2555/05/15

~ Love Dark...เพราะรักออกแบบไม่ได้ ~ Part...2 ความลับ

Title :  ~ Love Dark...เพราะรักออกแบบไม่ได้ ~
Writer :  KJW +  GroupBee
Couple:  YunJae , YooSu , Changmin
Genre :  Romantic , Drama
NC :  17

Part...2 ความลับ

สิ่งที่ชั้นไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้..
คือ ชั้นปรารถนาในตัวเธอ คิม แจจุง

.
.
.

เป็นเวลาค่อนคืนดวงตาเมื่อยล้าจากการเพ่งไปที่ภาพเคลื่อนไหวบนจอสีเหลี่ยมเล็กๆไม่ได้สะใจอย่างที่ได้พูด เพราะสิ่งที่ซ่อนเร้นมาเนิ่นนานในใจ คือความต้องการครอบครองเรือนกายขาวผุดผาดของเธอเพียงเท่านั้น ริมฝีปากสีแดงที่แสนเย้ายวนชวนลุ่มหลง ยังอยากที่จะแตะต้อง ปรารถนาที่จะครอบครองเป็นของตัวเองเพียงผู้เดียว

แต่...ทำไม?

เธอถึงเลือกที่จะปฏิเสธ ทำไมถึงได้บอกปัดความรักของชั้นอย่างไร้ค่าเยี่ยงนี้
เธอเป็นผู้ผลักไสให้ชั้นทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น คิม แจจุง รู้บ้างมั้ยว่าชั้นก็มีหัวใจเหมือนกัน!
ภาพความทรงจำบางส่วนฉายซ้ำ วนเวียนดั่งฝันร้าย ปาร์ค จองโมขยับกรอบแว่นตาสีชาเล็กน้อย ก่อนหยิบมันวางข้างโต๊ะทำงานอย่างเหนื่อยหน่าย เรื่องบางอย่างถึงอยากลืมเท่าไหร่มันก็ลืมไม่ลง ความผิดครั้งใหญ่ในชีวิตของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง ยกเว้น  เรื่องครอบครัว  เขาเสมองไปที่รูปถ่ายคู่กับภรรยาดูรักใคร่มีความสุข เปลือกนอกของเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่แสนอบอุ่น เพียงแต่แท้จริงเขาก็แค่สร้างภาพให้คนอื่นเห็นเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้ได้ผลตอบรับที่ดี ไม่ยากเย็นอะไรกับการสวมหน้ากากเป็นคุณพ่อที่แสนดีของลูกชาย เป็นสามีที่น่ารักของภรรยาคนสวยและมันก็น่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเพื่อนตัวน้อยของลูกชายได้ก้าวเข้ามาในชีวิต แรงขับดันทางเพศที่ปิดตายมาโดยตลอดเริ่มออกอาการจนไม่อาจหยุดยั้งนับแต่วันที่เขาได้รู้จัก...คิมแจจุงและชเวคัง ชางมิน ทั้งใบหน้าและนามสกุลต่างกันจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แจจุงใช้นามสกุล “คิม” ของพ่อ ก่อนที่พ่อของแจจุงจะหย่าร้างกับแม่ของแจจุง โดยที่ยังมีเด็กอยู่ในท้อง เมื่อชางมินกำเนิดขึ้นมาจึงได้ใช้นามสกุล “ชเวคัง” ตามแม่ 
อาจเป็นเพราะแจจุงเกิดในช่วงที่พ่อแม่ของเขาทั้งรักและทะนุถนอม แจจุงจึงเป็นเด็กที่มีนิสัยอ่อนโยน ช่างออดอ้อน เอาใจใส่คนรอบข้างเป็นอย่างดี รูปหน้าก็เหมือนดั่งเทพธิดาองค์น้อย ตากลมโตส่งประกายวิบวับเห็นแล้วก็ทำให้รู้สึกนึกเอ็นดู ส่วนชางมินกลับตรงกันข้าม ด้วยรูปร่างสูงใหญ่เกินอายุจึงทำให้ดูเหมือนแก่กว่าคนเป็นพี่ชาย ทั้งผิวสีแทนที่ต่างจากผิวขาวน้ำนมของคนเป็นพี่ ยังไม่รวมถึงรูปหน้าที่เรียกได้ว่าถอดแบบคนเป็นพ่อมาเกือบทั้งหมด จึงทำให้เป็นเด็กหน้าตาคมคาย ถ้าไม่บอกแต่แรกเขาก็ไม่เชื่อว่า เด็กน้อยสองคนที่เดินจูงมือเข้ามาเล่นในบ้านของเขาทุกวันเป็นพี่น้องคลานตามกันมาจริงๆ ลูกชายเขาทั้งคู่ติดเพื่อนบ้านคนใหม่มากมาย ภายหลังภรรยาของเขากับคุณแม่ของเด็กทั้งสองไปเที่ยวด้วยกันแต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุจนทั้งคู่เสียชีวิต เขาจึงให้ทั้งแจจุงกับชางมินย้ายมาอยู่ด้วยกัน ทำให้เด็กทั้งสี่คนผูกพันกันยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะยูฮวานที่ในตอนแรกช็อคจนได้แต่เก็บตัวเงียบ ได้กลับมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงดั่งเดิมตั้งแต่แจจุงกับชางมินย้ายมาอยู่รวมกัน ครอบครัวเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น มันน่าจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
