต้องการให้แจจุงรู้สึกว่าขาดชั้นไม่ได้ ต้องการให้แจจุงรู้สึกโหยหาและต้องการชั้นเพียงคนเดียว...ชั้น...ที่จะลบร่องรอยที่สกปรกและแปดเปื้อน...ชั้นเท่านั้น!!!”
“ลบร่องรอยที่นายทำมันเองกับมือน่ะหรอ?...เห็นแก่ตัว!!!”
“ใช่...ชั้นมันเห็นแก่ตัว...แล้วแกจะทำไม?”ยุนโฮย้อนถาม วาจากับท่าทางกวนประสาทของยุนโฮทำเอาชางมินเริ่มสติแตก คุณหมอหนุ่มตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของยุนโฮจนมันยับยู่ยี่
“แกฟังชั้นนะ...คนรักกันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ? คนรักกันเค้าไม่ทำกันแบบนี้หรอก...ชั้นจะบอกให้!”
“สิ่งที่แกคิดมันก็แค่นิยายที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเด็กเท่านั้นแหล่ะ สำหรับคนอื่นมันจะเป็นยังไงก็ช่าง ชั้นไม่สนใจหรอก! แต่สำหรับชั้นแล้วความรักคือการครอบครอง...ทุกๆอย่างของแจจุง ร่างกาย จิตใจ ความรู้สึก แม้แต่ชีวิต ทุกอย่างต้องเป็นของชั้น!!!”ชางมินรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ได้ยิน ยุนโฮเองก็รู้สึกไม่พอใจชางมิน ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนคนนี้มีแต่ความหวังดีแต่สิ่งที่เค้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อแจจุง ทำไมไม่เข้าใจตรงนี้บ้างล่ะ...คิดว่าเค้าไม่เจ็บปวดหรอ? ไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นหรอ?...ทำไม ถึงคิดแบบนั้นล่ะ!?
“นายคิดว่าสิ่งที่นายทำมันถูกต้องแล้วหรอยุนโฮ?”เอ่ยถามเสียงอ่อนอีกครั้ง ทุกสิ่งบนโลกย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมัน เป็นสัจธรรมของโลก ไม่มีสิ่งไหนจะดีหรือไม่ดีเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งแน่นอน...ความรักก็เช่นกัน
“มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรอกชางมิน แต่...ชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด!!!”ยุนโฮยืนกรานที่จะทำในสิ่งที่ผิดๆ ความคิดที่ผิดๆ การแสดงออกกับเรื่องของความรักใบแบบที่ผิดๆ มือหนาค่อยๆคลายปกเสื้อที่ชุ่มเหงื่อออกก่อนจะผละออกมาจากร่างสูงด้วยความผิดหวัง แววตาและคำพูดที่อวดดีในแบบของยุนโฮทำเอาชางมินรู้สึกเหนื่อยใจที่จะเกลี่ยกล่อม บางทีเค้าคงจะต้องปล่อยให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปเอง ใครบ้างที่จะฝืนสิ่งที่โชคชะตาลิขิตมาได้...ไม่มี ลองจินตนาการดูแล้ว ยากเหลือเกินที่ชีวิตรักของคนทั้งสองจะมีปลายทางของคำว่า สมหวัง รออยู่ที่เส้นชัย เค้ามองไม่เห็นมันเลยจริงๆ...เลืองราง
“จำคำพูดชั้นเอาไว้ก็แล้วกัน ถ้าแกยังไม่สำนึกกับความเลวที่แกทำไว้ ถึงแม้ว่าแกจะพยายามลบล้างมันด้วยความดีหรือว่าไม่ยังไง สำหรับแจจุงคนที่ไม่เคยรับรู้ถึงความเลวของแก แต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็สามารถที่จะให้อภัยแกได้เสมอและคำขอโทษจากปาก ถ้าแกไม่คิดจะเอ่ยมันออกมาจริงๆจากจิตใต้สำนึกอย่างคนที่รู้สึกผิด แจจุงก็พร้อมที่จะให้อภัยกับนาย ยุนโฮ!”
“..............”
“แต่...สำหรับคนที่รักแจจุง เค้าไม่มีวันให้อภัยแก แกไม่มีวันได้ครอบครองแจจุงอย่างที่แกคิดแน่นอนชอง ยุนโฮ!”ประตูบานหนาถูกปิดลงไปแล้วเมื่อยี่สิบนาทีก่อน แต่ทว่ายุนโฮยังคงยืนอยู่แบบนั้นในห้องพักของชางมินไม่ขยับไปไหน ความรู้สึกนึกคิดตีกันให้วุ่นภายในจิตใจ คำพูดของชางมินยังคงก้องอยู่ในหูของเขา ภาพของแจจุง รอยยิ้ม รอยน้ำตายังคงฉายซ้ำไปซ้ำมา เปลือกตาหนาปิดลงเพื่อสกัดกลั้นความคิดที่ฟุ้งซ่านภายในจิตใจ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนมันสั่นอย่างน่ากลัว ธารน้ำใสขนาดเล็กค่อยๆไหลออกจากหางตาของคนที่ได้ชื่อว่าไม่เคยที่จะใส่ใจความรู้สึกของใครนอกจากตัวเอง คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดอย่างชอง ยุนโฮ คนคนนี้ที่ต้องการจะครอบครองหัวใจที่บริสุทธิ์จากแจจุง หากแต่เขากลับเลือกใช้วิธีที่ผิดมหันต์เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นเจ้าของ
“ชั้นควรจะทำยังไง...พี่ควรจะทำยังไงดี แจจุง”
‘แต่...สำหรับคนที่รักแจจุง เค้าไม่มีวันให้อภัยแก
แกไม่มีวันได้ครอบครองแจจุงอย่างที่แกคิดแน่นอนชอง ยุนโฮ!’
