2554/12/10

Part...49 Goodbye My Love! >> THE END


Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic       
NC :  ?

Part…49 Goodbye My Love!

“กลับไปซะ ชอง ยุนโฮ...ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับนาย!!!
.
.
.
ฮีชอลแผดเสียงใส่หน้าชายหนุ่มที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องชายที่เขาทั้งรักทั้งหวงต้องพบเจอแต่เรื่องร้ายๆทั้งร่างกายและจิตใจ แม้ไม่นำเรื่องที่ยุนโฮเคยข่มขืนน้องชายเขาจนแทบเสียผู้เสียคนในวัยเยาว์มารวมด้วย ลำพังเพียงเรื่องที่ไม่มีปัญญาดูแลน้องชายสุดที่รักของตัวเองได้ ฮีชอลก็เกลียดยุนโฮเสียจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลกด้วยแล้ว ทั้งน้ำเสียง สีหน้าที่แสดงออกมาจึงเปิดเผยเต็มที่ว่าเจ้าตัวรังเกียจคนตรงหน้าเพียงใด เขาไม่ได้เอ่ยถามว่า เหตุใด...น้องชายที่น่ารักถึงได้รับอุบัติเหตุรุนแรงจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่พ้นขีดอันตรายสักที ไม่อยากรับฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น มันไม่จำเป็นเลยสักนิด แค่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะชอง ยุนโฮ ก็ทำให้ฮีชอลโกรธจนเลือดขึ้นหน้าไปหมด เวลายิ่งเดินผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร ความกระวนกระวายใจของคนที่ทำได้แค่ยืนคอยอยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉินก็เพิ่มพูนมากขึ้นไปทุกขณะ พอๆกับความแค้นในอกที่มากขึ้นทุกวินาทีทวีคูณจนไม่อยากจะเห็นหน้าให้รกสายตา!  ถ้าไม่ติดว่าซีวอนคอยดึงรั้งเอวเขาไว้แน่นหนา ฮีชอลสาบานได้ว่าจะต้องกระโจนเข้าไปฉีกเนื้อยุนโฮให้แหลกเหลวเป็นชิ้นๆระบายความคับแค้นในอก แววตาคู่งามเรืองโรจน์เปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต
ต่างอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งมาเป็นเวลาร่วมชั่วโมง ไม่ได้ใส่ใจคำพูดถางถางหรือท่าทีเดียดฉันท์ของฮีชอลด้วยซ้ำไป เป็นครั้งแรกที่ยุนโฮรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ หวาดกลัวความสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตจนเริ่มสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปทุกขณะ ใบหน้าที่เปรอะคราบเลือดของแจจุงยังไม่ได้ถูกเช็ดออกไป ดวงตาคมดุจเหยี่ยวดูเลื่อนลอย อาการน่าเป็นห่วง ด้วยความรู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังจะตายลงไปช้าๆว้าเหว่  ขอบตาร้อนผ่าวจนกระทั่งของเหลวอุ่นจัดหล่นลงมาปะทะหลังมือที่ยกขึ้นมาเช็ดปลายจมูก ดวงตาพร่ามัวหรี่มองตามมือที่ยกขึ้นมาด้วยความขบขัน

...น้ำตา

รอยยิ้มเหยียดหยันตัวเองผุดขึ้นบนมุมปาก ทั้งที่มันน่าจะเป็นเรื่องเศร้าแต่ชอง ยุนโฮกับเริ่มหัวเราะในลำคอ สมเพชตัวเองที่กำลังร้องไห้ ถ้าเจ้าชางมินมาเห็นเขาในตอนนี้คงจะทับถมจนเขาเสียคนอีกเป็นแน่
เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนของยุนโฮเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆทำให้สีของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำชวนขนลุก แถมเลือดที่เกาะตามผิวหนังตอนอุ้มร่างบอบช้ำของแจจุงส่งมือหมอเริ่มแห้งกรังแต่เจ้าของร่างไม่คิดจะชำระคราบสกปรกออกผิดวิสัยคนรักความสะอาดของคุณหมอสุดเนี๊ยบ ในใจพะว้าพะวงเป็นห่วงเพียงคนที่ยังรักษาตัวอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน เสียงเปิดประตูเข้า--ออกของพยาบาลค่อนข้างวุ่นวาย ถึงแม้ว่าเพื่อนสนิทของเขาหลายคนจะทำงานในแผนกนี้หากแต่เวลาทำงาน หน้าที่ย่อมอยู่เหนือความเป็นมิตร ทั้งที่หัวใจเขาจะเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม กระวนกระวายแค่ไหนก็ทำได้แต่เพียงบอกให้เพื่อนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ วินาทีนี้ชีวิตของแจจุงสำคัญที่สุด ใบหน้าเคร่งเครียดของจุนกิเพื่อนหมอคนสนิทที่ออกมาสั่งงานอะไรบางอย่างแก่พยาบาล ทำให้เขาร้อนรนแทบกระชากแถบเสื้อกาวน์มาถามไถ่ให้หายสงสัย แต่ไม่อาจทำได้ดั่งใจเมื่อคนเป็นพี่ชายก็ห่วงน้องชายตัวเองไม่แพ้กัน เท้าที่ก้าวออกมาในทันทีหยุดชะงักเมื่อร่างบางของฮีชอลขวางอยู่ข้างหน้า
“น้องชายผมเป็นยังไงบ้างฮะ คุณหมอ?”เสียงสั่นเครือ เนื่องจากแรงสะอื้นเอ่ยถามรัวน้ำเสียงร้อนรน หมอหนุ่มยิ้มอย่างให้กำลังใจ เอ่ยพูดอย่างลำบากใจไม่แพ้กัน
“ขอทางให้หมอรักษาคนไข้ก่อนนะครับ ตอนนี้หมอยังตอบอะไรคุณไม่ได้”ก่อนผละเข้าไปในห้อง ICU อีกครั้ง
ฮีชอลยืนตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งก็หันมาเล่นงานยุนโฮต่อ มือบางกำจิกกระชากเสื้อของชายหนุ่มจนแทบจะขาด แววตาที่มองดุกร้าวแฝงความเกลียดชัง ก่อนทั้งตบทั้งต่อยมาที่ไหล่หนาของยุนโฮไม่ยั้ง ร่างกายกำยำถึงกับเซไปตามแรงเพราะยุนโฮไม่คิดจะตอบโต้อะไรฮีชอลอยู่แล้ว เท้าทั้งสองข้างที่ยืนมาร่วม 5 ชั่วโมงแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะยึดพื้นต่อไปด้วยซ้ำ ลำตัวหนาจึงถลาไปตามแรงเหวี่ยงแม้ขนาดของทั้งคู่จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม  ณ ตอนนี้ยุนโฮไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกพี่ชายของคนรักตัวเองทำอะไรบ้าง ในสมองเขามันว่างเปล่าเสียจนเหมือนบรรจุแน่นไปด้วยแก๊ส ลอยละล่องไม่ต่างอะไรกับลูกโป่ง จิตใจก็เลื่อยลอยไปไม่รู้จุดหมาย ฮีชอลจะกระแทกฝ่ามือมาที่บริเวณใบหน้าไม่รู้กี่ครั้งกี่หนจนยุนโฮรู้สึกอุ่นวาบที่ปลายจมูก สัมผัสเหนียวข้นที่พอจะรับรู้ว่าเป็นเลือด เขาทำเพียงปาดมันออกให้พ้นความรำคาญเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดหรืออาจเป็นเพราะร่างกายเขามันชาวาบไปทั้งตัวแล้วก็เป็นได้
“จนถึงขนาดนี้แล้ว นายยังคิดว่าน้องชายชั้นยังอยากเห็นหน้านายอยู่อีกหรอ? หรือต้องให้น้องชั้นตาย นายถึงจะสาแก่ใจ นายยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ยุนโฮ!!!”น้ำเสียงกึ่งตวาดพูดออกมาไม่หยุด พร้อมกับกำปั้นหนักๆที่ส่งมากระแทกปลายคางจนยุนโฮล้มคะมำไม่เป็นท่าลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง น่าตลกที่คนทั้งคู่ยืนตรงหน้ายุนโฮแท้ๆแต่เขากับไม่รู้ว่าใครเป็นคนต่อยเขากันแน่ ระหว่างฮีชอลหรือซีวอน??? แต่จะเป็นใครก็ช่างยุนโฮไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินแต่ไม่อยากสนใจ อยากทำอะไรกับเขาก็เชิญ...ตามสบาย! ยุนโฮเพียงกรอกสายตามองเข็มนาฬิกาที่ล่วงเวลาไปจนเกือบจะถึงวันใหม่ แจจุงของเขาอยู่ในห้องฉุกเฉินนานเกินไปแล้วนะ!!!