จนในวันที่ยูชอนเรียนจบ ลูกชายตัวน้อยที่เขารักเติบโตเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมในทุกด้าน วันนี้เขาตั้งใจจะพาทุกคนไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จของลูก แต่เขาเดินหาลูกชายคนโตไม่เจอ ทั้งทีได้ยินเสียงรถของลูกชายเคลื่อนมาจอดในโรงจอดรถสักพักแล้ว เขาคิดว่ายูชอนอาจกำลังอาบน้ำในห้องก็เลยตามขึ้นไป บานประตูห้องมีรอยอ้าออกเล็กน้อยเหมือนเจ้าของจะรีบมากจนปิดไม่สนิท เขาแง้มดูตรงระหว่างช่องประตูเล็กน้อยมองดูว่าลูกชายตัวดีกำลังทำอะไรอยู่ เนื่องจากเสียงที่เล็ดลอดออกมาค่อนข้างดัง ยังคิดอยู่ว่ายูชอนคงจะโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วถึงได้แอบดูหนังผู้ใหญ่แบบนี้ ในความคิดตอนนั้นกะว่าจะแกล้งย่องเข้าไปเซอร์ไพรส์เงียบๆให้ลูกชายตกใจเล่น อยากเห็นสีหน้าลูกชายตัวเองว่าจะมีสีหน้ายังไงเวลาที่รู้ว่าพ่อจับได้แต่กลายเป็นเขาเองที่เซอร์ไพรส์!  สิ่งที่จองโมเห็น...ปลายเท้าสองคู่พันเกี่ยวกันจนแทบจะแยกกันไม่ออก สายตามองไล่ขึ้นมาจนเห็นภาพแจ่มแจ้ง เรือนกายขาวบริสุทธิ์สีน้ำนมถูกตีตราประทับจนเห็นรอยจางๆสีกุหลาบทั่วไปหมดทุกส่วนสัด มือของยูชอนจับเรียวขาคู่งามขึ้นมากดจูบไล่ขึ้นมาจนถึงโคนขาบรรจงว่างพาดกับไหล่กว้างของตัวเองแผ่วเบา สอดใส่นิ้วแข็งแรงเข้าไปในช่องทางด้านหลังก่อนดึงออกมาเปลี่ยนเป็นส่วนกลางลำตัวที่จ่อรออยู่หน้าช่องทางด้านหลังแทน ร่างบอบบางสะดุ้งทันทีที่ยูชอนสวนกายเข้าไป ใบหน้าสวยยุ่งเหยิงดูเจ็บปวดเริ่มผลักไส ยูชอนปลอบประโลมโดยการประกบจูบอย่างนิ่มนวล มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อเนียนลื่น บีบขย้ำบั้นท้ายกลมมนอย่างเอาแต่ใจ ก่อนหันมาละเลงลิ้นทั่วยอดอกสีทับทิมสวยจนคนสวยแอ่นอกรับการปรนเปรออย่างพึงพอใจ เสียงหวานครางเบาๆด้วยท่าทีขวนเขิน เมื่อยูชอนเงยหน้าขึ้นมาสบตา สะโพกหนาเริ่มขยับสวนกายเข้าออกเป็นจังหวะ ด้วยความร้อนแรงจนร่างทั้งคู่แทบหลอมละลายไปด้วยกัน เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ เสียงเนื้อกระทบเข้าหากันเป็นจังหวะประสานกับเสียงครางขึ้นมาด้วยความสุขสม ปาร์ค จองโมก้าวถอยหลังออกมาอย่างเชื่องช้า รู้สึกว่าหัวใจราวกับจะหยุดเต้น ไม่ได้ตกใจที่เห็นยูชอนร่วมรักกับเพศเดียวกัน เพียงแต่คนคนนั้น คือ แจจุง เด็กที่มาพร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใส คนที่ทำให้หัวใจเขาสั่นสะท้านยามสบตา แล้วทำไมถึงต้องเป็นยูชอน???
วันนั้นเขานั่งรับประทานอาหารเงียบเฉียบ พูดอะไรไม่ออก ยูชอนแสดงออกโจ่งแจ้งถึงความหวงแหนแจจุงอย่างออกนอกหน้า มือของยูชอนยึดรอบเอวคอดบางของแจจุงเป็นที่พักมือด้วยท่าทางสบายใจ เขาทำได้เพียงแค่ลอบมองกริยาหยอกเย้าของคนทั้งคู่ รู้สึกแน่นหน้าอกไปหมดทำให้พาลกินอะไรไม่ลง ยูฮวานกับชางมินก็แหย่แซวคู่รักหวานแหววจนเขาเกิดอาการหงุดหงิดมากขึ้นทุกที ยิ่งเห็นใบหน้าสวยขึ้นสีระเรื่อ เอียงคอหลบยูชอนที่แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกใจสั่นหวิวอย่างบอกไม่ถูก ทนแทบไม่ไหวเขาอยากได้ตัวแจจุงจริงๆ ยิ่งเห็นก็ยิ่งทรมาน ในหัวคิดวิธีแยกแจจุงออกมาจากลูกชายของตัวเอง