คนที่รักแจจุงหรอ?
.
.
.
“คิม ฮีชอล”
งานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่ารุ่นพี่นายแพทย์หนุ่มอนาคตไกลกับรุ่นน้องที่อีกไม่นานก็จะต้องนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาบวกกับคำแนะนำ ประสบการณ์ดีๆจากรุ่นพี่มาปรับใช้ในหน้าที่การงาน ต้นความคิดไม่ใช่ใครที่ไหนจุงกิหนุ่มหล่ออารมณ์ดีนั่นเอง^^
~ พวกเราชนแก้ว ~
“งานนี้เต็มที่ไปเลยนะทุกคน”ยกยิ้มประดับใบหน้าขาว เสียงเพลงภายในผับดังสนั่นไปทั่ว จุงกิเริ่มออกสเต็ปในการเต้นโยกย้ายร่างกายไปมาพร้อมกับเชิญชวนคนนั้นคนนี้ให้มาเต้นคลายความเครียดจากการเรียนที่หนักหนาเอาการ
“อย่ามาทำเป็นอายไปหน่อยเลยน่า เด็กพวกนี้ มาเต้นกับชั้นเร็ว...โย่วววว”ปกติแล้วทั้งยุนโฮและชางมินจะต้องหัวเราะกับท่าทางขบขันของเจ้าเพื่อนหนุ่มจอมเพี้ยนที่คอยสร้างสถานการณ์ให้ครึกครื้นได้อยู่เสมอๆ ต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ แต่ก็ใช่ว่าจุงกิจะสนใจ ดึงน้องๆออกไปเต้นกันกลางฟลอร์โน่นแล้ว ปล่อยให้ยุนโฮและชางมินนั่งกันอยู่คนละทิศละทางแถมยังไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ สาเหตุคงเป็นเพราะเรื่องที่คุยกันไว้มันยังค้างคาใจคนทั้งคู่อยู่
“แฮ่กๆๆ”เสียงเหนื่อยหอบจากคนมาใหม่ทั้งสองดังขึ้น ยิ่งดึกคนในร้านก็ยิ่งแน่นกว่าจะแทรกตัวมาถึงโต๊ะได้เล่นเอาเหนื่อยหอบ ชางมินและยุนโฮเงยหน้าขึ้นมองยูฮวานที่อยู่ในชุดไปเวทยามราตรีกับร่างเล็กอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความขัดเขิน...แต่ก็ใช่ว่าจะหลบซ่อนใบหน้าน่ารักๆนั้นพ้น
“จุนซู...ก็มากับเค้าด้วยหรอ?”ยุนโฮนึกแปลกใจ จุนซูไม่น่าจะมาที่แบบนี้นี่นา
“พี่ยุนอย่าบอกเรื่องนี้กับแจจุงนะฮะ จุนซูก็แค่ออกมาหาอะไรทำแก้เซ็งเฉยๆ”จุนซูพูดอย่างร้อนรน ถ้าแจจุงรู้เรื่องที่เขาหนียูชอนมาเที่ยวผับแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แค่นี้แจจุงก็มีเรื่องที่ต้องให้เครียดมากพอแล้วและเค้าก็ไม่อยากไปเพิ่มสาเหตุให้กับแจจุงอีก
“แหม พูดแบบนี้แล้วนายไม่กลัวชั้นจะไปฟ้องพี่ยูชอนหรอไง?”ยูฮวานแกล้งแหย่
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้ใครสัญญากับชั้นไว้ล่ะว่าจะไม่ปากโป้ง”จุนซูย้อนศรเข้าให้ ยูฮวานได้แต่หัวเราะคิกคักก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆชางมินที่ตอนนี้เอาแต่ดื่มๆๆๆ เห็นเหล้าดีกว่าเขาแล้วงั้นหรอ?