คนดีของพี่ยุน ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ...เจ็บมากหรือเปล่า?
จะช้าไปมั้ย ถ้าพี่ยุนจะพูดคำว่า...ขอโทษ
ขอโทษจริงๆที่รัก พี่...ขอโทษ

ฮีชอลคุกเข่าลงกับพื้นโดยมีซีวอนคอยพยุง สภาพของพี่ชายแจจุงดูแย่ไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่หนัก ขอบตาคู่งามบวมช้ำนัยน์ตาแดงก่ำไปหมด น้ำเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ไม่หยุด
“ชั้นขอร้องล่ะ ออกไปจากชีวิตแจจุงได้มั้ย? น้องชายชั้นเจ็บช้ำเพราะนายมามากพอแล้ว ถ้านายยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้าง ถือว่าเห็นแก่แจจุง ช่วยหายไปจากชีวิตเขาทีได้มั้ย? ชั้นทนเห็นน้องชายตัวเองต้องมาทรมานเพราะคนอย่างนายไม่ไหวอีกแล้ว”เสียงคร่ำครวญไม่หยุดของฮีชอลกับคำขอร้องอย่างหมดสภาพ  ยุนโฮทำได้เพียงรับฟังด้วยหัวใจที่ร้าวรานไม่ต่างกัน

แต่ฮีชอลจะรู้มั้ยว่าคนเลว ใช่ว่า เสียใจไม่เป็น
                                              คนเลว ใช่ว่า จะไร้ความรู้สึก
                               คนเลว ใช่ว่า จะไม่มีหัวใจ

และเป็นเพราะตัวเขาเข้าใจความรู้สึกโกรธแค้น เกลียดชังของฮีชอลเป็นอย่างดี แต่การที่จะให้ยุนโฮอยู่โดยไม่มีแจจุงในชีวิตมันจะไปมีความหมายอะไร ขาดแจจุงไปชีวิตของเขา...ก็ไร้ค่า  หัวใจด้านชาคงจะตายอย่างช้าๆ ในเมื่อสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเขาคือคิม แจจุง!

เขาจะไม่ยอมเสียคนสำคัญของชีวิตไปแน่นอน...ไม่มีวัน!!!
...แต่
มันจะไปมีความหมายอะไร ถ้าแจจุงต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะความเลวของเขา
เขาจะรั้งแจจุงไว้เพื่ออะไร?

“รัก” คืออะไรกันแน่? ทำไมเขาถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้
“รัก” แล้วต้องทำอะไรบ้าง? ทำไมเขาถึงทำอะไรไม่ได้ดีเลยสักอย่าง
“รัก” เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุขหรือเพื่อตัวเราเองมีความสุขกันแน่!

ชอง ยุนโฮ นายมันบ้า!!! นายเคยรักใครบ้างมั้ยนอกจากตัวของนายเอง?
สิ่งที่นายกำลังทำเขาไม่ได้เรียกว่า “ความรัก” ...แต่... มันคือ “ความเห็นแก่ตัว” ของตัวนายเองต่างหาก
นายเคยถามแจจุงสักคำมั้ย ว่ามีความสุขกับสิ่งที่นายทำหรือเปล่า?

“ความรัก” แท้จริงแล้วมันก็แค่ “รัก”
กับ..คนสองคนที่เผอิญใจตรงกัน ไม่มีคำว่า “เธอ” ไม่มีคำว่า “ชั้น”
มีเพียงคำว่า “เรา”

โง่เง่าที่สุด!!! ชอง ยุนโฮ
พึ่งจะได้เรียนรู้ว่า ความรัก มันไม่ได้เกิดจาก...การบังคับ ไม่ใช่แค่..การได้ครอบครอง ไม่ใช่เรื่องของความใคร่
พึ่งจะมารู้เอาอะไรป่านนี้ ในตอนนี้กำลังจะเสียแจจุงไป!!!

