2555/05/15

~ Love Dark...เพราะรักออกแบบไม่ได้ ~ Part...2 ความลับ

Title :  ~ Love Dark...เพราะรักออกแบบไม่ได้ ~
Writer :  KJW +  GroupBee
Couple:  YunJae , YooSu , Changmin
Genre :  Romantic , Drama
NC :  17

Part...2 ความลับ

สิ่งที่ชั้นไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้..
คือ ชั้นปรารถนาในตัวเธอ คิม แจจุง

.
.
.

เป็นเวลาค่อนคืนดวงตาเมื่อยล้าจากการเพ่งไปที่ภาพเคลื่อนไหวบนจอสีเหลี่ยมเล็กๆไม่ได้สะใจอย่างที่ได้พูด เพราะสิ่งที่ซ่อนเร้นมาเนิ่นนานในใจ คือความต้องการครอบครองเรือนกายขาวผุดผาดของเธอเพียงเท่านั้น ริมฝีปากสีแดงที่แสนเย้ายวนชวนลุ่มหลง ยังอยากที่จะแตะต้อง ปรารถนาที่จะครอบครองเป็นของตัวเองเพียงผู้เดียว

แต่...ทำไม?

เธอถึงเลือกที่จะปฏิเสธ ทำไมถึงได้บอกปัดความรักของชั้นอย่างไร้ค่าเยี่ยงนี้
เธอเป็นผู้ผลักไสให้ชั้นทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น คิม แจจุง รู้บ้างมั้ยว่าชั้นก็มีหัวใจเหมือนกัน!
ภาพความทรงจำบางส่วนฉายซ้ำ วนเวียนดั่งฝันร้าย ปาร์ค จองโมขยับกรอบแว่นตาสีชาเล็กน้อย ก่อนหยิบมันวางข้างโต๊ะทำงานอย่างเหนื่อยหน่าย เรื่องบางอย่างถึงอยากลืมเท่าไหร่มันก็ลืมไม่ลง ความผิดครั้งใหญ่ในชีวิตของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง ยกเว้น  เรื่องครอบครัว  เขาเสมองไปที่รูปถ่ายคู่กับภรรยาดูรักใคร่มีความสุข เปลือกนอกของเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่แสนอบอุ่น เพียงแต่แท้จริงเขาก็แค่สร้างภาพให้คนอื่นเห็นเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้ได้ผลตอบรับที่ดี ไม่ยากเย็นอะไรกับการสวมหน้ากากเป็นคุณพ่อที่แสนดีของลูกชาย เป็นสามีที่น่ารักของภรรยาคนสวยและมันก็น่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเพื่อนตัวน้อยของลูกชายได้ก้าวเข้ามาในชีวิต แรงขับดันทางเพศที่ปิดตายมาโดยตลอดเริ่มออกอาการจนไม่อาจหยุดยั้งนับแต่วันที่เขาได้รู้จัก...คิมแจจุงและชเวคัง ชางมิน ทั้งใบหน้าและนามสกุลต่างกันจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แจจุงใช้นามสกุล “คิม” ของพ่อ ก่อนที่พ่อของแจจุงจะหย่าร้างกับแม่ของแจจุง โดยที่ยังมีเด็กอยู่ในท้อง เมื่อชางมินกำเนิดขึ้นมาจึงได้ใช้นามสกุล “ชเวคัง” ตามแม่ 
อาจเป็นเพราะแจจุงเกิดในช่วงที่พ่อแม่ของเขาทั้งรักและทะนุถนอม แจจุงจึงเป็นเด็กที่มีนิสัยอ่อนโยน ช่างออดอ้อน เอาใจใส่คนรอบข้างเป็นอย่างดี รูปหน้าก็เหมือนดั่งเทพธิดาองค์น้อย ตากลมโตส่งประกายวิบวับเห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกนึกเอ็นดู ส่วนชางมินกลับตรงกันข้าม ด้วยรูปร่างสูงใหญ่เกินอายุจึงทำให้ดูเหมือนแก่กว่าคนเป็นพี่ชาย ทั้งผิวสีแทนที่ต่างจากผิวขาวน้ำนมของคนเป็นพี่ ยังไม่รวมถึงรูปหน้าที่เรียกได้ว่าถอดแบบคนเป็นพ่อมาเกือบทั้งหมด จึงทำให้เป็นเด็กหน้าตาคมคาย ถ้าไม่บอกแต่แรกเขาก็ไม่เชื่อว่า เด็กน้อยสองคนที่เดินจูงมือเข้ามาเล่นในบ้านของเขาทุกวันเป็นพี่น้องคลานตามกันมาจริงๆ ลูกชายเขาทั้งคู่ติดเพื่อนบ้านคนใหม่มากมาย ภายหลังภรรยาของเขากับคุณแม่ของเด็กทั้งสองไปเที่ยวด้วยกันแต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุจนทั้งคู่เสียชีวิต เขาจึงให้ทั้งแจจุงกับชางมินย้ายมาอยู่ด้วยกัน ทำให้เด็กทั้งสี่คนผูกพันกันยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะยูฮวานที่ในตอนแรกช็อคจนได้แต่เก็บตัวเงียบ ได้กลับมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงดั่งเดิมตั้งแต่แจจุงกับชางมินย้ายมาอยู่รวมกัน ครอบครัวเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น มันน่าจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
จนในวันที่ยูชอนเรียนจบ ลูกชายตัวน้อยที่เขารักเติบโตเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมในทุกด้าน วันนี้เขาตั้งใจจะพาทุกคนไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จของลูก แต่เขาเดินหาลูกชายคนโตไม่เจอ ทั้งทีได้ยินเสียงรถของลูกชายเคลื่อนมาจอดในโรงจอดรถสักพักแล้ว เขาคิดว่ายูชอนอาจกำลังอาบน้ำในห้องก็เลยตามขึ้นไป บานประตูห้องมีรอยอ้าออกเล็กน้อยเหมือนเจ้าของจะรีบมากจนปิดไม่สนิท เขาแง้มดูตรงระหว่างช่องประตูเล็กน้อยมองดูว่าลูกชายตัวดีกำลังทำอะไรอยู่ เนื่องจากเสียงที่เล็ดลอดออกมาค่อนข้างดัง ยังคิดอยู่ว่ายูชอนคงจะโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วถึงได้แอบดูหนังผู้ใหญ่แบบนี้ ในความคิดตอนนั้นกะว่าจะแกล้งย่องเข้าไปเซอร์ไพรส์เงียบๆให้ลูกชายตกใจเล่น อยากเห็นสีหน้าลูกชายตัวเองว่าจะมีสีหน้ายังไงเวลาที่รู้ว่าพ่อจับได้แต่กลายเป็นเขาเองที่เซอร์ไพรส์!  สิ่งที่จองโมเห็น...ปลายเท้าสองคู่พันเกี่ยวกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก สายตามองไล่ขึ้นมาจนเห็นภาพแจ่มแจ้ง เรือนกายขาวบริสุทธิ์สีน้ำนมถูกตีตราประทับจนเห็นรอยจางๆสีกุหลาบทั่วไปหมดทุกส่วนสัด มือของยูชอนจับเรียวขาคู่งามขึ้นมากดจูบไล่ขึ้นมาจนถึงโคนขาบรรจงว่างพาดกับไหล่กว้างของตัวเองแผ่วเบา สอดใส่นิ้วแข็งแรงเข้าไปในช่องทางด้านหลังก่อนดึงออกมาเปลี่ยนเป็นส่วนกลางลำตัวที่จ่อรออยู่หน้าช่องทางด้านหลังแทน ร่างบอบบางสะดุ้งทันทีที่ยูชอนสวนกายเข้าไป ใบหน้าสวยยุ่งเหยิงดูเจ็บปวดเริ่มผลักไส ยูชอนปลอบประโลมโดยการประกบจูบอย่างนิ่มนวล มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อเนียนลื่น บีบขย้ำบั้นท้ายกลมมนอย่างเอาแต่ใจ ก่อนหันมาละเลงลิ้นทั่วยอดอกสีทับทิมสวยจนคนสวยแอ่นอกรับการปรนเปรออย่างพึงพอใจ เสียงหวานครางเบาๆด้วยท่าทีขวนเขิน เมื่อยูชอนเงยหน้าขึ้นมาสบตา สะโพกหนาเริ่มขยับสวนกายเข้าออกเป็นจังหวะ ด้วยความร้อนแรงจนร่างทั้งคู่แทบหลอมละลายไปด้วยกัน เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ เสียงเนื้อกระทบเข้าหากันเป็นจังหวะประสานกับเสียงครางขึ้นมาด้วยความสุขสม ปาร์ค จองโมก้าวถอยหลังออกมาอย่างเชื่องช้า รู้สึกว่าหัวใจราวกับจะหยุดเต้น ไม่ได้ตกใจที่เห็นยูชอนร่วมรักกับเพศเดียวกัน เพียงแต่คนคนนั้น คือ แจจุง เด็กที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใส คนที่ทำให้หัวใจเขาสั่นสะท้านยามสบตา แล้วทำไมถึงต้องเป็นยูชอน???