“นะฮะพี่ยุน...สัญญานะฮะ”จุนซูอ้อนวอนอีกครั้ง จนคุณหมอหนุ่มเริ่มใจอ่อน
“ครับ รับรองพี่ไม่บอกแจจุงแน่นอน^^”ยุนโฮยิ้มอย่างใจดี บางทีพี่ยุนอาจจะไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากก็ได้ จุนซูคิด
“นี่ชางมิน นายไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยหรือไง ไปอดอยากมาจากไหนกัน เพลาๆหน่อยสิเดี๋ยวก็เมากันพอดี”ชักแก้วทรงสูงออกจากมือชายหนุ่มก่อนจะกระดกมันรวดเดียวหมดแก้ว พร้อมกับหันมาส่งยิ้มหวานจนตาหยีแบบมีสเน่ห์ไปให้แทน
“ไม่ต้องมายิ้มหวานเลยนะยัยตัวดี นายมากกว่าที่อยากเมาน่ะ”ชางมินพูดอย่างคนรู้ทัน
“ขอเตกีล่าสองที่ฮะ”เอ่ยสั่งบริกรที่เดินผ่านไปมา เพียงไม่นานน้ำสีขาวที่ประดับด้วยกลีบมะนาวสีเหลืองสว่างก็ถูกเสริฟลงตรงหน้า จุนซูตาโตอ้าปากเหวอ น้ำสีสวยนี้มันช่างยั่วยวนชวนให้ลิ้มลองเสียจริง
“ค่อยๆดื่มนะจุนซู”
“อื้อ...ชั้นคอแข็งจะตายไป”ใช่เค้าเคยกินเหล้ามาก่อน ทำไมจะไม่รู้ว่าตัวเองคอแข็งมากแค่ไหน - -+
“นายก็ดื่มหรอเนี่ย...แหม หน้าไม่ให้เลยนะเรา”
“ชั้นเคยไปดื่มกับพี่ยู...ชอน”เมื่อนึกถึงครั้งที่ไปดื่มโซจูกับพี่ยูชอนความรู้สึกดีๆก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันก็ทำให้เค้าเศร้าเสียจน...อยากจะลืมมันไปให้หมดทุกอย่าง จุนซูไม่ใช่คนใจแข็งอะไรมากนัก หากแค่ยูชอนมาง้อเค้าสักนิด จุนซูก็คงจะใจอ่อน แต่พี่ยูชอนมองว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนที่ชอบทำตัวเป็นเด็ก...ใช่จุนซูเป็นเด็กขี้อ้อน ไร้เหตุผลสำหรับพี่ จุนซูไม่เหมือนยัยริต้าอะไนนั่นหนิ แก้วตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มเออคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเม็ดใสพรางจะไหลอยู่รอมร่อ
“จุนซู...ชั้นหลุดปากพูดอะไรให้นายคิดมากอีกแล้ว ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”ยูฮวานโอบไหล่คนที่ตัวสั่นเทาจากแรงสะอื้น จุนซูพยักหน้าก่อนจะปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลให้หมดไป เค้าไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็นมากนัก...ทำแบบนี้น่าอายจริงๆ จุนซู
“ทะเลาะกับแฟนมาแหงๆ”การคาดเดาของชางมินไม่เคยผิดพลาด
“จริงหรอครับ...มีอะไรไม่สบายใจให้พวกพี่ช่วยได้นะ”ยุนโฮเสริม
“พี่ยุนโฮช่วยจุนซูไม่ได้หรอกฮะ”จุนซูพูดเสียงเศร้า เค้ามาที่นี่เพราะเผื่อว่าบางทีหัวใจของเค้าอาจจะลืมพี่ยูชอนไปได้บ้าง...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
“เฮ่ออ...นั่นสินะ ขนาดเรื่องของพี่กับแจจุง พี่ยังจบเรื่องนี้ไม่ได้เลย ทั้งๆที่พี่ก็เป็นคนก่อมันขึ้นมาเองแท้ๆ น่าสมเพศดีมั้ยล่ะ”แสยะยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อนึกไปถึงเรื่องของเขากับแจจุง ยากยิ่งนักที่จะหาจุดจบที่สวยงาม
“พึ่งมาสำนึกหรอไงว่ะ!”ชางมินพูดเบาๆยุนโฮหันขวับไปทางต้นเสียงทันที แววตาที่ควรจะฉายแววดุร้ายเมื่อได้ยินสิ่งที่ฟังไม่เข้าหู ตรงกันข้ามมันกลับเต็มไปด้วยแววตาแห่งความเศร้าหมองอย่างคนรู้สึกผิด...รู้สึกผิด??? ชางมินหลบสายตาเจ้าเพื่อนตัวแสบ ถึงจะโมโหมันมากแค่ไหนแต่ผมก็เป็นคนนะแถมยังใจอ่อน ขี้สงสารง่ายๆซะด้วย - -+
“นี่พี่สองคนโกรธกันอยู่หรอฮะเนี่ย?”ยูฮวานเริ่มจับพิรุธของสองรุ่นพี่ได้
“ไม่รู้ นายก็ถามไอ้ยุนมันดิ”หัวกลมหันไปทางเจ้าของชื่อ ยุนโฮพยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปสนใจกับแก้วเหล้าตรงหน้าต่อแต่ก็พบว่ามันไม่เลยอะไรอยู่ในนั้นเสียแล้ว...หายไปไหน??? การพูดคุยเมื่อครู่ทำให้ทุกคนลืมไปแล้วว่ายังมีจุนซูที่นั่งอยู่ด้วยอีกคน พอหันกลับมาก็พบว่าแก้วเหล้าของแต่ละคนเหลือแต่...แก้วเปล่า!!!
“ตายแล้วจุนซู นายดื่มมันหมดทุกแก้วเลยหรอเนี๊ย???”ยูฮวานขึ้นเสียงสูงอย่างตกใจ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาเทก่อนจะพบว่ามันไม่เหลือสักหยดเดียว...ชั้นโดนพี่ยูชอนฆ่าแน่ๆT^T
“อึก...คิคิ...ไปเต้นกันดีกว่านะ...ตรงนี้ร้อนเป็นบ้าเลย...อึก”คนเมาเริ่มหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศสีสด ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองยูฮวานอย่างคนไร้เดียงสา ปาร์คคนน้องถอนหายใจออกมาเบาๆแต่คนหัวไวอย่างเค้าก็คิดอะไรดีๆออกซะแล้ว!
“ไปเต้นกันดีกว่าจุนซู จะได้สร่างเมาไง^^”
“คิคิ...ไปๆๆ...ไปเต้นนนนน...อึก”
แล้วที่ตรงนี้ก็เหลือแต่สองเพื่อนซี้ขายาวโฮมินที่นั่งหน้าบึ้งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่ ร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำตาลรู้สึกเหม็นขี้หน้าเจ้าเพื่อนสุดที่รักขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินตามไปสมทบกับจุงกิที่กลางฟลอร์ ตอนนี้มีอะไรที่น่าสนใจกว่าไอ้เพื่อนหน้าหมีที่เอาแต่จ้องเค้าไม่ยอมพูดยอมจาเป็นใบ้รับประทาน ก็ร่างเพรียวเจ้าของรอยยิ้มน่ารักกับท่าเต้นที่ดูสบายๆหากแต่ยั่วยวนให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ไหนจะเด็กน้อยจุนซูนั่นอีกคน ชางมินเลยต้องทำหน้าที่เป็นการ์ดคุ้มกันที่ดีสักหน่อย ยุนโฮได้แต่มองตามไปก่อนจะหยิบวิสกี้สีสวยขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดด้วยความลืมตัวก่อนที่ใบหน้าของใครคนนึงจะลอยขึ้นมาให้เขาได้ชั่งใจ...แจจุง มือหนาวางแก้วทรงเก๋ลงพอดีกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นไม่ใช่ใครที่ไหน...