ในที่สุดก็วางแผนส่งยูชอนกับชางมินไปเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อห่างกันไปเขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับแจจุงเพราะรู้ว่าแจจุงจะต้องมาอยู่เป็นเพื่อนยูฮวานลูกชายคนเล็กที่รักแจจุงไม่ต่างกับที่รักแม่ของตัวเอง  อาจเป็นเพราะยูฮวานยังเด็กนักในตอนนั้น แล้วเมื่อได้ความรักและเอาใจใส่ของแจจุงมาทดแทน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ยูฮวานจะติดหนึบกับแจจุงไม่ห่างทำให้เขาหาโอกาสอยู่ตามลำพังกับแจจุงได้ยาก จนถึงช่วงซัมเมอร์ยูชอนกับชางมินบินกลับมา บอกตรงๆว่าเขารู้สึกอิจฉา แจจุงดูมีความสุขเสมอเมื่อได้อยู่ในอ้อดกอดของลูกชายคนโตของเขา เขาคงกลายเป็นคนโรคจิตไปเสียแล้ว!หลังจากที่เห็นยูชอนกับแจจุงในวันนั้น เขาแอบติดกล้องไว้บนโคมไฟกลางเพดาน ทุกคืนก็มานั่งดูคนทั้งคู่มอบบทรักร้อนแรงให้แก่กัน แต่ในช่วงที่ยูชอนไม่อยู่ เขาแทบไม่ได้ใช้งานมันจนเกือบจะลืมไปแล้ว ยังดีที่นึกขึ้นมาได้และมันก็ยังใช้งานได้ดีสมราคาที่แสนแพง แค่วันแรกที่ยูชอนกลับมาทั้งคู่ก็โผเข้าหากันอย่างโหยหา ไม่รู้เขาต้องทนดูภาพเหล่านี้ไปถึงเมื่อไหร่
“อ่า~~~”เสียงครางพอๆกับเสียงในภาพเคลื่อนไหว เมื่อมือทั้งคู่ได้ทำการปลดปล่อยของเหลวที่คั่งค้างภายในท่อนเนื้อแน่นจนเสร็จ มือหยาบหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบเหนียวออก ใจยังว้าวุ่นกับภาพตรงหน้า อยากจะฝังกายเข้าไปในร่องเนื้อสีชมพูของแจจุงเหลือเกิน และก็เป็นอีกครั้งที่ลูกชายจอมเอาแต่ใจไม่ยอมหยุดเพียงครั้งเดียว เขาเอื้อมมือไปกดปิดสวิตซ์ ไม่อยากรับรู้ให้มากกว่านี้อีกแล้ว
ด้วยอารมณ์ที่ยังระอุอยู่ภายใน เขาจึงแอบย่องเข้าไปในห้องนอนของยูชอนเมื่อเห็นว่าลูกชายกับชางมินออกไปทำธุระด้วยกันแต่เช้าตรู่ แจจุงยังคงนอนหลับตาพริ้มบนที่นอนนุ่ม ทั่วร่างบางมีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งปกปิดมาจนถึงสะโพกสวย มือหนาเลื่อนไปสัมผัสที่เรียวขาคู่งามอย่างย่ามใจ ก่อนทาบทับเรือนกายที่ปรารถนาครอบครองมาโดยตลอด สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้เปลือกตาสีมุกปรือขึ้นมองช้าๆก่อนผวาสุดตัว แจจุงใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างหนาของบุคคลที่ตัวเองให้ความเคารพอย่างตื่นตระหนก แล้ววิ่งออกมาอย่างหวาดหวั่น ไม่ใช่เพียงแค่ตกใจแต่เขาช็อคจนแทบหยุดหายใจไปแล้วจริงๆ
เหตุการณ์ที่เกิดในวันนั้นทำให้แจจุงหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ปาร์ค จองโม บรรยากาศแปลกๆที่เกิดขึ้นไม่รอดพ้นสายตาเฉียบคมของชางมินไปได้ ด้วยความสงสัยชางมินจึงแอบค้นหาคำตอบด้วยตัวเองเงียบๆแต่ก็ได้รู้คำตอบของมันเร็วกว่าที่คิด เขาเดินตามหลังปาร์ค จองโมในวันหนึ่งอดแปลกใจไม่ได้ว่า พ่อของสองยูเดินตามพี่แจจุงเข้าไปในครัวทำไม เขาเห็นใบหน้าซีดเผือดของพี่แจจุงยามหันมาเจอหน้าปาร์ค จองโม พี่แจจุงพยายามเดินเลี่ยงออกมาแต่ติดที่มือใหญ่กระชากร่างบอบบางมาประชิดตัวแล้วระดมจูบไปทั่วดวงหน้าหวาน คำตอบที่ได้รับมันเกินคาดหมายจริงๆ แถมพยานรับรู้ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น ยูชอนกับยูฮวานซึ่งเดินตามหลังมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ได้ร่วมรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าไปด้วย ก่อนที่หมัดของเขาจะกระแทกไปที่หน้าของปาร์ค จองโม ยูชอนซึ่งไม่อาจทนได้กับการกระทำของผู้เป็นพ่อได้กระแทกกำปั้นไปที่ปาร์ค จองโมไม่ยั้ง ไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเราคิดว่าฝันร้ายจะหายไปในเร็วๆนี้