วันนั้นเขานั่งรับประทานอาหารเงียบเฉียบ พูดอะไรไม่ออก ยูชอนแสดงออกโจ่งแจ้งถึงความหวงแหนแจจุงอย่างออกนอกหน้า มือของยูชอนยึดรอบเอวคอดบางของแจจุงเป็นที่พักมือด้วยท่าทางสบายใจ เขาทำได้เพียงแค่ลอบมองกริยาหยอกเย้าของคนทั้งคู่ รู้สึกแน่นหน้าอกไปหมดทำให้พาลกินอะไรไม่ลง ยูฮวานกับชางมินก็แหย่แซวคู่รักหวานแหววจนเขาเกิดอาการหงุดหงิดมากขึ้นทุกที ยิ่งเห็นใบหน้าสวยขึ้นสีระเรื่อ เอียงคอหลบยูชอนที่แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกใจสั่นหวิวอย่างบอกไม่ถูก ทนแทบไม่ไหวเขาอยากได้ตัวแจจุงจริงๆ ยิ่งเห็นก็ยิ่งทรมาน ในหัวคิดวิธีแยกแจจุงออกมาจากลูกชายของตัวเอง ในที่สุดก็วางแผนส่งยูชอนกับชางมินไปเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อห่างกันไปเขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับแจจุงเพราะรู้ว่าแจจุงจะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนยูฮวานลูกชายคนเล็กที่รักแจจุงไม่ต่างกับที่รักแม่ของตัวเอง  อาจเป็นเพราะยูฮวานยังเด็กนักในตอนนั้น แล้วเมื่อได้ความรักและเอาใจใส่ของแจจุงมาทดแทน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ยูฮวานจะติดหนึบกับแจจุงไม่ห่างทำให้เขาหาโอกาสอยู่ตามลำพังกับแจจุงได้ยาก จนถึงช่วงซัมเมอร์ยูชอนกับชางมินบินกลับมา บอกตรงๆว่าเขารู้สึกอิจฉา แจจุงดูมีความสุขเสมอเมื่อได้อยู่ในอ้อดกอดของลูกชายคนโตของเขา เขาคงกลายเป็นคนโรคจิตไปเสียแล้ว!หลังจากที่เห็นยูชอนกับแจจุงในวันนั้น เขาแอบติดกล้องไว้บนโคมไฟกลางเพดาน ทุกคืนก็มานั่งดูคนทั้งคู่มอบบทรักร้อนแรงให้แก่กัน แต่ในช่วงที่ยูชอนไม่อยู่ เขาแทบไม่ได้ใช้งานมันจนเกือบจะลืมไปแล้ว ยังดีที่นึกขึ้นมาได้และมันก็ยังใช้งานได้ดีสมราคาที่แสนแพง แค่วันแรกที่ยูชอนกลับมาทั้งคู่ก็โผเข้าหากันอย่างโหยหา ไม่รู้เขาต้องทนดูภาพเหล่านี้ไปถึงเมื่อไหร่
“อ่า~~~”เสียงครางพอๆกับเสียงในภาพเคลื่อนไหว เมื่อมือทั้งคู่ได้ทำการปลดปล่อยของเหลวที่คั่งค้างภายในท่อนเนื้อแน่นจนเสร็จ มือหยาบหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบเหนียวออก ใจยังว้าวุ่นกับภาพตรงหน้า อยากจะฝังกายเข้าไปในร่องเนื้อสีชมพูของแจจุงเหลือเกิน และก็เป็นอีกครั้งที่ลูกชายจอมเอาแต่ใจไม่ยอมหยุดเพียงครั้งเดียว เขาเอื้อมมือไปกดปิดสวิตซ์ ไม่อยากรับรู้ให้มากกว่านี้อีกแล้ว
ด้วยอารมณ์ที่ยังระอุอยู่ภายใน เขาจึงแอบย่องเข้าไปในห้องนอนของยูชอนเมื่อเห็นว่าลูกชายกับชางมินออกไปทำธุระด้วยกันแต่เช้าตรู่ แจจุงยังคงนอนหลับตาพริ้มบนที่นอนนุ่ม ทั่วร่างบางมีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งปกปิดมาจนถึงสะโพกสวย มือหนาเลื่อนไปสัมผัสที่เรียวขาคู่งามอย่างย่ามใจ ก่อนทาบทับเรือนกายที่ปรารถนาครอบครองมาโดยตลอด สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้เปลือกตาสีมุกปรือขึ้นมองช้าๆก่อนผวาสุดตัว แจจุงใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างหนาของบุคคลที่ตัวเองให้ความเคารพอย่างตื่นตระหนก แล้ววิ่งออกมาอย่างหวาดหวั่น ไม่ใช่เพียงแค่ตกใจแต่เขาช็อคจนแทบหยุดหายใจไปแล้วจริงๆ
เหตุการณ์ที่เกิดในวันนั้นทำให้แจจุงหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ปาร์ค จองโม บรรยากาศแปลกๆที่เกิดขึ้นไม่รอดพ้นสายตาเฉียบคมของชางมินไปได้ ด้วยความสงสัยชางมินจึงแอบค้นหาคำตอบด้วยตัวเองเงียบๆแต่ก็ได้รู้คำตอบของมันเร็วกว่าที่คิด เขาเดินตามหลังปาร์ค จองโมในวันหนึ่งอดแปลกใจไม่ได้ว่า พ่อของสองยูเดินตามพี่แจจุงเข้าไปในครัวทำไม เขาเห็นใบหน้าซีดเผือดของพี่แจจุงยามหันมาเจอหน้าปาร์ค จองโม พี่แจจุงพยายามเดินเลี่ยงออกมาแต่ติดที่มือใหญ่กระชากร่างบอบบางมาประชิดตัวแล้วระดมจูบไปทั่วดวงหน้าหวาน คำตอบที่ได้รับมันเกินคาดหมายจริงๆ แถมพยานรับรู้ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น ยูชอนกับยูฮวานซึ่งเดินตามหลังมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ได้ร่วมรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าไปด้วย ก่อนที่หมัดของเขาจะกระแทกไปที่หน้าของปาร์ค จองโม ยูชอนซึ่งไม่อาจทนได้กับการกระทำของผู้เป็นพ่อได้กระแทกกำปั้นไปที่ปาร์ค จองโมไม่ยั้ง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเราคิดว่าฝันร้ายจะหายไปในเร็วๆนี้

แต่.. ความจริงมันโหดร้ายเสมอ

ปาร์ค จองโมข่มตาลงอยากนอนแต่มันนอนไม่หลับ ภาพหลอนย้อนมาในหัวอีกครั้ง แววตาเกลียดชังเกินบรรยายที่ลูกชายทั้งสองคนมองเขาด้วยความผิดหวัง ไร้คำพูดที่คิดว่าจะออกจากปากใครสักคนในนั้น เด็กพวกนี้ใจแข็งกว่าที่คิดไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องราวครั้งนั้นอีก แต่ความเงียบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น มันทำให้เขาแทบคลั่ง ต้องอาศัยยากล่อมประสาทเพื่อระงับความรุ่มร้อนในใจที่ไม่อาจบอกใครได้ เขาก้มมองเม็ดยาในมืออดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้เลย จำนวนยาเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนเสียอีก มือหนาเขวี้ยงเม็ดยาเต็มฝ่ามือออกไปอย่างหัวเสีย หลับตาลงช้าๆในสมองคิดอะไรวุ่นวายไปหมด

เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี




กลิ่นไอของยามเช้าที่แสนสดชื่นไม่ได้ส่งผ่านไปถึงคนตัวเล็กที่กำลังตกอยู่ในฝันร้ายมาตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาให้รู้สึกดีขึ้นได้เลย...ไม่เลยสักนิดเดียว  เปลือกตาบวมช้ำแสดงให้เห็นว่าจุนซูผ่านการร้องไห้มาหนักหนาแค่ไหนนั้นค่อยๆเบิกขึ้นช้าๆก่อนจะพบกับพื้นเพดานสีขาวสะอาดตากับดวงไฟที่ยังคงจะเปิดค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

ค่ำคืนที่แสนโหดร้าย...สำหรับจุนซู!