“ว่าไงครับที่รักของพี่”เสียงทุ่มเอ่ยประโยคทักทายนุ่มนวล
“รอพี่เดี๋ยวนะครับ”เนื่องจากเสียงเพลงที่ดังจนเกินไปยุนโฮจึงต้องลุกออกไปจากที่ตรงนี้ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ ที่ที่พอจะปิดกั้นเสียงโหวกเหวกจากภายนอก
“แจจุงได้ยินพี่แล้วใช่มั้ยครับ...หืม~~~”ทำเสียงออดอ้อน วันนี้หลังจากที่ทะเลาะกับชางมินเสร็จ ยุนโฮก็พาแจจุงมาส่งที่บ้านของแจจุงเอง หลังจากที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลมาได้สักระยะจนคนตัวเล็กเริ่มเบื่อ ร้องอยากกลับบ้านเสียเต็มประดาจนยุนโฮใจอ่อน ใจจริงก็อยากให้แจจุงกลับไปอยู่ที่คอนโดของตัวเองแต่ถ้าเขาทำแบบนั้นฮีชอลอาจจะสงสัยในตัวแจจุงก็เป็นได้...มันเสี่ยงเกินไป ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วที่คอนโดของเขากลายเป็นที่อยู่ประจำของร่างเล็กและบ้านของร่างเล็กเองเป็นแค่ที่อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
“พี่ยุนยังไม่กลับอีกหรอฮะ?”เสียงหวานจากต้นสายเริ่มงอแงอีกแล้ว ยุนโฮเผยรอยยิ้มเขินอายอย่างไม่รู้ตัวนับ วันแจจุงก็ยิ่งน่ารักมากขึ้นสำหรับเขา ชายหนุ่มหยิบดอกไม้ที่ประดับอยู่ในแจกันห้องน้ำดอกเล็กขึ้นมาหมุนเล่น
“อีกสักพักพี่ก็จะกลับแล้วล่ะ แจจุงยังไม่นอนอีกหรอ จำที่คุณหมอยุนโฮรูปหล่อสั่งไม่ได้หรอไงครับ”
“ทานยาแล้วก็รีบเข้านอนนะครับคนดี พี่ยุนพูดออกจะบ่อย ทำไมจะแจจุงจำไม่ได้ล่ะฮะ”คนตัวเล็กทำเสียงล้อเลียน
“ฮ่าฮา...ยอกย้อนพี่หรอ เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวพี่จะกลับไปคิดบัญชี”ยุนโฮแกล้งหยอก
“คิคิ..เสียใจฮะ อย่าลืมสิว่าวันนี้แจจุงไม่ได้อยู่ที่คอนโดพี่นะ”
“จริงด้วยสิพี่ลืมอีกแล้ว งั้นแปะไว้ก่อนก็ได้ ดึกแล้วไปนอนเถอะครับ...อย่าลืมฝันดีถึงพี่ด้วยนะ”
“คร้าบบบบบ แจจุงรักพี่ยุนที่สุดเลย^^”
“พี่ก็รักแจจุงครับ คนดีของพี่”ฝาโทรศัพท์ปิดลงเบาๆพร้อมกับคนที่เอาแต่เพ้อถึงเจ้าของเสียงหวานที่พึ่งคุยกันเมื่อครู่
“สวัสดีฮะ...คุณยุนโฮ”เสียงทักในระยะประชิดทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างยุนโฮออกอาการตกใจ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น น้ำเสียงที่ไม่ต้องหันไปมองเขาก็จำมันได้ รอยยิ้มมีเสน่ห์หุบลงแทบจะทันทีก่อนจะหันไปเผิชญหน้ากับ...คนที่รู้จัก
“สะ...สวัสดีครับคุณฮีชอล”การพบกันแบบกะทันหันอย่างนี้ไม่ดีเอาเสียเลยในความคิดของยุนโฮ เค้าจะต้องเป็นฝ่ายรุกเสมอไม่ใช่กลายมาเป็นผู้ตามอย่างในตอนนี้ การเจอกันแบบนี้มันทำให้เค้าตั้งตัวไม่ติดและรู้สึกว่ากำลังเสียเปรียบอยู่
“พารุ่นน้องมาเที่ยวหรอฮะ?”
“ใช่ครับ...พอดีว่าจะจบกันแล้วน่ะครับ แล้วคุณซีวอนไม่มาหรอครับวันนี้ ผมยังไม่เห็นเค้าเลย”ดูท่าไอ้เจ้าของร้านจะหวงภรรยามันมากซะเหลือเกิน ตามติดเป็นปลิง ใครมายุ่งก็ไม่ได้ หมอนี่จะต้องมาคอยขัดตลอดเลยสินะ แล้วนี่มันหายหัวไปไหน ยุนโฮคิดอย่างหมั่นไส้
“อ้อ...เค้าไปต่างประเทศน่ะครับ...ไปทำธุระ”
“อย่างนี้นี่เอง”
“เอ๋?”