 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกอีกครั้ง หมอหนุ่มเดินตรงมาหายุนโฮด้วยสีหน้าไม่สู้ดี กระซิบแผ่วเบาข้างหู  ยุนโฮสั่นหัวไปมาก่อนจะชายตามองไปทางคนสองคนที่ยืนมองมาด้วยความสงสัย เสียงทุ้มเบสพูดขึ้นเป็นประโยคแรกนับตั้งแต่ร่างของคนรักที่นอนแน่นิ่งถูกเข็นหายเข้าไปในห้องฉุกเฉิน อาจเป็นเพราะไม่ได้ใช้เสียงเป็นเวลานานเสียงของเขาแลดูแหบพร่าไม่น้อย
“พวกคุณเลือดกรุ๊ปอะไรกัน คนป่วยต้องการเลือดด่วน”แทนคำตอบสีหน้าเลิ่กลั่กของซีวอนและใบหน้าสวยของฮีชอลที่ออกอาการซีดเผือดลงไปทุกที ทำให้ยุนโฮเริ่มใจหาย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์รุ่นน้องที่สนิทมือไม้สั่น กลัวว่าจะไม่มีคนเลือดกรุ๊ปเดียวกับแจจุง ระยะเวลารอสายนานจนยุนโฮแทบคลั่งในที่สุดเสียงปลายสายก็ดังขึ้น
“สวัสดีฮะพี่ยุน อย่าบอกนะว่าจะเรียกไปช่วยงาน ไม่มีทางซะหรอก วันนี้วันหยุดของผมนะฮะ”น้ำเสียงร่าเริงทักทายเสียงใส
“ยูฮวานรู้จักใครที่มีเลือดกรุ๊ป O ติดต่อเขามาที่โรงพยาบาลให้หมด พี่ต้องการใช้เลือดด่วน ได้ยินพี่พูดมั้ยยูฮวาน!”รุ่นพี่สั่งแกมตวาดร้อนรน เนื่องจากชีวิตของแจจุงอยู่ในสภาพที่เรียกว่า วิกฤติ ถ้าไม่ได้เลือดกรุ๊ป O มาภายในหนึ่งชั่วโมง คนรักของเขาก็คงจะไม่รอด ปาร์ค ยูฮวานทั้งตกใจ ทั้งเป็นห่วงพี่ยุนโฮเสียจริง ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยมีสักครั้งที่พี่ยุนโฮจะมีอาการแบบนี้
“ใจเย็นๆฮะพี่ยุน พี่ชายผมเลือดกรุ๊ป O ผมจะรีบติดต่อให้นะฮะ”
“เร็วๆนะยูฮวาน แจจุงของพี่จะรอไม่ไหวอีกแล้ว”ถึงจะเข้มแข็งเพียงไหน แต่ในวินาทีชีวิตแบบนี้ ยุนโฮก็ไม่อาจฝืนกลั้นน้ำตาไว้ได้ ปลายเสียงเริ่มสั่นเพราะเจ้าตัวพยายามกลั้นสะอื้นไว้จนถึงที่สุด
“พี่พูดอะไรนะฮะ แจจุงงั้นเหรอ? พี่ยุน! พี่ยุนฮะ แจจุงเป็นอะไรไป พี่ยุน ฮัลโหลๆๆๆ”คำถามของยูฮวาน ดังก้องอยู่ในหัว เพียงแต่สภาพจิตใจย่ำแย่ของคนฟัง ทำให้รู้สึกว่าไม่มีแรงจะเปล่งเสียงพูดออกมาได้อีกต่อไป ยุนโฮจึงกดตัดสาย ในใจภาวนาให้พี่ชายของยูฮวานมีเลือดเพียงพอที่จะช่วยเหลือแจจุง เพราะตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกเลย มันตื้อ มันตันไปหมดแล้ว

------------------------------------------------------------------------

ไม่นานจากที่วางสายไปร่างอวบอั้นของคิม จุนซู ก็เดินมาหาเขาพร้อมกับชายหนุ่มที่มีใบหน้าละม้ายกับยูฮวานไม่ผิดเพี้ยนต่างกันก็ตรงที่ยูฮวานนั้นออกแนวน่ารัก ส่วนผู้ชายที่จับมือเพื่อนสนิทของแจจุงอยู่กับมีรูปหน้ากระเดียดไปทางหล่อมากกว่า คนตัวเล็กหันไปทักทายพี่ชายของแจจุงกับซีวอนท่าทางสนิทสนม สีหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มสดใสวันนี้ดูเศร้าหมอง ดวงตาบวมเป่ง คาดว่าคงผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ
“คุณคือ พี่ชายของยูฮวานใช่มั้ยครับ?”ยุนโฮสะกิดถาม เมื่อเห็นว่าชักช้าไปจะไม่ทันการ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ จ้องมองตอบด้วยความสงสัย
“เอ่อ ผมยุนโฮครับ รบกวนคุณไปตรวจเช็คสภาพเลือดกับคุณหมอจุนกิทางโน้นทีนะครับ”พี่ชายของยูฮวานหันไปสบตาจุนซูเล็กน้อยพร้อมพูดให้กำลังใจฮีชอล ก่อนเดินตามคุณหมอหนุ่มไปที่ห้องตรวจ
โชคดีของแจจุงที่สภาพเลือดของยูชอนสมบูรณ์แถมร่างกายก็แข็งแรงเกินร้อย สามารถบริจาคเลือดให้แจจุงได้เต็มที่ ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่รอดูอาการคนป่วยเพียงเท่านั้น

.
.
.

จากที่คิดว่าจะไม่ยอมพรากจากแจจุงเป็นอันขาด ความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมากลางใจของยุนโฮ
เขาจะปล่อยแจจุงไป

ตอนนี้เขายอมหมดแล้วทุกอย่าง ขอเพียงแค่แจจุงไม่เป็นอะไร ขอแค่คนดีของเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้เขาต้องสูญเสียอะไรในชีวิตไปก็ตาม ชอง ยุนโฮคนนี้ขอยอมแพ้ เขาจะไม่ดื้อดึ้งอีกต่อไปแล้ว

เพราะคิม แจจุงเป็นยิ่งกว่า...ความรัก ยิ่งกว่า...หัวใจ
เพราะเธอคือลมหายใจของผู้ชายเลวๆคนนี้