ร่างกายที่เริ่มจะขยับเขยื้อนส่งผลถึงความปวดร้าวยังสะโพกอิ่มแทบจะทันที ซื๊ดปากเบาๆเท่านั้น ในใจกลัวว่าถ้าส่งเสียงร้องโวยวายออกไปอาจจะทำให้คนใจร้ายตรงหน้าตื่นขึ้นมาซะก่อน ไม่อยากได้ยินคำพูดดูถูกจากคนๆนี้  ริมฝีปากที่เอาแต่พูดพร่ำให้เค้าได้เสียใจ  สองแขนเรียวพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆหากแต่ความระบมในช่วงล่างกลับทำให้คนจุนซูต้องหยุดอยู่กับที่อีกครั้ง จุนซูไม่กล้าขยับไปไหนแล้วในตอนนี้  ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาค่อยๆกวาดมองหาชิ้นส่วนของเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ปาดหยาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วเมื่อเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายแล่นตรงเข้ามาในหัวสมอง  เสียงสะอื้นของคนขี้ตกใจไม่ได้แทรกผ่านโสตประสาทหรือเป็นการรบกวนชายหนุ่มร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย  ยูชอนยังคงหลับตาพริ้มอย่างสบาย ใบหน้าที่เค้าเคยคิดว่าหล่อนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่แสนโหดร้อย คนๆนี้โหดร้ายกับเขาที่สุด ทำร้ายแม้กระทั่งคนที่นายไม่รู้จัก...นายทำได้ยังไง?!  แก้วตาคู่ใสมองมันอย่างนึกรังเกียจ ในใจร้อนรุ่มไปด้วยความโมโห โกรธแค้นที่ตนถูกเป็นฝ่ายกระทำอยู่ข้างเดียว หัวสมองคิดไปไกลถึงแผนการอันชั่วร้าย ถ้าหากว่าในห้องนี้มีมีดเล่มคมสักเพียงเล่มเดียว บางทีจุนซูอาจจะกลายเป็นฆาตกรไปแล้วก็ได้  นายทำชีวิตของชั้นพังหมดเลย...คนเลว! แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดของจุนซูเท่านั้น ขนาดจะลุกขึ้นยืนจุนซูยังจะทำไม่ได้เลย...เจ็บ!
ฮึก...พ่อฮะ แม่ฮะ พี่ยุน ช่วยจุนซูด้วยฮะ...ฮึกเด็กน้อยร่ำไห้ออกมาอย่างน่าส่งสาร เนื้อตัวเขียวช้ำยิ่งทำให้จุนซูเริ่มตกใจ เรียวขาบางด้านในแสดงให้เห็นถึงคราบสีแดงสดของเกร็ดเลือดที่แข็งตัว แต่เมื่อเค้าขยับตัวลุกขึ้นกลับกลายเป็นว่าหยดเลือดที่พึ่งแห้งไปไม่นานนั้นกลับไหลออกมาเปื้อนหน้าขาเต็มไปหมด  จุนซูขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่เสียแล้ว พยุงร่างกายที่อ่อนแอราวกับจะเป็นไข้พร้อมเดินไปเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกายและกลับออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเดิม 
โล่งใจไม่น้อยที่ยูชอนยังคงนอนหลับอยู่ แสงสะท้อนสีเงินจากวัตถุโลหะบางอย่างที่ตกอยู่ข้างเตียงทำให้คนขี้สงสัยเดินเข้าไปใกล้ยูชอนมากขึ้นกว่าเดิม มือบางหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดจี้รูปหัวใจนั้นออกช้าๆ  รูปของคนสองคนปรากฏแก่ดวงตาคู่หวาน จุนซูมองมันอย่างพินิจ คนทางด้านซ้ายไม่ต้องมองนานก็รู้ว่าใคร...คนใจร้ายนั่นเอง แต่กับอีกคนทางด้านขวาที่ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้นั้น ถ้าจำไม่ผิดคือคนที่เปิดประตูเข้ามา เมื่อวานนี้...แฟนของคนใจร้ายคนนี้ใช่มั้ย?  เผลอนึกคิดอะไรอยู่นาน ฟูกนุ่มตรงที่นอนขนาดคิงไซร์ก็เรียกสติของจุนซูกลับมาอย่างรวดเร็ว ยูชอนเริ่มพลิกตัวไปมาและคงจะเริ่มรู้สึกตัวในอีกไม่ช้า จุนซูรีบผละตัวออกห่างทันที ช่วงขาเรียวพยายามออกแรงก้าวขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร่ำพูดอยู่ในใจว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ ออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด...ไปให้ไกลๆ

-----------------------------------------------------------------------


ชายหนุ่มที่มีเพียงผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างกายกำยำ ยูชอนบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยล้าในตัวให้ออกไปจนหมดสิ้น ทั้งๆที่เปลือกตาก็ยังคงปิดสนิทอยู่เหมือนเดิม  มือหนาปัดป่ายไปทั่วเตียงนอนที่เมื่อคืนยังมีร่างนุ่มนิ่มให้เค้าได้กอดแต่ทว่า...ตอนนี้มันหายไปไหนเสียแล้วล่ะ???  ดวงตาคมเบิกโผลงขึ้นทันทีไร้ซึ่งความงัวเงียอย่างอาการคนที่พึ่งตื่นนอน เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งหันซ้ายทีขวาที...ว่างเปล่า!!!
หายไปไหนแล้ว...ยัยเด็กนั่นไม่รอช้ารีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วลงไปยังชั้นล่าง บางทีจุนซูอาจจะยังไปไหนได้ไม่ไกล  หยุดนิ่งอยู่ตรงหัวบันได กวางสายตามองมีเพียงแม่บ้านที่เดินผ่านมาเท่านั้น
ป้าฮะ...เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนเมื่อวานหรือเปล่าครับ?คุณชายใหญ่ของบ้านเอ่ยถามด้วยวาจาสุภาพ
อืม...ถ้าเป็นเด็กน่ารักๆที่คุณท่านพามา ป้าเห็นแกเดินออกไปแล้วล่ะค่ะ...ร้องไห้ใหญ่เลย ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบยังไม่ทันที่คุณป้าแม่บ้านจะพูดจบ ยูชอนก็รีบวิ่งไปที่โรงรถทันที นึกถึงใบหน้าตอนนั้นของจุนซูแล้วก็แอบหวั่นใจไม่น้อย  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เสียงร้องที่พร่ำบอกให้เค้าหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน...แต่ชั้นช่วยไม่ได้จริงๆที่เธอดันตกไปเป็นเครื่องมือของพ่อชั้น

-------------------------------------------------------------------------------------

จุนซูออกมาจากคฤหาสน์ที่ไม่ต่างอะไรจากขุมนรกขนาดย่อมเลยสักนิดเดียวในความคิดของเค้า เด็กน้อยเดินไปตามฟุตบาทที่ทอดยาวออกไป แสงแดดในยามสายทำให้จุนซูรู้สึกร้อนและแสบผิวกายไปหมด หากแต่ภายในร่างกายกลับหนาวยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าซีดเซียวแหงนขึ้นมองพระอาทิตย์  ภาพตรงหน้าเริ่มทับซ้อนกัน สะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ความมึนงงแต่ยิ่งทำแบบนั้นจุนซูก็ยิ่งปวดหัวหนักขึ้นกว่าเก่า  เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นตามไรผมและโครงหน้าสวย กลั้นใจเดินต่อไปเรื่อยๆ บอกกับตัวเองว่าอีกนิดเดียว...อีกนิดเดียวเท่านั้น หนทางข้างหน้าคือถนนใหญ่ที่จุนซูต้องการจะเดินไปให้ถึงเร็วที่สุด  แต่ทว่าเรี่ยวแรงในตอนนี้เริ่มถดถอย ร่างกายไม่เป็นไปตามสิ่งที่จิตใจต้องการให้เป็น จุนซูไม่สามารถฝืนร่างกายตัวเองได้อีกต่อไป เปลือกตาปิดลงพร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่หล่นวูบลงพร้อมที่จะสัมผัสกับพื้นคอนกรีตเสียดผิว  กัดปากตัวเองแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาที...