แต่.. ความจริงมันโหดร้ายเสมอ

ปาร์ค จองโมข่มตาลงอยากนอนแต่มันนอนไม่หลับ ภาพหลอนย้อนมาในหัวอีกครั้ง แววตาเกลียดชังเกินบรรยายที่ลูกชายทั้งสองคนมองเขาด้วยความผิดหวัง ไร้คำพูดที่คิดว่าจะออกจากปากใครสักคนในนั้น เด็กพวกนี้ใจแข็งกว่าที่คิดไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องราวครั้งนั้นอีก แต่ความเงียบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น มันทำให้เขาแทบคลั่ง ต้องอาศัยยากล่อมประสาทเพื่อระงับความรุ่มร้อนในใจที่ไม่อาจบอกใครได้ เขาก้มมองเม็ดยาในมืออดรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้เลย จำนวนยาเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนเสียอีก มือหนาเขวี้ยงเม็ดยาเต็มฝ่ามือออกไปอย่างหัวเสีย หลับตาลงช้าๆในสมองคิดอะไรวุ่นวายไปหมด

เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี




กลิ่นไอของยามเช้าที่แสนสดชื่นไม่ได้ส่งผ่านไปถึงคนตัวเล็กที่กำลังตกอยู่ในฝันร้ายมาตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาให้รู้สึกดีขึ้นได้เลย...ไม่เลยสักนิดเดียว  เปลือกตาบวมช้ำแสดงให้เห็นว่าจุนซูผ่านการร้องไห้มาหนักหนาแค่ไหนนั้นค่อยๆเบิกขึ้นช้าๆก่อนจะพบกับพื้นเพดานสีขาวสะอาดตากับดวงไฟที่ยังคงจะเปิดค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

ค่ำคืนที่แสนโหดร้าย...สำหรับจุนซู!