ถ้าชีวิตที่เหลือต้องอยู่อย่างไม่มีเธอ แล้วพี่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม?
แต่ทว่า... ณ เวลานี้ ขอแค่เพียงให้แจจุงปลอดภัย พี่ยุนจะคืนอิสระให้กับเธอ คิม แจจุง
.
.
.
ด้วยเลือดของยูชอน ทำให้การรักษาแจจุงเป็นไปด้วยดี ในที่สุดแจจุงก็พ้นขีดอันตราย รอยยิ้มและเสียงโห่ร้องฉลองความยินดีดังขึ้นจากกลุ่มที่เรียกได้ว่าเป็น ครอบครัว...ของแจจุง
ฮีชอลสวมกอดแฟนหนุ่มสะอื้นไห้ไม่หยุด พี่ชายของแจจุงยิ้มด้วยใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาเช่นเดียวกับเด็กที่ชื่อจุนซู ใบหน้ากลมยิ้มร่าเริงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวย่างเข้ามา มีฝ่ามือของคนรักลูบอ่อนโยนบนหัวทุยสวย บรรยากาศตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข ยุนโฮเดินทอดน่องตามเพื่อนที่พึ่งบอกข่าวดีที่เดินล่วงหน้าไปก่อน เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมายืนมองบรรดาคนที่แจจุงรักฉลองชัยกันอย่างมีความสุข น้ำหยดหนึ่งร่วงลงมากระทบมืออีกครั้ง ใบหน้าเรียวเล็กเริ่มรู้สึกเปียกชื้นทั่วบริเวณโหนกแก้มกระทั่งลำคอ จึงได้เลื่อนมือมาปาดมันออกลวกๆให้พ้นความรำคาญ น่าขายหน้าชะมัด! วันนี้วันเดียว เขาร้องไห้ไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน
“เดี๋ยวก่อนจุนกิ!”เมื่อเห็นหมอหนุ่มเดินเร็วจนเกือบจะตามไม่ทันจึงรีบตะโกนเรียก ค่อยยังชั่วที่ยังอุตส่าห์ได้ยิน ร่างเพรียวในชุดกาวน์เอี้ยวตัวตามเสียง สีหน้าฉงน คงจะสงสัยว่าจะมารั้งตัวเขาไว้อีกทำไม
“ชั้นขอรบกวนเวลาแกอีกหน่อยได้มั้ย?”หมอจุนกิพยักหน้าเป็นเชิงตกลง ยุนโฮจึงเอ่ยถาม
“นายบอกว่า แจจุงพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“อือ..นายยังสงสัยอะไรอีกมิทราบ คุณหมอยุนโฮ”
“แล้วอาการอื่นๆล่ะ ยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า ชั้นกังวลใจเรื่องสมอง แล้วก็การเคลื่อนไหวของแจจุง มันจะมีปัญหาอะไรมั้ยว่ะ แจจุงตกมาจากที่สูงแล้วก็แน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น ชั้นอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆว่าแจจุงจะได้รับการกระทบกระเทือนในจุดอื่น นายเอ็กซเรย์หรือยังว่ามีเลือดคั่งในสมองหรือเปล่า?”หมอจุนกิหัวเราะร่าทั้งที่ร่างกายอ่อนล้าอยากกลับบ้านไปพักผ่อนเต็มที คำพูดแฝงความห่วงใยของเจ้าเพื่อนคนนี้ทำให้เขาอมยิ้มขำขัน หมดกันยุนโฮเอ๋ย...ตำแหน่งคาสโน่วาจอมล่าแต้ม ไม่เหลือแววนักรักคนเดิมแม้แต่น้อย นี่ไอ้เพื่อนชั่วของเขารู้จักห่วงใยใครเป็นแล้วหรอเนี่ย?
“อ้าว...คำถามยาวเป็นสูตรยาเชียวนะ ชั้นก็เป็นหมอนะเว้ย! ถามอะไรยื้อเยื้ออยู่ได้ ก็บอกว่าไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไรแล้วสิว่ะ...แล้วชั้นก็ตรวจสแกนคลื่นสมองเรียบร้อย สรุปอาการคือ พ้นขีดอันตรายแล้ว อาจจะมีปัญหาเรื่องการเดินนิดหน่อยเพราะขาข้างซ้ายที่รับน้ำหนักตัวไว้ทั้งหมดกระดูกหักเป็นสองท่อน ซึ่งในเบื้องต้นก็คงต้องด้ามเหล็กแล้วก็เข้าเฝือกไว้และอาจต้องทำกายภาพบำบัดในภายหลัง แต่ก็ถือว่าไม่ได้น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ทีนี้นายสบายใจได้หรือยังครับ ไอ้หมอยุน”คำตอบที่ได้ฟังทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก ยุนโฮหมุนตัวกลับทันควันทิ้งเพื่อนหมอที่อุตส่าห์อธิบายอาการไว้โดยไม่ใยดี หมอจุนกิเกาหัวตัวเองแกร๊กๆ เซ็งจัดเมื่อได้คำตอบแล้วก็ถูกทิ้ง ไอ้ยุนนะ ไอ้ยุน...หมอหนุ่มสบถพึมพำก่อนหันกลับไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านสักที

-------------------------------------------------------------------------------------

ยุนโฮแอบมองจนกระทั่งเห็นพวกฮีชอลเดินทางกลับกันไปหมดทุกคนแล้ว ถ้าเดาไม่ผิดคงจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวมาเฝ้าแจจุงต่อ ยุนโฮก้าวออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องค่อยๆเปิดประตูเดินตรงไปหาร่างที่นอนหลับใหลบนเตียงสีขาว ใบหน้าขาวซีดเซียวจนน่าใจหาย เขาวางมือบนหน้าผากมนวัดอุณหภูมิภายในร่างกาย แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ร่างกายอยู่ในอุณหภูมิปกติ ฝ่ามือใหญ่ประคองพวงแก้มใสแผ่วเบา เคลื่อนริมฝีปากอิ่มของตนมาประทับจุมพิตข้างแก้มเนียนทั้งสองข้างด้วยความรัก น้ำตาที่ห้ามไม่อยู่ร่วงหล่นลงมาหยดบนผิวเนียนละเอียด ชอง ยุนโฮรีบเช็ดมันออก ไม่อยากให้แจจุงต้องมารับรู้ว่าเขากำลังเสียใจ เขามองกลีบปากหยักสวยได้รูปที่มันเคยมีสีแดงสดแต่ตอนนี้กับสีซีดเซียว นิ้วเรียวยาวเกลี่ยรอบขอบปากก่อนโน้มตัวลงจูบช้าๆ เพียงริมฝีปากทั้งคู่ประกบกันไม่มีการจาบจ้วงเกินเลยไปกว่านี้...เสียงทุ้มเอ่ยคำพูดสุดท้ายชิดริมหู
“มันอาจจะสายจนเกินไปที่จะเอ่ยคำคำนี้ แต่พี่ยุนก็ยังอยากจะพูดมันออกมา พี่ยุนขอโทษครับ...คนดี ขอให้แจจุงรู้ไว้ว่าแจจุงเป็นคนเดียวที่พี่จะเอ่ยคำว่า  รัก  ด้วยหัวใจ ด้วยความรู้สึกทั้งหมดในชีวิต”มือใหญ่จับข้อมือเล็กของแจจุงขึ้นมาวางทาบไว้กับอก ยุนโฮส่งความรักทั้งหมดไปกับเสียงพูดแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ
“ทั้งหมดในนี้มีแต่...แจจุง หากวันใดใจของเรานำทางจนเราได้มาพบกันอีกครั้ง พี่จะไม่ยอมปล่อยมือจากแจจุงเหมือนอย่างวันนี้”ยุนโฮมองคนรักของตัวเองพยายามฝืนยิ้มทั้งที่หัวใจร้าวราน ก่อนจะวางมือขาวไว้ข้างลำตัวอย่างตัดใจ เขาหันหลังเดินออกมาจากห้องแต่ไม่วายหันกลับมามองลอดกระจกใสแผ่นเล็กที่กั้นไว้หน้าประตูห้องอีกครั้ง

เป็นครั้งสุดท้าย

พี่จะไม่มีวันลืมแจจุง เพราะพี่เก็บแจจุงไว้...ในสมอง ไม่ใช่เก็บไว้...ในหัวใจ
ผู้ชายที่ชื่อ ยุนโฮ รัก แจจุงมากนะ รู้มั้ย?