ไม่เจ็บ???

ตอนนี้จุนซูกำลังอยู่ที่ไหนนะ  จุนซูต้องลงไปนอนกองกับพื้นแล้วสิ แต่ทำไมพื้นมันถึงได้นุ่มแบบนี้ล่ะ ไม่จริง! นี่เรากำลังฝันไปใช่มั้ย...เกิดอะไนขึ้นกันแน่  สติที่มีอยู่น้อยนิดเริ่มคิดไตร่ตรอง ดวงตาหวานเปิดลืมขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย กระจกตาสะท้อนเงาของชายหนุ่ม  พยายามเพ่งมองเท่าไหร่แต่จุนซูก็ยังคงมองไม่ได้ชัดอยู่ดี ภาพมันซ้อนกันจนเบลอไปหมด รอยยิ้มเหนื่อยอ่อนคล้ายเป็นคำขอบคุณอยู่ในทีเผยให้คนมองได้แปลกใจเล่นก่อนที่จุนซูจะหมดสติไปจริงๆ



ยูชอนให้แม่บ้านขึ้นมาเช็ดตัวพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับจุนซู  ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูเข้ามาดูอาการของคนไข้  ยูชอนนั่งลงข้างๆเตียงนุ่มก่อนจะจดจ้องไปที่ใบหน้าขาวใสไร้ตำหนิบวกกับผิวขาวอมชมพูบ่งบอกให้รู้ถึงการถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยตำหนิมากมาย รอยช้ำสีเขียวอมม่วง รอยสีแดงเป็นจ้ำๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนฝีมือของยูชอนทั้งนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างครุ่นคิดพลันนึกถึงใครบางคนที่ตนรักและคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ ไม่รู้ว่าแจจุงจะเป็นยังไงบ้าง โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ยิ่งทำให้เค้าอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เอาไว้ให้เค้าเคลียเรื่องของจุนซูเสร็จก่อนแล้วกัน ยูชอนหวังว่าแจจุงจะเข้าใจเค้าอย่างที่ผ่านๆมาเพราะรู้ดีว่า...ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม แจจุงจะเป็นคนที่มีเหตุผลและรับฟังความคิดของเค้าเสมอ แต่ดูเหมือนครั้งนี้ยูชอนจะผิดเต็มประตู เฮ่อ~~~  ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ  ด้วยความเคยชินชายหนุ่มยกมือขึ้นจับจี้รูปหัวใจที่ควรจะห้อยอยู่ตรงหน้าอกของตนเอง แต่ก็ต้องตกใจเพราะมันไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว แล้วมันหายไปไหน?  นั่งคิดอะไรไปเพลินๆคนที่หลับไปได้สักพักใหญ่ๆดูเหมือนจะเริ่มฟื้นจากอาการไข้ จุนซูส่งเสียงอู้อี้ในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นมา ทว่าใบหน้าน่ารักเมื่อครู่กลับฉายแววของความตกใจ 


กลับมาที่นี่อีกแล้ว!

เป็นอะไร...ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยเสียงห้วนๆที่ดูไม่เป็นมิตรอีกตามเคยของยูชอนดังขึ้น ลืมนึกถึงเรื่องสร้อยคอไปชั่วขนาด จุนซูซึ่งไม่อยากเห็นหน้าชายหนุ่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เสใบหน้าหันไปทางอื่นทันที สร้างความไม่พอใจให้กับยูชอนเป็นอย่างมาก บีบคางมนเบาๆให้หันกลับมาสบตา ไม่ชอบเลยที่คนตรงหน้าแสดงท่าทีรังเกียจเค้าแบบนี้
อย่ามาทำเป็นรังเกียจชั้นไปหน่อยเลย...ทีเมื่อคืนเธอยัง...หึหึค้างเอาไว้แค่นั้นให้คนฟังได้นึกคิดเอาเองตามแต่ใจ จุนซูไม่ได้โต้งเถียงอะไรออกไปเค้าเหนื่อยเกินที่จะพูดออกมา ในอกมันอัดอั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มตาไม่กระพริบจนหยดน้ำเม็ดเล็กไหลเปื้อนฝ่ามือของยูชอนจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ว่านี้ สีหน้าของยูชอนมีแววรู้สึกผิดอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างโปร่งจะลุกขึ้นเดินไปยังบานหน้าต่าง แหวกผ้าม่านออกพร้อมกับเลื่อนบานกระจกใสให้อากาศในห้องได้ถ่ายเทกว่าเดิม
ทำไมมองชั้นแบบนั้นนะ...ยัยเด็กบ้าบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องร้อนรนแบบนี้ ทั้งที่พ่อของเค้าก็อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมเค้าต้องไปใส่ใจกับเด็กอวดเก่งปากดีแบบนั้นด้วย? ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา พรางถอนหายใจออกมาเผื่อว่ามันจะช่วยทำให้เค้าได้คลายความกังวลภายในจิตใจลงไปได้บ้าง  ตอนนี้จุนซูลุกขึ้นมานั่งแทนแล้ว ริมฝีปากบางเอ่ยถามอะไรบางอย่างออกไป
กำลังคิดถึงแฟนนายอยู่หรอ?ใบหน้าน่ารักยังคงสนใจอยู่กับสร้อยเส้นบางตรงหน้า
ถามทำไม?ชายหนุ่มหนุ่มยังคงหันหลังให้กลับร่างเล็ก เอ่ยถามย้อนกลับ
ก็...เป็นใครก็ต้องคิดถึงแฟนกันทั้งนั้น ยิ่งมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว...สีหน้านายมันบ่งบอกยูชอนไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่จุนซูพูด เพราะที่คนตัวเล็กพูดมานั้นมันถูกต้อง...ถูกต้องทุกอย่าง
แล้วนายล่ะไม่คิดถึงแฟนของนายหรือไง?
ไม่!!!”เสียงเล็กตอบอย่างแข็งก้าว  ยูชอนหันมาเผชิญหน้ากับคนพูดที่อยู่ๆก็นิ่งเงียบไป
ชั้นยังไม่มีแฟนหรอกคนตัวเล็กพูดเสียงสั่น
แต่ตอนนี้ชั้นคิดถึง...ฮึก...พี่ยุนโฮยูชอนรู้สึกได้เลยว่าเด็กคนนี้ไร้พิษภัยจริงๆ ร่างบางตรงหน้าเป็นแค่เด็กน้อยที่แสนจะบอบบางราวกับแก้วที่กำลังจะแตกก็ไม่ปาน
จะกลับบ้านหรือยัง?คนขี้แงเงยหน้าขึ้นมองคนถามด้วยความดีใจ จุนซูอยากกลับบ้านไปหาพี่ยุนโฮแล้ว รอยยิ้มที่ผุดขึ้นนั้นทำเอาคนมองวางตัวไม่ถูกไปเลย
นั่นอะไรน่ะ!?คนตาดีเหลือบมองสิ่งของในมือที่จุนซูกำมันเอาไว้แน่น ท่าทางของจุนซูดูผิดสังเกตสำหรับชายหนุ่มยิ่งนัก
ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรนี่
แบมือออกมา...ชั้นเห็นว่ามันมีอะไรอยู่ในมือเธอ!”ตรงเข้าไปยื้อเพื่อที่จะได้รู้ถึงสิ่งของที่อยู่ข้างในนั้น บางทีมันอาจจะเป็นสร้อยที่เค้าหวงมากที่สุดก็ได้ สร้อยของคุณแม่ที่ข้างในมีรูปของคนที่เค้ารักสุดหัวใจ...แจจุง ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้จุนซูไม่อาจต้านทาน ฝ่ามือบางยกขึ้นสุดตัวก่อนจะออกแรงขว้างชิ้นโลหะลอยออกนอกหน้าต่างไป ยูชอนมองตามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจุนซูจะกล้าทำอะไรที่ยั่วโมโหและอวดดีกับเขาแบบนี้
เธอ!!! ยัยเด็กขี้ขโมยเสียงตะหวาดดังลั่นไปทั่ว จนจุนซูต้องเอามือขึ้นมาอุดหู ยูชอนดูกระวนกระวายใจจนจุนซูรับรู้ได้เลยทีเดียว
ก็มันตกอยู่ที่พื้นเอ่ยปากเถียงอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มแดงก่ำจากความโกรธและโมโหขั้นรุนแรง
ถ้าชั้นหาสร้อยเส้นนั้นไม่เจอ...เธอต้องรับผิดชอบ

เด็กน้อยที่ยูชอนมองว่าไม่มีพิษภัย เด็กน้อยที่แสนบอบบาง
ยูชอนคิดผิดแล้ว!

ยูชอนรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันทีก่อนจะตรงไปยังที่ที่จุนซูโยนสร้อยลงมา จุนซูมองเห็นยูชอนได้อย่างชัดเจนจากบานหน้าต่าง รอยยิ้มสะใจผุดขึ้นอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้เรี่ยวแรงที่หายไปเริ่มจะฟื้นกำลังกลับมาแล้ว คนตัวเล็กคงไม่รอให้ชายหนุ่มกลับมาทำโทษเค้าอีกแน่ๆ สองเท้าค่อยๆก้าวลงไปตามทางบันไดและพบเข้ากับคนลุงหน้าตาใจดี ถ้าเดาไม่ผิดคุณลุงคนนี้ถ้าไม่ใช่คนสวนก็คงจะเป็นคนขับรถของที่นี่
คุณลุงฮะ...ช่วยไปส่งผมที่ถนนจีซานหน่อยสิฮะใบหน้าน่ารักเอ่ยอย่างคนขี้อ้อน จนคุณลุงเห็นแล้วก็ใจอ่อนยอมตบปากรับคำ โดยที่ยังคงความสงสัยอยู่ใจในว่าเด็กคนนี้คือใคร? เข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง?...แต่ด้วยความที่รับปากไปแล้ว ไปส่งก็ไปส่ง - -+
เป็นเวลาร่วมสองชั่วโมงที่ยูชอนยังคงเอาแต่ก้มหาสร้อยที่เค้าหวงมากที่สุด  บริเวณที่ยัยเด็กอวดดีโยนสร้อยลงมาเป็นพื้นที่ของสวนดอกไม้ จึงทำให้การค้นหาเป็นไปได้ยากแต่ตอนนี้สร้อยเส้นนั้นมันก็ได้กลับมาอยู่ในมือของยูชอนเรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มปาดเหงื่อก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา กดจูบเบาๆที่จี้เพชรพร้อมกับแขวนมันเอาไว้ที่คอดังเดิม แหงนหน้าขึ้นมองบานหน้าต่างห้องของตนเอง...ถึงเวลาที่ชั้นจะกลับไปจัดการกับเธอแล้ว ยัยเด็กอวดดี!
อ่าว...คุณยูชอนจะรีบไปไหนคะนั่นเสียงแม่บ้านร้องทักกับท่าทีที่ดูเร่งรีบนี้
เอ่อ...ขึ้นไปข้างบนน่ะครับ มีอะไรหรือเปล่าฮะ?
ไม่มีหรอกค่ะ...แต่ถ้าคุณยูชอนจะตามหาเด็กหนุ่มคนนั้น...เค้ากลับบ้านไปแล้วล่ะค่ะคำพูดของแม่บ้านวัยชราทำเอายูชอนโมโหปรี๊ดมากขึ้นกว่าเดิม ยัยเด็กนั่นคงอาศัยจังหวะที่เค้าไปหาสร้อยหนีกลับบ้านไปก่อน
ไปนานหรือยังฮะป้าถามอย่างร้อนรนใจ ถ้าจุนซูพึ่งไปได้ไม่นานยูชอนก็รีบตามไปให้ทันแล้วจับมาลงโทษซะให้เข็ด
นานแล้วล่ะค่ะ ร่วมสามชั่วโมงได้แล้วมั้งคะหมดกัน...ยูชอนคิดอย่างเสียดาย
 คุณหนูคนนั้นมาขอร้องให้จางซุกไปส่งน่ะค่ะ
อ่า...งั้นถ้าคุณลุงจางซกกลับมาแล้วให้เค้ามาพบผมด้วยนะครับ
ได้ค่ะ
ขอบคุณครับ^^”เดินกลับขึ้นห้องด้วยความเสียดาย เห็นแบบนั้นร้ายกาจใช่ย่อย
เธอคิดว่าชั้นโง่นักหรือไง...ฝากไว้ก่อนเถอะ...ยัยเด็กบ้า!”


2555/04/21

[Fic] ~ Love Dark...เพราะรักออกแบบไม่ได้ ~ Part...1 แผนการที่แยบยล


Title :  ~ Love Dark...เพราะรักออกแบบไม่ได้  ~
Writer :  KJW +  GroupBee
Couple:  YunJae , YooSu , Changmin
Genre : Romantic , Drama
NC :  18+

Part...1 แผนการณ์ที่แยบยล

ข้อมือบางถูกคว้าหมับขณะที่เจ้าตัวกำลังเช็ดโต๊ะอาหารอย่างเหม่อลอย หัวสมองยังไม่หยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับยูชอน นับตั้งแต่แจจุงเห็นภาพทำร้ายจิตใจของคนรักนอนกอดก่ายกับใครก็ไม่รู้ ความเสียใจกับสิ่งที่เกิดทำให้ไม่อาจอยู่รอคำอธิบาย

...ในเมื่อหลักฐาน ก็ชัดเจนอยู่แล้ว...