ร่างกายที่เริ่มจะขยับเขยื้อนส่งผลถึงความปวดร้าวยังสะโพกอิ่มแทบจะทันที ซื๊ดปากเบาๆเท่านั้น ในใจกลัวว่าถ้าส่งเสียงร้องโวยวายออกไปอาจจะทำให้คนใจร้ายตรงหน้าตื่นขึ้นมาซะก่อน ไม่อยากได้ยินคำพูดดูถูกจากคนๆนี้  ริมฝีปากที่เอาแต่พูดพร่ำให้เค้าได้เสียใจ  สองแขนเรียวพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆหากแต่ความระบมในช่วงล่างกลับทำให้คนจุนซูต้องหยุดอยู่กับที่อีกครั้ง จุนซูไม่กล้าขยับไปไหนแล้วในตอนนี้  ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาค่อยๆกวาดมองหาชิ้นส่วนของเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ปาดหยาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วเมื่อเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายแล่นตรงเข้ามาในหัวสมอง  เสียงสะอื้นของคนขี้ตกใจไม่ได้แทรกผ่านโสตประสาทหรือเป็นการรบกวนชายหนุ่มร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย  ยูชอนยังคงหลับตาพริ้มอย่างสบาย ใบหน้าที่เค้าเคยคิดว่าหล่อนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่แสนโหดร้อย คนๆนี้โหดร้ายกับเขาที่สุด ทำร้ายแม้กระทั่งคนที่นายไม่รู้จัก...นายทำได้ยังไง?!  แก้วตาคู่ใสมองมันอย่างนึกรังเกียจ ในใจร้อนรุ่มไปด้วยความโมโห โกรธแค้นที่ตนถูกเป็นฝ่ายกระทำอยู่ข้างเดียว หัวสมองคิดไปไกลถึงแผนการอันชั่วร้าย ถ้าหากว่าในห้องนี้มีมีดเล่มคมสักเพียงเล่มเดียว บางทีจุนซูอาจจะกลายเป็นฆาตกรไปแล้วก็ได้  นายทำชีวิตของชั้นพังหมดเลย...คนเลว! แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดของจุนซูเท่านั้น ขนาดจะลุกขึ้นยืนจุนซูยังจะทำไม่ได้เลย...เจ็บ!
ฮึก...พ่อฮะ แม่ฮะ พี่ยุน ช่วยจุนซูด้วยฮะ...ฮึกเด็กน้อยร่ำไห้ออกมาอย่างน่าส่งสาร เนื้อตัวเขียวช้ำยิ่งทำให้จุนซูเริ่มตกใจ เรียวขาบางด้านในแสดงให้เห็นถึงคราบสีแดงสดของเกร็ดเลือดที่แข็งตัว แต่เมื่อเค้าขยับตัวลุกขึ้นกลับกลายเป็นว่าหยดเลือดที่พึ่งแห้งไปไม่นานนั้นกลับไหลออกมาเปื้อนหน้าขาเต็มไปหมด  จุนซูขาสั่นอย่างห้ามไม่อยู่เสียแล้ว พยุงร่างกายที่อ่อนแอราวกับจะเป็นไข้พร้อมเดินไปเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกายและกลับออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเดิม 
โล่งใจไม่น้อยที่ยูชอนยังคงนอนหลับอยู่ แสงสะท้อนสีเงินจากวัตถุโลหะบางอย่างที่ตกอยู่ข้างเตียงทำให้คนขี้สงสัยเดินเข้าไปใกล้ยูชอนมากขึ้นกว่าเดิม มือบางหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาก่อนจะเปิดจี้รูปหัวใจนั้นออกช้าๆ  รูปของคนสองคนปรากฏแก่ดวงตาคู่หวาน จุนซูมองมันอย่างพินิจ คนทางด้านซ้ายไม่ต้องมองนานก็รู้ว่าใคร...คนใจร้ายนั่นเอง แต่กับอีกคนทางด้านขวาที่ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้นั้น ถ้าจำไม่ผิดคือคนที่เปิดประตูเข้ามา เมื่อวานนี้...แฟนของคนใจร้ายคนนี้ใช่มั้ย?  เผลอนึกคิดอะไรอยู่นาน ฟูกนุ่มตรงที่นอนขนาดคิงไซร์ก็เรียกสติของจุนซูกลับมาอย่างรวดเร็ว ยูชอนเริ่มพลิกตัวไปมาและคงจะเริ่มรู้สึกตัวในอีกไม่ช้า จุนซูรีบผละตัวออกห่างทันที ช่วงขาเรียวพยายามออกแรงก้าวขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร่ำพูดอยู่ในใจว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ ออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด...ไปให้ไกลๆ

-----------------------------------------------------------------------


ชายหนุ่มที่มีเพียงผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างกายกำยำ ยูชอนบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยล้าในตัวให้ออกไปจนหมดสิ้น ทั้งๆที่เปลือกตาก็ยังคงปิดสนิทอยู่เหมือนเดิม  มือหนาปัดป่ายไปทั่วเตียงนอนที่เมื่อคืนยังมีร่างนุ่มนิ่มให้เค้าได้กอดแต่ทว่า...ตอนนี้มันหายไปไหนเสียแล้วล่ะ???  ดวงตาคมเบิกโผลงขึ้นทันทีไร้ซึ่งความงัวเงียอย่างอาการคนที่พึ่งตื่นนอน เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งหันซ้ายทีขวาที...ว่างเปล่า!!!
หายไปไหนแล้ว...ยัยเด็กนั่นไม่รอช้ารีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วลงไปยังชั้นล่าง บางทีจุนซูอาจจะยังไปไหนได้ไม่ไกล  หยุดนิ่งอยู่ตรงหัวบันได กวางสายตามองมีเพียงแม่บ้านที่เดินผ่านมาเท่านั้น
ป้าฮะ...เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนเมื่อวานหรือเปล่าครับ?คุณชายใหญ่ของบ้านเอ่ยถามด้วยวาจาสุภาพ
อืม...ถ้าเป็นเด็กน่ารักๆที่คุณท่านพามา ป้าเห็นแกเดินออกไปแล้วล่ะค่ะ...ร้องไห้ใหญ่เลย ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบยังไม่ทันที่คุณป้าแม่บ้านจะพูดจบ ยูชอนก็รีบวิ่งไปที่โรงรถทันที นึกถึงใบหน้าตอนนั้นของจุนซูแล้วก็แอบหวั่นใจไม่น้อย  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เสียงร้องที่พร่ำบอกให้เค้าหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน...แต่ชั้นช่วยไม่ได้จริงๆที่เธอดันตกไปเป็นเครื่องมือของพ่อชั้น