“อ่อ...เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าเค้าดูหวงคุณมากๆเลย^^”คำพูดนี้ทำเอาฮีชอลถึงกับหน้าแดงก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน
“อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะฮะ...เมื่อกี้นี้คุณยุนโฮคุยกับแฟนหรอฮะ น่ารักเชียว”แอบได้ยินหลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จ คนโดนถามเริ่มหน้าซีดเสียแล้ว ภาวนาอย่าให้ฮีชอลได้ยินอะไรไปมากกว่านี้เลย...โดยเฉพาะชื่อของ...แจจุง
“เอ่อครับ”
แต่คำขอของยุนโฮคงจะไม่เป็นผล
“แฟนของคุณยุนโฮชื่อแจจุงหรอฮะ...ชื่อเหมือนน้องชายผมเลย^^”
“ระ...หรอครับ?”การหายใจเริ่มติดขัดเสียแล้ว ที่ตรงนี้ช่างเป็นเหมือนห้องจับพิรุธ ชี้ตัวผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งอย่างเค้าเสียจริงๆ...แล้วถ้ายุนโฮบอกเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับแจจุงให้ฮีชอลรู้ตอนนี้ล่ะ มันจะเป็นยังไงกันนะ?!
“คือ....”
“แล้ว...เอ่ออออ”ยุนโฮก็กำลังจะอ้าปากพูดพร้อมๆกับฮีชอลที่ยังไม่หยุดยิงคำถาม เพราะคนที่ชื่อแจจุงมันคงจะมีอยู่ไม่กี่คนและบางทีถ้าโลกมันกลมยุนโฮอาจจะรู้จัก...หรือเป็นแฟนกับแจจุงน้องชายเขาก็ได้!
ชางมินที่ผ่านเข้ามาได้ยินและหาโอกาสเข้าไปช่วยไอ้เพื่อนตัวดีที่อยู่ๆก็ปากก็ดันไม่ขยับเป็นอัมพาตพูดอะไรไม่ออกไปซะเฉยๆ พิรุธมากมายเริ่มปรากฏให้เห็น ทำไมอยู่ๆยุนโฮถึงประหม่าขึ้นมาแบบนี้ได้ แล้วนั่นยุนโฮกำลังคิดจะทำอะไรอีก? ชางมินไม่รอช้าอีกต่อไปเมื่อได้โอกาสชายหนุ่มก็เปิดประตูโผลงเข้าไปทันที
“ยุนโฮ!!!”
“เอ่อ...ขอโทษนะครับคุณฮีชอล ยุนโฮนายมากับชั้นหน่อยสิ”ท่าทางร้อนรนของชายหนุ่มผิวสีแทนไม่ได้ทำให้ฮีชอลเอ่ยถามอะไรออกไปอีก
“ตามสบายครับ^^”ชางมินหันมายิ้มให้กับคนว่าง่ายก่อนจะดันหลังยุนโฮให้ออกไปแล้วก็หันกลับมาก้มหัวให้ฮีชอลอีกครั้งนึง คนที่ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องน้ำอย่างฮีชอลได้แต่เกาหัวอย่างงงๆ
“นายคนนั้นรู้จักชื่อเราได้ไง? หรือว่าจะเป็นลูกค้าเรา...เฮ้ย นายจำลูกค้าตัวเองไม่ได้หรอไง ฮีชอล”
“มานี่เลยแก”ดึงยุนโฮให้ออกมาคุยกันนอกร้าน ถึงตอนนี้ใบหน้าของยุนโฮก็ยังคงง้ำงอและดูเครียดหนักกว่าเก่าด้วยซ้ำไป
“มีไรว่ะไอ้มิน”ถามเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน
“ชั้นต้องถามแกมากกว่า นี่แกเป็นอะไรไป?”เห็นอาการของเพื่อนรักในแบบเครียดๆ ชางมินก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอก ชั้นอาจจะคิดอะไรมากไปหน่อย มันเลยทำให้ชั้น...เครียดน่ะ”และแล้วยุนโฮก็ยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี
“ก็ใช่น่ะสิ...เพื่อนชั้นยิ่งเป็นพวกที่ทำอะไรแล้วไม่ค่อยจะคิดซะด้วย”
“นี่แกจะลากชั้นเพื่อมาด่าๆๆๆแบบนี้หรอไงชางมิน?”ยุนโฮถามอย่างเหนื่อยใจ แต่ถ้าชางมินจะว่าหรือด่าอะไรเค้า ตอนนี้เค้าก็ยอมทั้งนั้น เหนื่อยกับการที่ต้องมานั่งอธิบายความรู้สึกในภายจิตใจที่ถึงแม้จะบอกไปก็ไม่มีใครเข้าใจถึงหัวอกของเค้าจริงๆสักที
“ชั้นไม่ด่า ไม่ว่านายหรอกแต่อยากชกหน้าหล่อๆของนายมากกว่า”
“ทำไมว่ะ!?”
“ก็เผื่อว่าบางทีแจจุงอาจจะหมดรักในตัวนายลงไปบ้าง...น่ะสิ”เอ่ยติดตลก เค้ารู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ยุนโฮมีเรื่องให้ต้องขบคิดมากมาย ถึงแม้ว่าจะยังคาดเดาอะไรได้ไม่มากแต่เรื่องที่ทำให้ยุนโฮถึงกับจิตตกแบบนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ...คิม แจจุง
“เมื่อกี้แกจะบอกเรื่องของแกกับแจจุงให้ฮีชอลรู้ใช่มั้ย?”ชางมินเริ่มเอ่ยสิ่งที่ตนสงสัยออกไป
“นายรู้ได้ไง?”