บอกตัวเองว่าไม่ให้คิดแต่ก็ยังอดคิดถึงมันไม่ได้ ยิ่งกว่าเสียใจเมื่อก้าวเดินออกจากห้อง คุณพ่อของยูชอนก็หัวเราะใส่หน้าอย่างเย้ยหยัน แววตาที่คนสูงวัยสะท้อนผ่านลูกแก้วสีน้ำตาลบ่งบอกถึงความสมเพช ถึงจะรู้ว่าจองโมเกลียดเขามากแค่ไหนแต่ก็ยังอดเสียใจกับท่าทีของชายสูงวัยไม่ได้ แจจุงปาดน้ำตาลวกๆก่อนหยุดโค้งคำนับอย่างเคารพ
กระดาษใบหนึ่งถูกยื่นมาจนประชิดใบหน้า เสียงทรงอำนาจออกคำสั่ง“รับไปซะ แล้วเดินออกไปจากชีวิตยูชอน ตลอดกาล”แจจุงพึ่งสังเกตจริงๆว่า กระดาษแผ่นนั้นคือ เช็ค  ให้ตายเถอะจะดูถูกกันเกินไปแล้ว ถึงเขาจะจนแต่ก็ไม่เคยขอใครกิน และการที่เป็นคนรักของยูชอน เขาไม่เคยหวังอะไรให้ตัวชายหนุ่มเลยสักนิด คุณพ่อของยูชอนทำแบบนี้เหยียดหยามกันเกินไปแล้ว
“.................” แจจุงจ้องใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งประสบการณ์ชีวิตด้วยความโมโห ความเสียใจกับสิ่งที่เห็นในห้อง ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับความเสียใจในตอนนี้
“อย่าทำเป็นหยิ่ง รับไปซะ หรือเธอกำลังหวังอะไรที่สูงกว่านี้ ห๊ะ...แจจุง หัดเจียมตัวซะบ้าง กายังไงก็คือกา ไม่มีทางเปลี่ยนมาเป็นหงส์ได้หรอก ที่ชั้นพูดน่ะ เธอเข้าใจมั้ย?  เอาไป...แล้วก็ออกไปจากบ้านชั้นได้แล้ว เดี๋ยวจุนซู เอ่อ...ลูกสะใภ้ชั้นตื่นมาเห็นเธอเข้า ชั้นขี้เกียจบอกว่าเธอเป็นใคร...เชิญ!” มือหยาบยัดเช็คใส่มือเรียวสวยที่ยังสั่นเทา อาการพูดไม่ออกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง กว่าจะหาคำพูดของตัวเองได้ คนสูงวัยก็กำลังหันหลังเตรียมเดินเข้าไปในห้องนอนยูชอนแล้ว
“ผมไม่เอา เก็บเงินของคุณคืนไป”พูดขึ้นมาสุดเสียง แล้วดันกระดาษคืนยังคนเป็นเจ้าของอย่างไม่แยแส ปาร์ค จองโม เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ด้วยความสงสัยจึงเอ่ยปากถาม
“ทำไม หรือเธอไม่เห็นว่าชั้นยังไม่ได้กรอกตัวเลข”แจจุงส่ายหน้า
“ไม่ครับ ผมเห็น”
“แล้วทำไม?”
“เงินของคุณอาจจะซื้ออะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ซื้อชีวิตผม ถ้าผมจะเลิกกับยูชอนก็เพราะผมต้องการจะเลิกด้วยตัวผมเอง ไม่เกี่ยวกับเงินของคุณ และถ้าผมไม่อยากจะเลิกกับยูชอนต่อให้คุณหาใครมาบำเรอยูชอน ผมก็ไม่แคร์ ดีซะอีกยูชอนจะได้มีความสุข”ปาร์ค จองโมถึงกับนิ่งอยู่นานจากถ้อยคำตอบโต้ของเด็กที่ตนไม่เคยนึกชอบใจ เขาเกลียดเด็กเหลือขอนี่มากที่สุดเพราะมันทำให้ลูกชายที่เขารัก กล้าขัดใจเขาทั้งยูชอนและยูฮวานเด็กที่เคยเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดีทั้งคู่ แต่กลับกลายเป็นว่า การที่เขากีดกันไม่ให้คบกับเด็กต่ำๆอย่างแจจุงและชางมิน ทำให้ลูกชายทั้งคู่โกรธกระทั่งไม่อยากจะมองหน้าเขาอีกเลย ตอนที่ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอก็รักและเอ็นดูพวกเด็กนี่มาก ไม่รู้พวกมันมีดีอะไร กำพืดก็ต่ำ แต่เขาก็ยังยอมๆเพราะเห็นแก่ความสุขของในบั้นปลายชีวิตของเธอ
หลังจากที่เธอตายไป ลูกชายทั้งคู่ของเขาก็ยิ่งทำตัวติดเป็นตังเมกับพวกเด็กเหลือขอมากกว่าเก่า ทั้งที่เขาสู้อุตส่าห์หาวิธีจับแยกแทบตาย สุดท้ายลูกชายตัวดีก็ยังไม่เลิกคบกัน ซ้ำยังสนิทกันเกินกว่าจะแยกออกได้ แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับยูชอนลดตัวไปเป็นคนรักกับ คิม แจจุง ให้เขาช้ำใจเล่นอีก  ตาทั้งคู่สบมองกันอย่างหยั่งเชิงท่าทีกันและกัน ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง  ปาร์ค จองโมเกลียดความรู้สึกที่เหมือนตัวเองกำลังถูกกดดัน เส้นเลือดปูดขึ้นมาจนเห็นเด่นชัดบนสีหน้าโมโหจัดของผู้สูงวัย เขาโกรธมากจนบรรยายไม่ถูก คนอย่างแจจุงกับการโต้ตอบกลับมาอย่างดุเดือด ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ แต่คำพูดที่แสดงออกว่ารู้ทันของคนชั้นต่ำแบบนั้น มันสุดจะทนจริงๆ มือหยาบสะบัดแรงบนผิวหน้าซีดขาวจนขึ้นรอยแดงเป็นปื้นใหญ่กระจ่างชัดตัดกับผิวขาวน้ำนมของคนหน้าสวย แรงตบทำให้ริมฝีปากบางฉีกขาดมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยพอให้รู้สึกแสบ
“อย่าปากดี คิม แจจุง อย่าได้บังอาจมาก้าวร้าวคนที่ชั้นเลือกให้ยูชอนเป็นอันขาด จุนซูสูงส่งเกินกว่าที่คนอย่างเธอจะกล่าวหา”ปาร์ค จองโมตวาดดังลั่นอย่างไม่อาจควบคุมสติ แจจุงไม่ได้แสดงถึงความเจ็บที่ได้รับ ไม่มีร่องรอยแห่งความเสียใจกับคำพูดถากถาง เขาเพียงแต่หัวเราะในลำคอก่อนยิ้มให้คนที่อุตส่าห์ประทับรอยนิ้วมือบนแก้มเนียนใส ท่าทีที่แสดงออก มันทำให้ปาร์ค จองโมแทบเต้นเร่าด้วยความชิงชัง เขาเกลียดดวงตากลมโตคู่นั้นที่จ้องกลับมาไม่ลดละ เงาสะท้อนในลูกแก้วใสราวกับบอกว่าการกระทำของเขามันน่าขันเพียงใด ถึงไม่พูดออกมาแต่สายตาคู่นั้นตอบแทนหมดทุกอย่าง

...เกลียดแกจริงๆ คิม แจจุง ชั้นจะทำลายชีวิตของแกให้ย่อยยับ...

มือที่ส่งไปทำร้ายคนตัวเล็กกำหมัดแน่นสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งร่างกาย เด็กบ้านี่ยังไม่หยุดจ้องตากับเขาอีก ยิ่งเงียบยิ่งไม่ตอบโต้ ยิ่งทำให้ปาร์ค จองโมร้อนรุ่มในใจแทบระเบิด เขาจะอกแตกได้ด้วยความทรมานอยู่แล้ว ท่าทีนิ่งงันของแจจุง ทำให้เขาหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก เขาไม่สามารถทนเห็นคนที่แสนเกลียดยืนอยู่ในระยะการมองของตนเองได้อีกต่อไปแล้ว
“แกออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้...ไป!!!
 “ขอให้คุณมีความสุขกับสิ่งที่คุณกำลังทำนะฮะ แล้วรักษาความสุขที่ได้รับให้อยู่กับคุณไปนานๆล่ะ ผมขอตัว”เสียงหวานพูดนิ่งเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ เดินออกมาอย่างสับสนในใจ แจจุงควรจะร้องไห้กับชะตาชีวิตน่าขำของตัวเองดีหรือควรจะหัวเราะไปกับมันดี เขาเริ่มเหนื่อยกับการ รัก ยูชอนเสียแล้ว  แรงบีบหนักๆที่ข้อมือบางปลุกแจจุงให้หลุดจากภวังค์ ความรู้สึกแรกที่แวบผ่านเข้ามาในหัวคือ ตกใจ ตากลมโตมองผ่านข้อมือสวยที่ยังถูกจับไว้ไม่ปล่อยเลยไปที่ใบหน้าของเจ้าของกริยาฉาบฉวยไม่ให้เกียรติ
“ช่วยตามผมมาทางนี้หน่อยนะครับ”คำพูดกึ่งขอร้องอย่างมีมารยาทแต่การกระทำดังกล่าวไม่ได้บ่งบอกถึงความมีมารยาทของผู้พูดเท่าไหร่ มือบางพยายามสะบัดข้อมือให้พ้นจากการเกาะกุม แต่ทำอย่างไรก็ไม่หลุด ข้อมือเล็กขึ้นรอยแดงช้ำอย่างไม่ต้องสงสัย แรงฉุดกระชากของคนที่มีกำลังเหนือกว่ากึ่งอุ้มกึ่งลากเขาห่างออกไปจากร้านของพี่ชายคนสนิทพอสมควร ร่างบางถูกผลักโครมเข้าไปให้รถสีดำคันใหญ่ที่จอดคอยอยู่แล้วริมถนน แจจุงเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในสิ่งที่เกิดมากขึ้นทุกขณะ เพียงแต่กลิ่นหอมแปลกๆที่ใครบางคนในรถยัดเยียดให้เขาสูดดม ทำให้ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว ก่อนสติเขาจะพลันดับวูบในที่สุด...
                       