-------------------------------------------------------------------------------------

จุนซูออกมาจากคฤหาสน์ที่ไม่ต่างอะไรจากขุมนรกขนาดย่อมเลยสักนิดเดียวในความคิดของเค้า เด็กน้อยเดินไปตามฟุตบาทที่ทอดยาวออกไป แสงแดดในยามสายทำให้จุนซูรู้สึกร้อนและแสบผิวกายไปหมด หากแต่ภายในร่างกายกลับหนาวยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าซีดเซียวแหงนขึ้นมองพระอาทิตย์  ภาพตรงหน้าเริ่มทับซ้อนกัน สะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ความมึนงงแต่ยิ่งทำแบบนั้นจุนซูก็ยิ่งปวดหัวหนักขึ้นกว่าเก่า  เหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นตามไรผมและโครงหน้าสวย กลั้นใจเดินต่อไปเรื่อยๆ บอกกับตัวเองว่าอีกนิดเดียว...อีกนิดเดียวเท่านั้น หนทางข้างหน้าคือถนนใหญ่ที่จุนซูต้องการจะเดินไปให้ถึงเร็วที่สุด  แต่ทว่าเรี่ยวแรงในตอนนี้เริ่มถดถอย ร่างกายไม่เป็นไปตามสิ่งที่จิตใจต้องการให้เป็น จุนซูไม่สามารถฝืนร่างกายตัวเองได้อีกต่อไป เปลือกตาปิดลงพร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่หล่นวูบลงพร้อมที่จะสัมผัสกับพื้นคอนกรีตเสียดผิว  กัดปากตัวเองแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาที...

ไม่เจ็บ???

ตอนนี้จุนซูกำลังอยู่ที่ไหนนะ  จุนซูต้องลงไปนอนกองกับพื้นแล้วสิ แต่ทำไมพื้นมันถึงได้นุ่มแบบนี้ล่ะ ไม่จริง! นี่เรากำลังฝันไปใช่มั้ย...เกิดอะไนขึ้นกันแน่  สติที่มีอยู่น้อยนิดเริ่มคิดไตร่ตรอง ดวงตาหวานเปิดลืมขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย กระจกตาสะท้อนเงาของชายหนุ่ม  พยายามเพ่งมองเท่าไหร่แต่จุนซูก็ยังคงมองไม่ได้ชัดอยู่ดี ภาพมันซ้อนกันจนเบลอไปหมด รอยยิ้มเหนื่อยอ่อนคล้ายเป็นคำขอบคุณอยู่ในทีเผยให้คนมองได้แปลกใจเล่นก่อนที่จุนซูจะหมดสติไปจริงๆ



ยูชอนให้แม่บ้านขึ้นมาเช็ดตัวพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับจุนซู  ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูเข้ามาดูอาการของคนไข้  ยูชอนนั่งลงข้างๆเตียงนุ่มก่อนจะจดจ้องไปที่ใบหน้าขาวใสไร้ตำหนิบวกกับผิวขาวอมชมพูบ่งบอกให้รู้ถึงการถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยตำหนิมากมาย รอยช้ำสีเขียวอมม่วง รอยสีแดงเป็นจ้ำๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนฝีมือของยูชอนทั้งนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างครุ่นคิดพลันนึกถึงใครบางคนที่ตนรักและคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ ไม่รู้ว่าแจจุงจะเป็นยังไงบ้าง โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ยิ่งทำให้เค้าอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เอาไว้ให้เค้าเคลียเรื่องของจุนซูเสร็จก่อนแล้วกัน ยูชอนหวังว่าแจจุงจะเข้าใจเค้าอย่างที่ผ่านๆมาเพราะรู้ดีว่า...ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม แจจุงจะเป็นคนที่มีเหตุผลและรับฟังความคิดของเค้าเสมอ แต่ดูเหมือนครั้งนี้ยูชอนจะผิดเต็มประตู เฮ่อ~~~  ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ  ด้วยความเคยชินชายหนุ่มยกมือขึ้นจับจี้รูปหัวใจที่ควรจะห้อยอยู่ตรงหน้าอกของตนเอง แต่ก็ต้องตกใจเพราะมันไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว แล้วมันหายไปไหน?  นั่งคิดอะไรไปเพลินๆคนที่หลับไปได้สักพักใหญ่ๆดูเหมือนจะเริ่มฟื้นจากอาการไข้ จุนซูส่งเสียงอู้อี้ในลำคอก่อนจะลืมตาขึ้นมา ทว่าใบหน้าน่ารักเมื่อครู่กลับฉายแววของความตกใจ 


กลับมาที่นี่อีกแล้ว!