“ชั้นเป็นเพื่อนแกน่ะโว้ยไอ้ยุน เราคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว มันเป็นความคิดที่ดีนะแต่ชั้นว่ามันดูห้วนๆไปหน่อยถ้านายจะเดินไปบอกเค้าว่า ‘ผมยุนโฮ คนที่ข่มขืนน้องชายคุณเมื่อเจ็ดปีก่อน แล้วตอนนี้ก็คบอยู่กับแจจุง เราคบกันเพราะแผนการที่เลวร้ายและแยบยลของผมเอง’ สิ้นคิดเป็นบ้า!!!”
“ขอบใจ ช่วยให้ชั้นรู้สึกดีขึ้นมากเลยแก”ฝืนยิ้มทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกมีความสุขตามรอยยิ้มนั้นเลยสักนิด
“ชั้นว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างแก ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะบอกอะไรออกไปหรอกหว่ะ กลับไปคิดทบทวนอะไรให้ดีกว่านี้ก่อนดีกว่ามั้ย?”ชางมินเสนอความคิด และแล้วเค้าก็ทำใจโกรธเพื่อนของเขาไม่ลงจริงๆ...ให้ตายสิ!!!
“เฮ้ยยย...ก็ดีเหมือนกัน”หลังจากวันที่แจจุงเข้าโรงพยาบาลยุนโฮก็ไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักเท่าไหร่
“ทางออกของแกไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีเลยสักหน่อย...แต่มันอาจจะมีไม่มากเหมือนคนอื่นเขาก็เท่านั้น”ตบบ่าเป็นเชิงปลอบใจเบาๆ
“อืม...ขอบใจแกมากนะไอ้มิน...งั้นฝากบอกเด็กๆด้วยแล้วกันว่าชั้นขอตัวกลับก่อน...แล้วเจอกันนะไอ้เพื่อนรัก”
“เอ่อ...ไอ้เพื่อนรัก!!!”
โว้วว~~~~
‘จุนซูมองกล้องหน่อยสิ...ยิ้มๆด้วยน้า^^’ยูฮวานถือกล้องหมุนไปตามจุนซูยืนที่อยู่อย่างไม่เป็นสุข
‘ริคคค...ชั้นเมื่อยปากแล้วนะ พอยังอ่ะ’ถึงปากจะบอกว่าเมื่อยแต่ไหงฉีกยิ้มซะกว้างเชียว ท่าเต้นน่ารักเป็นธรรมชาติดูสดใสตามแบบฉบับคุณหนูคิม จุนซูช่างน่าหลงใหลเสียจริงๆ โยกจังหวะไปตามเสียงเพลงไม่ว่าจะเร็วหรือช้าจุนซูคนนี้ก็ปรับเปลี่ยนได้ทุกสถานการณ์ แอลกอฮอล์ในตัวเริ่มพุ่งสูงสติสัมปชัญญะในตัวเริ่มลดน้อยลง ขวดเหล้าทรงสูงชูขึ้นสุดแขนก่อนที่น้ำภายในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดจะหยดและราดลงบนตัว ความเปียกชื้นบวกกับผ้าเนื้อบางทำให้มองทะลุเห็นไปถึงไหนต่อไหน
ดวงตาคมที่จดจ้องอยู่บนจอภาพขนาดเล็กจากจอมือถือ มือที่ประคับประคองเครื่องมือสื่อสารเริ่มสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ อยากรู้เหตุผลว่าจุนซูไปอยู่ที่ผับยามค่ำคืนแบบนั้นได้ยังไง คนรักของเขาทำตัวหลุดโลกเกินไปแล้ว ต้องการจะยั่วโมโหกันหรือไงแค่นี้เรื่องของเรามันยังแย่ไม่พออีกหรอ...คิม จุนซู!!!
----------------------------------------------------------------
“ค่อยยังชั่วหน่อย...ร้อนเป็นบ้าเลย...คิ”
“จุนซู...ชั้นว่าเราไปนั่งพักกันเถอะ”อีกไม่นานพี่มิคก็คงจะรีบเจ้นมาหานายอย่างแน่นอน หมั่นไส้นัก บอกให้ไปง้อไปอธิบายก็ไม่ยอม ไม่รู้ว่าจะห่วงอะไรยัยริต้าบ้าบอนั่นอยู่ได้ ทิ้งให้จุนซูต้องร้องไห้จนตาบวม...น่าสงสาร
“เฮ่อออ...เมื่อยขาจัง”ยูฮวานบ่นอุบ มือบางออกแรงทุบเบาๆที่ต้นขาและหน้าแข้ง
“ก็แหงล่ะ เล่นไปยืนเต้นอยู่ได้เป็นชั่วโมง”ชางมินหน้าบึ้ง
“ไม่ต้องมาดุชั้นเลยนะ...ก็นายนั่นแหล่ะหายไปไหนตั้งนาน ชั้นไม่มีเพื่อนนั่งดื่มนี่นา”คนชอบเอาชนะยังไม่เลิกเถียงคุณหมอหนุ่มง่ายๆ
“ก็ออกไปคุยกับยุนโฮมันน่ะ”
“อ่อ..เคลียกันได้แล้วหรอ ดีแล้วล่ะไม่เหมือนพี่ยูชอนกับจุน...”หันไปหาร่างอวบข้างๆที่ฟุบหลับไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“จุนซูๆๆๆ”เขย่าแขนบางแต่...ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“ไหนบอกว่าคอแข็ง?...นายกล้ามากเลยนะที่พาสุดที่รักของพี่ชายตัวเองหนีเที่ยวแบบนี้น่ะ...กวางน้อย”
“ก็ช่วยไม่ได้หนิ พี่มิคอยากทำให้ชั้นโมทำไม นายก็ด้วยระวังตัวไว้ให้ดีๆเถอะ”ยูฮวานชี้นิ้วขู่
“เกี่ยวไรกับชั้นเนี่ยกวางน้อย อย่ามาพาลชั้นสิ ชริ”สะบัดหน้าไปอีกทาง ร่างโปร่งที่เข้ามาอยู่ในกระจกตาของชางมินเริ่มทำให้ชายหนุ่มอยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว
“หึหึ..พ่อนายมาแล้วริคกี้”ชี้นิ้วไปยังทิศทางของชายหนุ่มที่ถึงแม้ว่าแสงสว่างจะไม่มากพอแต่เค้าทั้งสองก็เห็นใบหน้าบึ้งตึงที่เกิดจากความหงุดหงิดได้อย่างชัดเจน สาเหตุส่วนนึงมาจากยูฮวานและอีกสาเหตุหนึ่งมาจาก...คนที่นอนหลับอยู่ข้างๆเขาตรงนี้ ...คิม จุนซู...