.
.
.

ทันทีที่แน่ใจแล้วว่าแจจุงพ้นขีดอันตราย ชอง ยุนโฮก็หายไปจากชีวิต ไม่มีแม้แต่เงา ไม่มีแม้กระทั่งข่าวคราวให้รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ขนาดเพื่อนซี้อย่างชางมินยังบอกว่าไม่รู้ ไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เกือบสิบโมงของวันที่ยุนโฮติดต่อมาที่ยูฮวานเพื่อถามเรื่องเลือด เขาก็รีบร้อนเดินทางกลับโซลเพราะทั้งเขาและยูฮวานต่างก็เป็นห่วงแจจุงและยุนโฮด้วยกันทั้งคู่ ยิ่งยุนโฮตัดสายไปแบบนั้นเขาก็ยิ่งเป็นห่วง ถึงคนอื่นจะบอกว่ายุนโฮเย็นชา แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ยังไงแน่นอนโดยเฉพาะกับ...แจจุง
เมื่อถึงโรงพยาบาลยูฮวานหยุดทักกับจุนซูหน้าลิฟท์ ชางมินจึงปลีกตัวออกมาก่อนและไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นเพื่อนรักอย่างยุนโฮ ชางมินไม่มีทางที่จะลืมแววตาของยุนโฮที่จับจ้องไปยังร่างบางผ่านเรือนกระจกได้เลยว่ามันช่างเจ็บปวดเพียงใด ขนาดเขายืนมองอยู่ห่างๆยังรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นของยุนโฮมันช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใยคนข้างใน อยากให้แจจุงได้เห็นอย่างที่ตัวเขาเองกำลังมองอยู่เหลือเกิน ชางมินวางมือบนบ่าเพื่อนหมายให้กำลังใจยุนโฮคลี่ยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของยุนโฮดูอ่อนล้าจนเขาอยากร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้น?”ชางมินถามเสียงอ่อน ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งเห็นริ้วรอยแห่งความเศร้าหมองของคนเป็นเพื่อนชัดเจน สภาพของยุนโฮทำเอาชางมินใจหายวูบ คนถูกถามไม่ตอบได้แต่ส่ายหัวไปมาอยู่อย่างนั้น
“ยุนโฮ นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฝากแจจุงด้วยนะชางมิน”เสียงทุ้มเอ่ยหนักหนา มือหนาตบบ่าชางมินหนักๆสองที แล้วเดินไปข้างหน้าโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับมามอง ชางมินมองตามแผ่นหลังเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ความกังวลในจิตใจกำลังบอกเค้าว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น...ในทางที่ไม่ดี คำพูดของยุนโฮมันหมายถึงอะไรกันแน่ เขาถอนหายใจยาวๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมากระทันหัน...มันคงจะไม่เป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่า ชอง ยุนโฮ ?
.
.
.
เสียงรองเท้าหนักๆดังขึ้นสม่ำเสมอตามจังหวะการก้าวเดินที่ยังคงดังก้องไปทั่วปลายอุโมงค์สีดำมืด แต่ใครจะรู้บ้างว่าชอง ยุนโฮคนนี้แทบจะก้าวเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ร่างกายมันหมดแรง หัวใจที่คิดว่าแข็งแกร่งดังหินผากำลังจะหยุดหายใจ เพียงแค่รอเวลาให้ความเจ็บปวดโจมตี เข้าเล่นงานก้อนเนื้อสีแดงเข้มนี้อีกสักนิด รับรองว่า...ชอง ยุนโฮได้ตายจริงๆแน่ !

แต่เค้าสัญญาไว้แล้วและจะไม่มีวันคืนคำอีกเด็ดขาด...ลาก่อนคิม แจจุง
คนที่พี่รักสุดหัวใจ...ลาก่อน~~~

  -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Part...48 คำสารภาพ


Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic       
NC :  ?
Part…48 คำสารภาพ

หลังจากที่แยกตัวออกมาก่อนจุนซูแล้ว แจจุงก็ลงบันไดมาด้วยความเบิกบานใจ รอยยิ้มใสฉีกกว้างเพราะคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่รักสุดหัวใจ...ชอง ยุนโฮ
ทำข้อสอบได้หรือเปล่าครับ?ยุนโฮเอ่ยถามแต่ก็ยังไม่วายหยอกล้อกับพวงแก้มนุ่มนิ่มของเขา
อื้อ~~~”แจจุงเริ่มเขินอาย ก็ที่ตรงนี้มีแค่เราสองคนซะที่ไหนกันเล่า...พี่ยุนบ้า
ไม่เอานะฮะ...คนมองใหญ่แล้ว แจจุงว่าเราขึ้นรถกันเถอะฮะยุนโฮรอบยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคนตัวบางออกอาการเขินอายไม่ปกปิด
อ่าว...แล้วไม่รอจุนซูหรอ?น่าแปลกที่ไม่มีร่างอวบคนสนิทติดตามมาด้วย
จุนซูยังทำข้อสอบไม่เสร็จเลย แต่วันนี้เห็นบอกว่ามีนัดกับพี่ยูชอนน่ะฮะ
อ่า...งั้นเราก็กลับกันเถอะครับ
ตลอดระยะทางที่นั่งมาแจจุงรู้สึกได้ว่าพี่ยุนของเขาไม่เหมือนเดิม แจจุงชวนคุยเหมือนอย่างทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน หากแต่พี่ยุนโฮของเขานี่สิ ที่เอาแต่ถามคำตอบคำ สีหน้าเหมือนคนกำลังกลุ้มใจหรือว่าพี่ยุนของเขาจะไม่สบายกันนะ? คิดได้ดังนั้นร่างบางก็ได้แต่สงบปากสงบคำมากขึ้น กลัวจะเป็นการรบกวนพี่ยุนซะมากกว่า