เป็นอะไร...ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยเสียงห้วนๆที่ดูไม่เป็นมิตรอีกตามเคยของยูชอนดังขึ้น ลืมนึกถึงเรื่องสร้อยคอไปชั่วขนาด จุนซูซึ่งไม่อยากเห็นหน้าชายหนุ่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เสใบหน้าหันไปทางอื่นทันที สร้างความไม่พอใจให้กับยูชอนเป็นอย่างมาก บีบคางมนเบาๆให้หันกลับมาสบตา ไม่ชอบเลยที่คนตรงหน้าแสดงท่าทีรังเกียจเค้าแบบนี้
อย่ามาทำเป็นรังเกียจชั้นไปหน่อยเลย...ทีเมื่อคืนเธอยัง...หึหึค้างเอาไว้แค่นั้นให้คนฟังได้นึกคิดเอาเองตามแต่ใจ จุนซูไม่ได้โต้งเถียงอะไรออกไปเค้าเหนื่อยเกินที่จะพูดออกมา ในอกมันอัดอั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มตาไม่กระพริบจนหยดน้ำเม็ดเล็กไหลเปื้อนฝ่ามือของยูชอนจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ว่านี้ สีหน้าของยูชอนมีแววรู้สึกผิดอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างโปร่งจะลุกขึ้นเดินไปยังบานหน้าต่าง แหวกผ้าม่านออกพร้อมกับเลื่อนบานกระจกใสให้อากาศในห้องได้ถ่ายเทกว่าเดิม
ทำไมมองชั้นแบบนั้นนะ...ยัยเด็กบ้าบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องร้อนรนแบบนี้ ทั้งที่พ่อของเค้าก็อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมเค้าต้องไปใส่ใจกับเด็กอวดเก่งปากดีแบบนั้นด้วย? ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา พรางถอนหายใจออกมาเผื่อว่ามันจะช่วยทำให้เค้าได้คลายความกังวลภายในจิตใจลงไปได้บ้าง  ตอนนี้จุนซูลุกขึ้นมานั่งแทนแล้ว ริมฝีปากบางเอ่ยถามอะไรบางอย่างออกไป
กำลังคิดถึงแฟนนายอยู่หรอ?ใบหน้าน่ารักยังคงสนใจอยู่กับสร้อยเส้นบางตรงหน้า
ถามทำไม?ชายหนุ่มหนุ่มยังคงหันหลังให้กลับร่างเล็ก เอ่ยถามย้อนกลับ
ก็...เป็นใครก็ต้องคิดถึงแฟนกันทั้งนั้น ยิ่งมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว...สีหน้านายมันบ่งบอกยูชอนไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่จุนซูพูด เพราะที่คนตัวเล็กพูดมานั้นมันถูกต้อง...ถูกต้องทุกอย่าง
แล้วนายล่ะไม่คิดถึงแฟนของนายหรือไง?
ไม่!!!”เสียงเล็กตอบอย่างแข็งก้าว  ยูชอนหันมาเผชิญหน้ากับคนพูดที่อยู่ๆก็นิ่งเงียบไป
ชั้นยังไม่มีแฟนหรอกคนตัวเล็กพูดเสียงสั่น
แต่ตอนนี้ชั้นคิดถึง...ฮึก...พี่ยุนโฮยูชอนรู้สึกได้เลยว่าเด็กคนนี้ไร้พิษภัยจริงๆ ร่างบางตรงหน้าเป็นแค่เด็กน้อยที่แสนจะบอบบางราวกับแก้วที่กำลังจะแตกก็ไม่ปาน
จะกลับบ้านหรือยัง?คนขี้แงเงยหน้าขึ้นมองคนถามด้วยความดีใจ จุนซูอยากกลับบ้านไปหาพี่ยุนโฮแล้ว รอยยิ้มที่ผุดขึ้นนั้นทำเอาคนมองวางตัวไม่ถูกไปเลย
นั่นอะไรน่ะ!?คนตาดีเหลือบมองสิ่งของในมือที่จุนซูกำมันเอาไว้แน่น ท่าทางของจุนซูดูผิดสังเกตสำหรับชายหนุ่มยิ่งนัก
ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรนี่
แบมือออกมา...ชั้นเห็นว่ามันมีอะไรอยู่ในมือเธอ!”ตรงเข้าไปยื้อเพื่อที่จะได้รู้ถึงสิ่งของที่อยู่ข้างในนั้น บางทีมันอาจจะเป็นสร้อยที่เค้าหวงมากที่สุดก็ได้ สร้อยของคุณแม่ที่ข้างในมีรูปของคนที่เค้ารักสุดหัวใจ...แจจุง ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้จุนซูไม่อาจต้านทาน ฝ่ามือบางยกขึ้นสุดตัวก่อนจะออกแรงขว้างชิ้นโลหะลอยออกนอกหน้าต่างไป ยูชอนมองตามด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจุนซูจะกล้าทำอะไรที่ยั่วโมโหและอวดดีกับเขาแบบนี้
เธอ!!! ยัยเด็กขี้ขโมยเสียงตะหวาดดังลั่นไปทั่ว จนจุนซูต้องเอามือขึ้นมาอุดหู ยูชอนดูกระวนกระวายใจจนจุนซูรับรู้ได้เลยทีเดียว
ก็มันตกอยู่ที่พื้นเอ่ยปากเถียงอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มแดงก่ำจากความโกรธและโมโหขั้นรุนแรง
ถ้าชั้นหาสร้อยเส้นนั้นไม่เจอ...เธอต้องรับผิดชอบ