“ใครว่า...นั่นมันพี่ชายชั้นต่างหาก...เฮ้ยย...เดี๋ยวนะ...พี่มิคกี้!!!”ยูฮวานตระโกนเสียงดังจนเจ้าของชื่อได้ยินเข้า รู้อยู่แก่ใจว่ายูชอนจะต้องมาแต่มันเร็วไปมั้ย เค้ายังไม่ได้จัดฉากเตรียมการอะไรเลย ขายาวตรงรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“นี่แน่ๆๆ ไอ้ตัวแสบบบ”บิดปลายจมูกกลมเป็นการลงโทษเจ้าน้องชายตัวยุ่ง
“โอ้ยยยยยยยยยย”ยูฮวานลากเสียงยาว พรางทำหน้าบึ้งตึงไปอีกคน ชางมินมองแล้วก็ต้องรีบกลั้นหัวเราะเอาไว้ทันที หน้านี่ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเลย...ยิ่งเวลาโกรธอย่างกับฝาแฝดเลยแหะ กร้ากกกกกกก
“พาจุนซูหนีเที่ยวหรอไอ้ตัวแสบ”
“ก็...มั้งฮะ”น้องชายตัวดีตอบแบบห้วนๆ
“ปาร์ค ยูฮวาน!”คนเป็นพี่กดเสียงต่ำอย่างดุๆ จนยูฮวานนึกรำคาญใจ
“อะไรอีกล่ะฮะ ก็ริคพูดความจริงนี่นา ริคชวนจุนซูออกมาเองแหล่ะ เห็นไม่มีใครสนใจจุนซูนี่นา ได้ข่าวว่ามียัยตุ๊กตาผมสีน้ำตาลตัวใหม่มาให้เล่นเลยทิ้งโลมาที่น่ารัก เฮ่อออ...ใครน้าช่างใจร้ายจริงๆ”คำประชดประชันยาวเหยียดนี้ คนเป็นพี่ถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน สรุปแล้วเขาต้องมานั่งอธิบายให้ยูฮวานฟังอีกคนใช่มั้ย???
“เอาล่ะจะประชดอะไรพี่ก็ตามสบายเลย จะว่าอะไรก็ช่าง แต่พี่จะบอกอะไรไว้อย่างว่าจุนซูเค้าแพ้เหล้านะรู้มั้ย? พี่ต้องรีบพาเค้ากลับบ้าน...เดี๋ยวอาการจะหนักกว่านี้”อังที่ใบหน้าเบาๆ ตัวจุนซูร้อนจี๋เลย ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้จริงๆเด็กคนนี้ โมโหก็โมโห อยากจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง ทำไมชอบทำให้เค้าต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ แต่ตอนนี้เค้าเป็นห่วงจุนซูมากกว่าอะไรทั้งสิ้น ไม่รอให้เสียเวลาท่อนแขนแข็งแรงช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นมาอย่างนุ่มนวลก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนฟังอ้าปากค้างอย่างตกใจ ไม่เห็นจุนซูจะบอกเลยนี่นา...ว่าแพ้เหล้าน่ะ
“เดี๋ยวพี่มิครอผมด้วย”กุลีกุจอจะวิ่งตามออกไปแต่ทว่าคนเป็นพี่ก็หันกลับมากระทันหัน
“หยุด! ไม่ต้องตามพี่มานะ ขอยืมห้องวันนึงสิ”รู้ดีว่าน้องชายหวงห้องมากแค่ไหน นี่ถ้ารู้ว่าเค้าแอบใช้ห้องไปตั้งแต่เมื่อวานคงจะโวยวายเค้าน่าดู แต่ถ้าเป็นจุนซู ยูฮวานคงไม่ว่าอะไรแน่นอน
“แล้วผมจะไปนอนที่ไหน...ห้องพี่ก็มี”
“เอาน่า...ริคก็ไปนอนกับชางมินก่อนแล้วกัน วันนี้พี่อนุญาต”
“พี่มิค...จะบ้าหรอ!!! อยู่ๆก็ใจดีอะไรขึ้นมาแบบนี้ ไม่ห่วงน้องชายคนนี้แล้วหรอT^T”ไม่ถามความสมัครใจเค้าสักคำ มันน่าน้อยใจดีแท้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะไปนอนบ้านชางมินหรอกนะแต่เค้าอายนี่นา น่าจะมีการเล่นตัวให้มันดูดีบ้างอะไรบ้าง แต่แปลกที่ต่างถิ่นอย่างนั้น เค้าจะนอนหลับมั้ยนะ...ยิ่งได้อยู่กับ...เอ่อ...ชางมินสองต่อสองแบบนั้น...นอนไม่หลับชัวร์ๆ >///<
“อย่าห่วงเลยฮะ เดี๋ยวผมจะดูแลยูฮวานเป็นอย่างดี^^ โอ้ยยย”ศอกแหลมกระทุ้งหน้าท้องคุณหมอหนุ่มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ชั้นฝากยูฮวานด้วยนะ”ยูชอนหันไปพูดกับบุคคลที่สามที่เหมือนจะถูกกลืนหายไปอยู่หลังฉากเสียแล้ว ชางมินพยักหน้าอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แต่...ข้อแม้ของชั้นมันอาจจะเยอะไปหน่อย ถ้านายรับข้อเสนอนี้ไม่ได้ ชั้นก็จะให้ยูฮวานไปนอนที่หอเหมือนเดิม!”