------------------------------------------------------------------------------

ชอง ยุนโฮขยับกายหมายขับไล่ความรู้สึกเมื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว ความรู้สึกแรกที่ลืมตาคือปวดหัวและมันเริ่มปวดมากขึ้นจนเขาเกือบลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำ สมองอันชาญฉลาดกำลังประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นย้อนกลับไป ตั้งแต่เขาเดินทางกลับมาถึงบ้าน ใช่แล้ว...คุณอาจองโม โทรมาคุยเรื่องงานและชวนเขาออกมาทานอาหารมื้อค่ำ ถึงแม้ร่างกายที่ทำงานอย่างหนักมาทั้งวันจะเรียกร้องหาการพักผ่อนบนเตียงอุ่น แต่ยุนโฮก็ไม่อยากขัดใจคุณอาจองโมซึ่งคอยให้คำปรึกษาเรื่องธุรกิจสำหรับเด็กรุ่นใหม่อย่างเขาอยู่เสมอ แถมความสัมพันธ์ของคุณอากับคุณพ่อของยุนโฮก็เป็นความผูกพันกันแน่นเฟ้น รวมถึงรุ่นลูกอย่างเขากับยูชอนก็คบหากันอย่างสนิทสนม ยิ่งนึกก็ยิ่งปฎิเสธไม่ได้ ขนาดไม่รวมเรื่องที่เขาเป็นคู่หมั้นกับยูฮวานน้องชายที่น่ารักของยูชอนอีกเรื่อง คำบอกปัดจึงหมดไป
ระหว่างรับประทานอาหารเหมือนว่ายุนโฮขอตัวไปรับโทรศัพท์ข้างนอกร้านครู่หนึ่ง พอกับมาคุณอาก็ชวนดื่มไวน์ เขาอยากปฎิเสธแต่ก็อีกนั่นแหละคำว่า แค่แก้วเดียว คำพูดของเขาจึงถูกกลืนไปในลำคอ ไวน์แดงสีเข้มไหลผ่านลำคอลงไปช้าๆจนไม่เหลือน้ำสีเลือดหลงเหลือในแก้วทรงสูงสักหยด แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ชั่วขณะหนึ่งซึ่งสายตาเขาเหลือบไปเห็น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของคุณอาจองโม ฉายแววแปลกๆ ดูพอใจ สมใจหรือว่าสะใจ แค่ไวน์แก้วเดียวไม่น่าจะเมาได้ แต่ตอนนี้ทั้งร่างกายกับร้อนผ่าว อึดอัดแทบหายใจไม่ออก นัยน์ตาแดงก่ำสบตาเพื่อนคุณพ่อที่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ยุนโฮไหวมั้ย? อาไม่น่าคะยั้นคะยอให้เราดื่มเข้าไปเลย เอาอย่างนี้เดี๋ยวอาให้คนของอาขับรถไปส่งนะ”ถึงไม่อยากรับความหวังดี แต่ยุนโฮก็ไม่อาจปฏิเสธเช่นเดียวกัน เนื่องจากสภาพร่างกายของตัวเองตอนนี้ บอกได้เลยว่าไม่มีปัญญาพาตัวเองกลับบ้านได้แน่ ยุนโฮผงกหัวรับอย่างจำนน รู้สึกสะลึมสะลืออย่างบอกไม่ถูก เรี่ยวแรงหดหายไปไหนหมดไม่รู้ กระทั่งถูกพยุงร่างใหญ่มานอนบนเตียงก็ยังมึนงงอยู่มาก  แปลกที่แปลกตา บรรยากาศโดยรอบมันไม่ใช่บ้านของเขาแน่ แต่ไม่มีแรงแม้จะเอ่ยถามว่าพาเขามาที่ไหน วูบเดียวรู้สึกเหมือนกำลังหลับไป แต่ความร้อนผ่าวภายในร่างกาย ทำให้ยุนโฮบิดกายไปมาอย่างไม่อยู่สุข อึดอัดไปทุกส่วน  เสียงครื่นๆของเครื่องปรับอากาศบอกถึงการทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี หากแต่เขาไม่ได้รู้สึกว่าไอเย็นจากมันจะช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่นจากอุณหภูมิในตัวเขาได้เลยสักนิด ยุนโฮปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเนื้อดีจนพ้นตัว ยังไม่ช่วยคลายความร้อนในกายและบางอย่างกลางลำตัวกำลังเรียกพองตัวแน่นคับดันเป้ากางเกงแสล็คสีเข้ม ยุนโฮไม่เคยเกิดความต้องการมากมายถึงขนาดต้องส่งมือหนาไปขย้ำตรงปลายสกัดอารมณ์หวาม ร่างหนานอนหายใจหอบถี่ อึดอัดไปหมดราวกับทั้งร่างจะระเบิด

...ไม่เพียงพอ ส่วนอ่อนไหวเรียกร้องจากยุนโฮ มากกว่านั้น...

ร่างหนาบิดกายไปมา ทรมาน เขาปรารถนาที่จะปลดปล่อย เสียงเปิดประตูห้องดังแว่วอยู่ในหู ยุนโฮยังไม่ทันได้พูดถามในสิ่งที่ตนสงสัย ไม่ทันได้มองคนที่ก้าวเข้ามาให้เต็มตาว่าเป็นใคร ร่างของใครสักคนก็ถูกปล่อยลงข้างตัวเขา ยุนโฮเอี้ยวตัวมองคนที่ถูกวางลงข้างๆ ในนาทีเดียวกับที่เสียงประตูห้องปิดลงพร้อมกับชายที่เป็นคนพาคนแปลกหน้ามานอนเคียงข้างเขา

...สวย...

คำเดียวที่นิยามคนตรงหน้าได้ดีที่สุด สายตาคมสำรวจคนแปลกหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ พยายามอย่างยิ่งยวดในการบังคับจิตใจไม่ให้ทำอะไรชั่วๆ แต่เขาไม่อาจห้ามการกระทำของร่างกายที่ไม่หยุดสอดมือเข้าไประรานผิวเนียนละเอียด เสื้อตัวบางถูกอัญเชิญออกจากร่างที่หลับใหลไม่ได้สติตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ บอกตรงๆว่าตอนนี้ยุนโฮแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไร มีเพียงสิ่งเดียวในหัวคือสัมผัสเรือนร่างงดงามราวรูปสลักของคนตรงหน้า  ไม่นานร่างเปลือยเปล่าก็ปรากฏแก่สายตา ตอนนี้ยุนโฮไม่คำนึงถึงเหตุผล ว่ามันจะผิดชอบชั่วดีแค่ไหน เขาเกิดความปรารถนารุนแรงและต้องได้ ครอบครอง มันเดี๋ยวนี้
ริมฝีปากอิ่มดูดกลืนผิวเนื้อขาวกระจ่างตา ร่างบางสั่นนิดๆคงจะรู้สึกไม่ชินกับสิ่งน่ารำคาญซึ่งระรานไปทั่วทั้งร่าง ลิ้นหนาทำหน้าที่คู่กับริมฝีปากอิ่มเป็นอย่างดี ทั้งดูดทั้งเลียยอดอกสวยทั้งสองข้างอย่างต้องมนต์ ยุนโฮหยุดตัวเองไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว เสียงครางในลำคอสวยอย่างเคลิบเคลิ้มไปในรสสัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นขยายขนาดจนรู้สึกจุก ยุนโฮแหวกเรียวขาขาวนวลออก จูบซ้ำๆไปถึงซอกขาด้านในแต่ด้วยความต้องการของร่างกายที่ประท้วงไม่หยุด ทำให้เขาไม่อาจชื่นชมความงดงามของเรือนร่างสวยให้เนิ่นนานไปกว่านี้ ร่างกายของเขาทนมานานพอแล้ว มือใหญ่จึงจับกระชับต้นขาอ่อน ยกสะโพกมนขึ้นมาให้สะดวกแก่การสอดใส่ เติมเต็มมันด้วยส่วนไวต่อความรู้สึกของร่างกายตัวเอง แทรกผ่านช่องทางรักคับแคบที่เด่นชัดตรงหน้าเข้าไปจนหมด เลือดที่เกิดจากการฉีกขาดไหลทะลักออกมาไม่หยุด กลายเป็นดั่งน้ำมันหล่อลื่นชั้นดี ทำให้ยุนโฮสวนกายเข้าไปโดยง่าย ถ้าเป็นเวลาที่ยุนโฮมีสติเป็นตัวของตัวเองมากกว่านี้ เขาคงไม่ฝืนกระแทกกายเข้าไปในนั้นอย่างดึงดันแบบนี้ เพียงแต่ในเวลานี้ ยุนโฮมีแต่ความต้องการรุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สะโพกหนาจึงอัดกระแทกสวนกายเข้าไปในร่างบางอย่างรุนแรง สติรับรู้ผิดชอบชั่วดีถูกวางกองไว้สักมุมหนึ่งในห้อง จะเรียกว่าขาดสติก็ไม่เชิง เพราะยุนโฮรับรู้อยู่ตลอดว่าตัวเองกำลังทำอะไร เพียงแต่ไม่อาจหยุดยั้งความต้องการทางเพศของตนได้เลย

หรือถ้าเขาสามารถที่จะ หยุดได้  ก็ไม่อยากหยุดอีกต่อไปแล้ว!