เด็กน้อยที่ยูชอนมองว่าไม่มีพิษภัย เด็กน้อยที่แสนบอบบาง
ยูชอนคิดผิดแล้ว!

ยูชอนรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันทีก่อนจะตรงไปยังที่ที่จุนซูโยนสร้อยลงมา จุนซูมองเห็นยูชอนได้อย่างชัดเจนจากบานหน้าต่าง รอยยิ้มสะใจผุดขึ้นอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้เรี่ยวแรงที่หายไปเริ่มจะฟื้นกำลังกลับมาแล้ว คนตัวเล็กคงไม่รอให้ชายหนุ่มกลับมาทำโทษเค้าอีกแน่ๆ สองเท้าค่อยๆก้าวลงไปตามทางบันไดและพบเข้ากับคนลุงหน้าตาใจดี ถ้าเดาไม่ผิดคุณลุงคนนี้ถ้าไม่ใช่คนสวนก็คงจะเป็นคนขับรถของที่นี่
คุณลุงฮะ...ช่วยไปส่งผมที่ถนนจีซานหน่อยสิฮะใบหน้าน่ารักเอ่ยอย่างคนขี้อ้อน จนคุณลุงเห็นแล้วก็ใจอ่อนยอมตบปากรับคำ โดยที่ยังคงความสงสัยอยู่ใจในว่าเด็กคนนี้คือใคร? เข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง?...แต่ด้วยความที่รับปากไปแล้ว ไปส่งก็ไปส่ง - -+
เป็นเวลาร่วมสองชั่วโมงที่ยูชอนยังคงเอาแต่ก้มหาสร้อยที่เค้าหวงมากที่สุด  บริเวณที่ยัยเด็กอวดดีโยนสร้อยลงมาเป็นพื้นที่ของสวนดอกไม้ จึงทำให้การค้นหาเป็นไปได้ยากแต่ตอนนี้สร้อยเส้นนั้นมันก็ได้กลับมาอยู่ในมือของยูชอนเรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มปาดเหงื่อก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา กดจูบเบาๆที่จี้เพชรพร้อมกับแขวนมันเอาไว้ที่คอดังเดิม แหงนหน้าขึ้นมองบานหน้าต่างห้องของตนเอง...ถึงเวลาที่ชั้นจะกลับไปจัดการกับเธอแล้ว ยัยเด็กอวดดี!
อ่าว...คุณยูชอนจะรีบไปไหนคะนั่นเสียงแม่บ้านร้องทักกับท่าทีที่ดูเร่งรีบนี้
เอ่อ...ขึ้นไปข้างบนน่ะครับ มีอะไรหรือเปล่าฮะ?
ไม่มีหรอกค่ะ...แต่ถ้าคุณยูชอนจะตามหาเด็กหนุ่มคนนั้น...เค้ากลับบ้านไปแล้วล่ะค่ะคำพูดของแม่บ้านวัยชราทำเอายูชอนโมโหปรี๊ดมากขึ้นกว่าเดิม ยัยเด็กนั่นคงอาศัยจังหวะที่เค้าไปหาสร้อยหนีกลับบ้านไปก่อน
ไปนานหรือยังฮะป้าถามอย่างร้อนรนใจ ถ้าจุนซูพึ่งไปได้ไม่นานยูชอนก็รีบตามไปให้ทันแล้วจับมาลงโทษซะให้เข็ด
นานแล้วล่ะค่ะ ร่วมสามชั่วโมงได้แล้วมั้งคะหมดกัน...ยูชอนคิดอย่างเสียดาย
 คุณหนูคนนั้นมาขอร้องให้จางซุกไปส่งน่ะค่ะ
อ่า...งั้นถ้าคุณลุงจางซกกลับมาแล้วให้เค้ามาพบผมด้วยนะครับ
ได้ค่ะ
ขอบคุณครับ^^”เดินกลับขึ้นห้องด้วยความเสียดาย เห็นแบบนั้นร้ายกาจใช่ย่อย
เธอคิดว่าชั้นโง่นักหรือไง...ฝากไว้ก่อนเถอะ...ยัยเด็กบ้า!”