 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รูปหน้าเรียวเล็กดูมีความกังวลแฝงอยู่ภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวาน คิ้วที่เจ้าตัวขมวดเป็นเส้นตรงมันฟ้องเรื่องราวในสมองชายหนุ่มเป็นอย่างดี รอยยิ้มหวานละมุนส่งมาทุกครั้งยามเผลอสบตา หากเพียงแววตากับความหม่นหมองจนอีกฝ่ายอดเป็นห่วงไม่ได้ พี่ยุนโฮของเขาเป็นอะไรไป เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในวินาทีสุดท้ายก็ไม่พูด ถึงแม้แจจุงจะไม่ล่วงรู้หรือไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่กลัวใจพี่ยุนโฮ แต่เขาคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องยากสำหรับคนเก่งของเขาแน่ๆ เสียงถอนหายใจอย่างไม่รู้ตัวของอีกฝ่าย ทำให้แจจุงหนักใจแทนเหลือเกิน ก็แค่อยากรู้ อยากช่วยแบ่งเบาในทุกๆเรื่องของพี่ยุนโฮ...ก็เท่านั้น
ร่างบางผุดลุกขึ้นมานั่งด้วยความเบื่อหน่าย เจ้าตัวทั้งนอนทั้งนั่งแถมยังเดินวนไปรอบห้องกว้าง อย่างคนไม่รู้จะทำยังไง เขาเริ่มทนกับสภาวะกดดันแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ สงสัยคงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคงอึดอัดไม่น้อย คิดได้อย่างนั้นรอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้น คนเจ้าความคิดเดินย่องไปที่โซฟาสีแดงตัวกว้างอันเป็นที่พักพิงของร่างหนาซึ่งวางมือจากโน้ตบุ๊คตรงหน้านั่งเอนหัวพิงกับขอบนุ่มของมันอยู่ในท่าทีที่แสนสบาย คนแสนซนนั่งยองๆมองดูใบหน้ายามหลับใหลของคนรัก ดูเอาเถอะขนาดว่าปิดเปลือกตาสนิทแล้วหัวคิ้วทั้งสองข้างยังอุตส่าห์ชนกันเป็นเส้นตรงได้อีก จะเครียดเรื่องอะไรหนักหนา มองด้วยความเพลินอยู่พักใหญ่ก่อนถือวิสาสะนั่งทับบนตักกว้างพร้อมสอดมือรอบลำตัวหนาซุกใบหน้าแนบชิดกับอกอุ่น จังหวะการเต้นของหัวใจกำลังฟ้องว่า ชอง ยุนโฮ แกล้งหลับ