“พี่มิคหนิ ให้ริคไปนอนบ้านเค้าแล้วยังจะจำกัดสิทธิเค้าอีก”
“ก็พี่เป็นห่วงเราหนิ...นายห้ามทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายน้องชายชั้น เรื่องนี้คงไม่ต้องสาธยายให้ฟังใช่มั้ย? ห้ามอยู่ใกล้เกินสองเมตรเป็นอย่างต่ำ ห้ามหอมแก้ม จูบปาก บลาๆๆๆ”ยูชอนออกข้อบัญญัติมากมายทั้งๆที่ตัวเองก็ยืนอุ้มคนตัวอวบอยู่ทั้งคนแท้ๆ ไม่รู้ว่าร่างโปร่งจะรู้สึกหนัก เมื่อยแขน--ขาบ้างมั้ยแต่สำหรับชางมินและยูฮวานที่ยืนมองอยู่นั้น...เมื่อยแทน - -+
“พอเลยๆๆ...งั้นผมกลับไปนอนหอก็ได้”ยูฮวานตัดปัญหา
“ไม่ได้นะ นี่มันดึกมากแล้วแถมหอพักนายก็อยู่ไกลกว่าจะถึงก็เช้ากันพอดี”ยูชอนแย้ง
“งั้นพี่ก็เลิกจู้จี้สักทีสิฮะ เอาแต่สั่งๆๆแบบนี้เจ้าของบ้านเค้าคงไม่อยากให้ผมไปค้างด้วยแล้วมั้ง?”
“ใครบอก ชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรนายสักคำเลยนะ”ชางมินรีบพูดขึ้นทันที ป้องกันปาร์คคนพี่เข้าใจเค้าผิด
“ก็พี่เป็นห่วงนายหนิ เอาล่ะๆไม่พูดมากแล้วก็ได้ เมื่อยจริงเลย”(พึ่งรู้ตัวเรอะ!!!)
“อย่าห่วงเลยครับ ผมไม่ทำอะไรยูฮวานแน่นอน^^”สุภาพบุรุษตัวจริงอย่างชางมินนั่งยันนอนยันเต็มที่
“อืม...รบกวนนายด้วยนะ ชางมิน...ชั้นปาร์ค ยูชอน”ร่างโปร่งกล่าวแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ผมชิม ชางมินครับ”เมื่อแนะนำกันพอเป็นพิธีแล้วยูฮวานก็เอ่ยตัดบทขึ้น ก่อนที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันยาวเหยียดไปมากกว่านี้
“งั้นเดี๋ยว ริคเดินไปส่งพี่ที่รถก็แล้วกันฮะ”
“ไม่ต้องหรอก อยู่กับแฟนนายไปเถอะ แล้วรีบๆกลับนะยูฮวาน”คนเป็นพี่พูดด้วยความเป็นห่วง
“ฮะ พี่ชาย^^”
“ว่าแต่ร้ายนักนะเรา...นี่ถ้าจุนซูไม่หลุดปากพูดเรื่องนาย พี่คงตกข่าว ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“แล้วชางมิน...สำหรับพี่เป็นยังไงบ้างล่ะฮะ?”ยูฮวานแกล้งถามความเห็นจากพี่ชาย
“ก็...ไม่เลวเลยล่ะ ตาถึงเหมือนกันนี่ พอใช้ได้มั้ง...พี่ไปก่อนนะ”กระซิบกระซาบให้ได้ยินกันแค่สองคน ยูฮวานเมื่อได้ยินแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูก ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงจัดจากอาการเขินอาย
“ครับผม...บายฮะพี่มิค^^”ร่างเพรียวโบกมือลา รู้สึกโล่งใจที่ยูชอนไม่ได้ติเรื่องของชางมิน ก่อนจะหันกลับมาหาเจ้าเป็ดปากบานที่นั่งมองนู่นมองนี่ด้วยความเพลิดเพลิน ริมฝีปากได้รูปฮัมเพลงช้าจังหวะเบาๆที่ดีเจหนุ่มกำลังเปิดอยู่ สรุปแล้วทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านไปตอนไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้ๆในตอนนี้มีแค่เค้ากับชางมิน...สองคน
“พี่นายก็ไม่ได้ดุอย่างที่คิดนี่”ยกแก้วรัมขึ้นมาจิบทีละนิดๆ
“นายมันไม่รู้อะไรซะแล้ว...ฮ่าฮา...เรากลับกันบ้างมั้ยชางมิน”ปากอิ่มหาววอดดูตลกขบขันสำหรับคนมอง ชางมินหัวเราะร่ากับท่าทางในแบบเด็กๆของยูฮวาน
“ขำบ้าอะไรล่ะ...ชริ!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น