ร่างที่นอนสลบรองรับอารมณ์ใคร่ยังคงไม่รับรู้ถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของตัวเอง แต่เพราะความเจ็บแสบที่ได้รับจากการร่วมเพศ น้ำตาเม็ดใสค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น  ทั้งหมดมันออกมาจากจิตใต้สำนึกของคนเจ็บกายเท่านั้น
“อ่า...อือออ~“เสียงทุ้มปลดปล่อยร่างกายตัวเองกับร่างบอบช้ำไปไม่รู้กี่ครั้งจนกระทั่งความรู้สึกต้องการมากมายในตัวลดลงไปมากแล้ว แต่ยุนโฮยังไม่อาจตอบตัวเองได้ว่าทำไมเขายังไม่อยากปล่อยร่างบางเป็นอิสระ ไม่หรอกเขายังต้องการอยู่ ยุนโฮพูดบอกตัวเองไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว หลังจากพยายามหาข้ออ้างในการล่วงเกินผิวขาวผ่องที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยรักที่เขาตีตราจองไว้จนทั่ว
กลิ่นหอมจากกายคนแปลกหน้าที่ตัวเองกำลังโอบรัดแน่นหนา พร้อมบดเบียดร่างแกร่งของตนแนบสนิทผิวขาวนวลเนียนไม่ห่าง ทุกส่วนในร่างกายเกี่ยวรัดกันจนแยกแทบไม่ออกว่าส่วนไหนเป็นแขนใคร ส่วนไหนเป็นขาใคร ยุนโฮบดเบียดกายแกร่งเข้าหาร่างที่หลงใหลไม่รู้เบื่อ เป็นจังหวะรับกับส่วนเชื่อมประสานของร่างกายทั้งคู่ที่ยังเสียดสีกันต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าจะยอมหยุด กลิ่นกายของคนๆนี้เป็นส่วนหนึ่งที่กำลังทำให้เขาคลั่ง ควบคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ  มือหนาบีบเค้นไปทั่วทั้งร่าง ริมฝีปากอิ่มก็ขบกัดสร้างรอยประดับไม่รู้เบื่อ ตอนนี้ไม่มีส่วนไหนของคนๆนี้ที่ชอง ยุนโฮไม่รู้จัก เขาสำรวจมาครบทุกส่วนแล้ว ตักตวงความสุขจากการดื่มด่ำร่างตรงหน้าเต็มที่  นาทีนี้เขาไม่รู้จักคำว่า อิ่ม กับคำว่า พอ เสียแล้ว
ความหอมหวาน เย้ายวนที่ได้รับจากบทรักร้อนแรงกับร่างกายที่สวนประสานกันเป็นหนึ่งยิ่งแนบชิด ความต้องการเข้าไปในจุดที่ล้ำลึกที่สุดภายในร่างกายของคนในวงแขนทวีขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม ทุกท่วงท่า ทุกลีลาเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของตัวเองทั้งสิ้น ร่างหนาบดเบียดกายเสียดสีผิวเนื้อขาวน้ำนมอีกครั้งและอีกครั้งอย่างพึงพอใจ ถ้าทำได้เขาอยากกลืนกินร่างบางนี่ด้วยซ้ำ ผิวเนื้อขึ้นสีแดงระเรื่อไปหมดจากการบีบขยี้รุนแรงจากน้ำมือชายหนุ่ม เมื่อไม่อาจระงับความเสียวซ่านที่ได้รับ ร่างหนาเริ่มออกอาการเกร็งปลายเท้าจิกลงบนฟูกหนานุ่ม บ่งบอกถึงปลายทางที่กำลังจะไปถึง ร่างหนาครางกระเส่าไม่หยุดกับความสุขที่ได้รับ  ผลผลิตจากเกมส์รักพวยพุ่งเข้าใส่ช่องทางสีชมพูที่แตกปริจากแรงเสียดสีของร่างกาย ขนาดคนๆนี้ไม่มีสติรับรู้ใดๆร่างบางยังตอดรัดเนื้อแน่นที่เขาสวนกายเข้าใส่ สร้างความสุขสมจนไม่อยากออกห่างเรือนร่างน่ากอดสักนิด แต่เขาเริ่มเหนื่อยล้ากับเกมส์รักซึ่งดำเนินต่อเนื่องไม่มีจุดสิ้นสุด แม้กระทั่งแสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาแผดเผาเรือนกายที่เกี่ยวรัดกันจนผิวของยุนโฮขึ้นสีแดงออกมาอย่างเด่นชัด ร่างหนาที่โถมแรงใส่อีกร่างที่อ่อนนุ่มเป็นขี้ผึ้งรนไฟดั่งเดิม แสงแดดยามสายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อชอง ยุนโฮ เพียงแต่ร่างกายที่ทำหน้าที่เป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงดึก เป็นเรียกร้องที่จะหยุดพักอย่างอ่อนล้า มือหนาที่ประครองกอดเอวบางสั่นนิดๆ เป็นสัญญาณประท้วงว่าไม่ไหว ยุนโฮจึงยอมยกธงขาวแต่โดยดี ด้วยความจำนนแต่ยังไม่ยอมถอนกายออกมาจากร่างเย้ายวนใจสักนิด
ร่างหนารั้งเอวค่อดบางปะทะแผงอกกว้าง วงแขนแข็งแรงโอบรอบร่างบางอย่างหวงแหน มือข้างหนึ่งเช็ดหยาดเหงื่อเกาะพราวตามดวงหน้าหวานอย่างไม่นึกรังเกียจ แวบหนึ่งเขาอยากให้คนตรงหน้าลืมตาขึ้นมา อย่างเห็นแววตาของคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวอยู่ภายใน สักวันเขาจะต้องค้นหาคำตอบของมัน ก่อนซุกใบหน้ากับกลุ่มผมนุ่มของคนแปลกหน้า เข้าสู่ห้วงนิทรา...ในที่สุด

--------------------------------------------------------------------------------------------

ปาร์ค จองโม มองจอมอนิเตอร์แววตาเหี้ยม คิม แจจุง แก้วตาสีเข้มสั่นระริกอย่างสาแก่ใจ นี่คือบทเรียนที่แกสมควรจะได้รับ ความจริงชั้นใจดีกับแกมากแค่ไหนที่ให้แก่มีโอกาสเสพสุขกับยุนโฮหลานชายคนโปรด ที่ถูกดึงเข้ามาร่วมเกมส์อย่างไม่รู้ตัว
ถ้าแกตื่นขึ้นมาเรื่องราวจะสนุกแค่ไหน?  ถ้าแกรู้ว่าผู้ชายที่แกนอนด้วยเป็นใคร?
แล้วถ้ายูชอนเห็นภาพที่แกกำลังร่วมรักกับผู้ชายจะรู้สึกยังไง?

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เขาหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง เรื่องทุกอย่างลงตัวตามที่คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน เริ่มจะสนุกขึ้นแล้วสินะ เสียงหัวเราะยังดังต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตอนนี้ปาร์ค จองโม ไม่ต่างอะไรกับคนเสียสติเลยสักนิด

------------------------------------------------------------------------------