~ ตึก ตึก ตึก ~

เสียงตุบตับๆๆ รัวเร็วจนใบหน้าสวยไม่แพ้อิสตรีกระตุกตาม มือเล็กตีเบาๆที่ต้นแขนแกร่ง เสียงหวานกระเง้ากระงอด
“นี่แหน่ะ เบื่อแจจุงแล้วใช่มั้ยฮะ ถึงทำเป็นหลับ”ก็คนหลับที่ไหนหัวใจจะเต้นแรงได้ขนาดนี้...ไม่เชื่อหรอก  นิ่งเป็นหุ่นดั่งเดิม ไม่มีปฏิกริยาตอบรับจากอีกฝ่าย แจจุงเบะปากด้วยอารมณ์หงุดหงิดผสมน้อยใจที่วันนี้หลังจากที่กลับมาจากการสอบที่แสนจะเคร่งเครียด เขาก็มาขลุกอยู่ที่ห้องกับยุนโฮทั้งวัน แต่ดูเหมือนยุนโฮจะดูไม่อยากให้เขาอยู่ด้วยสักเท่าไหร่ สงสัยว่าแจจุงคงจะกวนใจอีกฝ่ายมากเกินไป พี่ยุนโฮอาจต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างและคงไม่กล้าเอ่ยปากไล่เขา แถมยังอุตส่าห์ลงทุนแกล้งหลับ เจตนาจะไล่กันขนาดนี้แจจุงไม่อยู่แล้วก็ได้ คนขี้งอนคิดเอาเองอยู่ฝ่ายเดียวพลางขยับตัวเตรียมลุกขึ้น ทันใดนั้นร่างหนาที่นอนนิ่งเป็นหุ่นกระชับกอดเอวค่อดบางแน่นรั้งร่างบอบบางให้นั่งอยู่กับที่ เสียงทุ้มเบสเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“รู้ได้ยังไงครับว่าพี่ยุนแกล้งหลับ แล้วจะหนีไปไหนกัน...หืม~ อย่าบอกนะว่าตอนนี้กำลังงอนพี่ยุนอยู่?”
“เปล่าสักหน่อย ใครว่าแจจุงงอน”ปากเถียงแต่แก้มที่พองลมขึ้นแบบนั้น มองมุมไหนก็รู้ว่าอยู่ในอาการงอนสุดๆ
ปลายจมูกโด่งฝังไปที่แก้มป่องนั่นแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว คนขี้งอนหันมาแว๊ดกลับเร็วๆทำให้ปากทั้งคู่แตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ยุนโฮสอดมือเกี่ยวต้นคอระหงที่ขยับหนีแทบจะทันทีที่รู้ตัวว่าตกอยู่ในท่าที่ล่อแหลม แต่ก็ดันช้ากว่าจนได้  ริมฝีปากอิ่มทาบแผ่วเบา ไล้ลิ้นหยุ่นชื้นตามรอยยาวของกลีบปากนิ่ม เพียงไม่นานก็แทรกลิ้นเข้าไปภายในตวัดเกี่ยวลิ้นร้อนอย่างอ่อนละมุ่น เวลาเดินผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คนทั้งคู่ยังคงแลกเปลี่ยนน้ำหวานบริสุทธิ์กันอย่างไม่รู้เบื่อ กว่าคนคุมเกมรักจะยอมถอนปากอิ่มออกมาแจจุงก็แทบจะขาดใจ รอยน้ำลายใสที่มุมปากทำให้ยุนโฮโน้มตัวไปจูบซับมันอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง ด้วยความตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามาอีก ทั้งๆที่พึ่งผละออกจากกัน มือบางจึงดันหน้าอกแข็งแรงออก กลัวตัวเองจะขาดใจตายเพราะรสจูบไปเสียก่อน
“แฮ่กๆ...พี่ยุนบ้า...ละเมออยู่หรือไง”คนในวงแขนบ่นปนเสียงหอบ ยุนโฮยิ้มอารมณ์ดี แกล้งเกยคางทับไว้บนไหล่บอบบาง “ละเมออะไรครับ พี่ยุนไม่ได้หลับสักหน่อย”ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
“ปล่อยนะ! เบื่อแจจุงแล้วมากอด มาจูบแจจุงทำไม”ร่างบางดิ้นขลุกขลักในวงแขน แต่ด้วยสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยยิ่งเขาขยับก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“พี่บอกหรือยัง ว่า“เบื่อ”แจจุงคิดไปเองทั้งนั้น”
“ก็พี่ยุนทำเหมือนแจจุงกวนใจ ถ้าพี่ยุนรำคาญที่แจจุงมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของพี่ ก็บอกมาตรงๆดีกว่า อย่าทำแบบนี้กับแจจุงเลย”น้ำเสียงแบบนี้ ฟังดูก็รู้ว่าแจจุงกำลังน้อยใจ
“ไปกันใหญ่แล้ว พี่ไม่เคยบอกหรือยังไงว่าแจจุงคือทุกสิ่งในชีวิตพี่ แล้วพี่จะเบื่อส่วนหนึ่งของชีวิตตัวเองได้ยังไงครับ...คนดี”แจจุงเอนตัวทิ้งน้ำหนักทั้งหมดกับแผงอกกำยำ น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม
“แล้วพี่ยุนของแจจุงเป็นอะไรไปฮะ วันนี้พี่ยุนแทบไม่พูดกับแจจุงเลย มีเรื่องกลุ้มใจอะไรอยู่?”
………
……....”คำถามเรียบง่ายแฝงความห่วงใยอยู่ในที ชอง ยุนโฮมีสีหน้าหวั่นวิตกก่อนรีบเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉยดั่งเดิม ในความเงียบของยุนโฮเพียงเพื่อทบทวนเรื่องราวของตัวเองและคำพูดของคนช่างถาม แต่สำหรับแจจุงความเงียบของอีกฝ่ายกับทำให้ตัวเองหงอยเหงาแล้วรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ยุนโฮหันมามองสบลูกแก้วใสสีนิลที่เริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา ฝ่ามืออุ่นตะคองพวงแก้มใส ส่งต่อความรักผ่านทางสายตาคมแสนเหนื่อยล้าอย่างตัดสินใจ
“พะ...พี่ยุนโฮ”กริยาแปลกไปของคนรักทำให้เผลอเรียกชื่อขึ้นมาแผ่วเบา
“แจจุงพี่อาจไม่ดีพอสำหรับแจจุง ถ้าหากว่าสักวันหนี่ง แจจุงเจอใคร...”ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค สีหน้าคนฟังก็เปลี่ยนสี นัยน์ตาคู่งามสะท้อนแววของความเศร้าสร้อย ผิดหวังกับสิ่งที่ได้ยินจากปากคนรัก ร่างบางสะบัดหลุดจากพันธนาการ ในหัวมีแต่คำถามที่เต็มไปด้วยความสับสน
“แจจุง...ฟังพี่ก่อน!”ยุนโฮมองคนรักที่ใบหน้าถอดสี ด้วยหัวใจเจ็บปวด
“ไม่ต้องพูดแล้วฮะ พี่ยุนรู้ตัวมั้ยว่ากำลังดูถูกแจจุงอยู่ ทำไมฮะ...พี่ยุนเบื่อแจจุงแล้วเหรอ พี่กำลังจะบอกเลิกกับแจจุงอยู่หรือเปล่า?”เสียงแจจุงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด มือทั้งสองข้างเลื่อนมาปิดที่กกหู ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากรับฟังคำพูดใจร้ายของคนที่ตัวเองรักมากที่สุดอีกแล้ว
………”คำพูดตัดพ้อของแจจุง กำลังทำให้ยุนโฮใบ้กินไปชั่วขณะ เริ่มลนลานทำตัวไม่ถูก นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดสักหน่อย ไม่ใช่เลย แจจุงเข้าใจผิด แต่เขาก็ไม่รู้จะอธิบายให้แจจุงเข้าใจยังไงดี  อีกสิ่งที่ยุนโฮไม่รู้ก็คือความเงียบของเขาไม่ต่างกับการยอมรับกลายๆในความคิดของแจจุง เขารู้สึกราวกับถูกทอดทิ้ง ที่ไม่พูดเป็นเพราะลำบากใจใช่มั้ยฮะ? พี่ยุน..แจจุงเข้าใจถูกแล้วใช่หรือเปล่า?
“แค่...พี่ยุนบอกมาคำเดียวว่า ไม่รัก แจจุงจะไม่มาให้พี่ยุนต้องรำคาญใจอีกเลย!”ร่างบางหันหลังหนีทันที ความจริงเขาไม่ได้เข้มแข้งพอจะฟังคำนั้นได้ ทางเดียวในตอนนี้คือออกไปให้พ้นจากคนใจร้ายที่ตัวเองรักให้เร็วที่สุด มือบางแตะที่ประตูเตรียมปลดล็อคแต่กลับถูกอีกฝ่ายสวมกอดจากด้านหลัง จนเขาทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งในอ้อมกอดอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด หัวใจแจจุงตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน พี่ยุนต้องการอะไรจากเขากันแน่หรือว่านี่เป็นการลองใจของพี่ยุน...แจจุงงงไปหมดแล้ว
“ฮึกๆๆ บอก...จะ...แจจุงที...ว่ามันเกิดอะไรกับพี่ยุน  ฮื่อๆๆ...พี่ยุนเป็นอะไรไป?”
“น้ำตาของแจจุงมีค่าเกินกว่าจะมาร้องไห้ให้คนเลวๆแบบพี่ หยุดร้องไห้เถอะ...คนดีเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ สร้างความหนักใจแก่ยุนโฮไม่เบา เขาจะพูดดีมั้ย ในใจยังคงครุ่นคิด แต่ถ้าวันนี้ไม่พูดสักวันเขาก็ต้องพูดมันออกไปอยู่ดี เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความลำบากใจ
“คนที่ข่มขืนแจจุงในวันนั้นคือ...พี่เอง!!!”หน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอาบฉ่ำทั้งสองแก้มปรางค์ซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด หัวใจเต้นช้าลงจนแทบหยุดเต้น นี่มันเรื่องอะไรกัน!!! พี่ยุนกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?
ยุนโฮดันร่างที่สะอื้นจนตัวสั่นเทามาเผชิญหน้า กรอบหน้าสวยที่มีแต่คราบน้ำตาพร้อมตาบวมช้ำทำเอาใจคนมองกระตุกวาบ แต่ถึงยังไงก็ต้องพูดให้มันจบในวันนี้ เพราะถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ยุนโฮก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองยังจะกล้าพูดมันอีกมั้ย!
“ฟังพี่ยุนให้ดีนะแจจุง วันที่แจจุงไปส่งโบอาแล้วมีคนฉุดขึ้นรถไป วันนั้น...พี่เป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด รวมถึงลงมือข่มขืนเองด้วย พี่อยากให้แจจุงรู้สึกผิดต่อพี่จนขาดพี่ไม่ได้ พี่เห็นแก่ตัวที่ทำร้ายแจจุง เข้าใจหรือยังว่าพี่เลวแค่ไหน เรื่องที่พี่ไม่เคยบอกพี่ก็บอกออกมาจนหมดแล้ว เหลือการตัดสินใจของแจจุง ตอบพี่ยุนมาสิ...ยังคิดว่าตัวเองจะ รัก คนเลวๆแบบพี่ได้อีกมั้ย?”แรงสั่นเทิ้มจากการสะอื้นหยุดชะงัก ในหัวสมองว่างเปล่า คำพูดประโยคเมื่อครู่หมายความว่าอะไร?
โดยไม่รู้ตัวเท้าทั้งสองข้างของแจจุงกระเถิบหนีออกห่างระยะประชิดของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำใสกลิ้งกลอกภายในลูกแก้วสีนิล ก่อนที่จะรินรดหล่นลงมาอาบพวงแก้มหยดแล้วหยดเล่า เสียใจแค่ไหนที่ได้ยิน พี่ยุนรู้มั้ย? เรียวขาถอยห่างออกมาตั้งหลักโดยอัตโนมัติ ก่อนหมุนตัวเปิดประตูออกไปจากห้อง ยอมรับว่าใจหาย ตกใจและก็กำลังทำอะไรไม่ถูก เท่าที่รู้ตอนนี้เหมือนขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงจะยืนอีกต่อไป หัวสมองขาวโพลนมึนงงไปหมดทุกอย่าง
“แจจุง คือว่าพี่...”คำพูดหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อมือที่เอื้อมไปหมายปลอบโยนถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบายอะไร แจจุงไม่อยากได้ยิน พี่ยุนทำแบบนี้ทำไม พี่ยุนรู้มั้ยว่าแจจุงเกือบฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าตัวเองสกปรก นี่เป็นเรื่องน่ายินดีหรือเปล่าที่แจจุงยังเป็นของพี่...แค่คนเดียว”

ตอนนี้แจจุงอ่อนแอไปหมดทั้งตัวและหัวใจ!

…...…”ด้วยสำนึกและความละอายใจ ทำให้ยุนโฮไม่อาจพูดโต้ตอบสิ่งใดออกมาได้ แจจุงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนกลั้นใจพูดต่อ
“แล้วถ้าพี่ยุนปิดแจจุงมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว พี่ยุนจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกทำไม!?”

เพราะ..ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ  
เงาที่สะท้อนแววตาปวดร้าวของแจจุงจึงเผยความนัยทุกอย่างจนหมดสิ้น...โดยไม่ต้องอาศัยคำพูด
คนอ่อนแอพยายามบังคับร่างกายอ่อนล้า แข็งใจก้าวเท้าออกมาให้ห่างออกไป...ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองดังไล่มาทางด้านหลัง ไม่รู้ทำไมถึงได้ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ ใจไม่ได้คิดที่จะหนี แต่ร่างกายกับสั่งให้ขาทำหน้าที่ของมันต่อไปไม่หยุด ช่วงขาเรียวยาวฝืนใจวิ่งไปจนถึงหน้าลิฟท์ กดย้ำที่ตรงปุ่มไฟซึ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย เสียงเรียกที่ใกล้เข้ามาทำให้เหลียวกลับไปมองอีกครั้ง ยุนโฮวิ่งไล่มาเกือบถึงตัวแล้ว ร่างบางตัดสินใจฉับพลันวิ่งย้อนไปตรงทางบันไดด้วยความลาดชันระหว่างขั้นของตัวบันไดและอาการร้อนรนที่จะหลีกหนีคนใจร้าย แจจุงจึงวิ่งลงไปอย่างสุดแรงน้อยนิดที่เหลือ ถึงจะเหนื่อยจนแทบขาดใจแต่เขาก็ยังไม่อยากประจันหน้ากับคนใจร้ายในตอนนี้
“แจจุง!!! อย่าวิ่งสิ...ฟังพี่ยุนก่อนนะ”เสียงปนหอบดังกระชั้นชิดยิ่งทำให้ร่างบางเร่งสปีดตัวเองขึ้นไปอีก
“แฮ่กๆ จะ...แจจุง ฟังพี่ยุนก่อนครับ หนีพี่ยุนทำไม แฮ่กๆๆเกลียดพี่ยุนแล้วเหรอ?”
คนบ้า...จะวิ่งตามมาทำไม แจจุงขอเวลาทำใจสักหน่อยได้มั้ย? แจจุงคิด อดห่วงคนที่วิ่งไล่ตนเองไม่ได้ว่าจะเผลอสะดุดล้มหรือเปล่า ด้วยทางเดินมันคดเลี้ยวจนน่ากลัว ความห่วงใยที่ปิดไม่อยู่ทำให้คอยหันกลับไปมองอยู่บ่อยครั้ง  น้ำตาที่เอ่อล้นภายในทำให้นัยน์ตาพร่ามัว แถมเจ้าตัวยังไม่คิดจะเช็ดมันออกแต่กลับปล่อยให้มันไหลพรากอาบแก้มเนียนขาวเปียกชื้นไปหมด ตอนนี้เขาได้แต่สั่งใจตัวเองไม่ให้คิด ไม่ให้สนใจอะไรทั้งนั้น
การที่แจจุงวิ่งหนีไม่ใช่เพราะว่า...เกลียด แต่เป็นเพราะแจจุงรักพี่ยุนมากเกินไปต่างหาก มากกว่าที่จะ รักตัวเอง ด้วยซ้ำ เพียงแต่ความจริงที่พึ่งรับรู้มันคงต้องอาศัยเวลา...อีกสักหน่อย

ถ้าความรักของพี่ยุนเปรียบเสมือนความเห็นแก่ตัว
ความรักของแจจุงคงเปรียบเสมือนคนตาบอด หูหนวก แถมยังเป็นใบ้...อีกต่างหาก

เสียงสะท้อนในหัวดังซ้ำไป--ซ้ำมา

เหลือแต่การตัดสินใจของแจจุง ตอบพี่ยุนมาสิ..ยังคิดว่าตัวเองจะรักคนเลวๆแบบพี่ได้อีกมั้ย?’

ตอบได้โดยไม่ต้องคิดทบทวนอะไรด้วยซ้ำ แจจุงรู้จักตัวเองดีพอว่าหัวใจตัวเองยอมรับและให้อภัยพี่ยุนโฮได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหัวใจของเขามันช่างไม่รักดีจริงๆ ต่อให้พี่ยุนจะทำตัวเลวร้ายมากกว่านี้ คำตอบก็ยังเหมือนเดิม!

รัก...จนลืมที่จะรักตัวเอง!
.
.
.

ใครกำลังส่งเสียงเรียกเขาอยู่นะ น้ำเสียงคุ้นเคยจนเจ้าของชื่อเผลอยิ้มออกมาจนได้
เป็นเสียงที่เหมือนกับน้ำเสียงของพี่ยุน...
“ไม่นะ แจจุงงงง…!!!!
ยุนโฮตะโกนออกมาสุดเสียง เมื่อร่างที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าถลาเซเกาะราวบันไดก่อนทั้งร่างจะปลิวตกลงไปชั้นล่าง เสียงของหนักกระทบพื้นดังสนั่นไม่แพ้เสียงกรีดร้องของผู้ชายที่วิ่งตามร่างบางจนมาหยุดยืนอยู่เหนือร่างอ่อนปวกเปียกแทบเท้า เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากศีรษะนองเจิ่งพื้นสีขาวกลายเป็นสีโลหิตแดงเข้ม กลิ่นคาวคละคลุ้งไปหมด ยุนโฮรวบร่างบอบช้ำไว้ในวงแขนด้วยความทะนุถนอม น้ำตาเม็ดโตหล่นลงมาไม่ขาดสาย เขาทำร้ายหัวใจตัวเองและคนที่ตัวเองรัก..อีกแล้ว!

  ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------