2554/09/27

Part…38 มิตรภาพ

Title : [Fic] หมอ...llจิตll 
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…38 มิตรภาพ

หมอหนุ่มจุนกิให้ยาคลายเครียดทางสายน้ำเกลืออีกครั้งก่อนออกจากห้องผู้ป่วย ไม่ลืมที่จะกล่าวย้ำคนเฝ้าไข้เรื่องอาการทางประสาทของคนป่วยที่ยังคงหลับลงด้วยฤทธิ์ยาอย่างกังวลจัด ใบหน้าซีดเผือดของคิม จุนซูซึ่งเกาะขอบเตียงโลหะแน่น สายตาจดจ่ออยู่กับใบหน้าที่ไร้สีเลือดของเพื่อนรัก เฝ้าดูอาการผิดปกติแบบไม่ยอมกระพริบตาด้วยความเป็นห่วงแล้วก็รู้สึกผิดมากจริงๆที่ไปเซ้าซี้ให้แจจุงพูดมันออกมา เขาคิดว่าการได้ระบายออกมาจะทำให้อาการดีขึ้นแต่ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นแจจุงดูแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก น้ำตาเม็ดโตรินไหลออกมาไม่หยุด

ขอโทษนะ...แจจุง ชั้นขอโทษ

คำพูดเมื่อครู่ของคุณหมอหนุ่มยังดังแว่วในหัว
อย่าพึ่งพูดอะไรที่มันกระทบจิตใจของคนไข้นะครับ ถึงแม้คนไข้จะมีพฤติกรรมการแสดงออกเช่นเดียวกับคนปกติ แต่ว่า ภายในจิตใจยังคงมีสิ่งที่ปกปิดเอาไว้ ไม่ต้องการให้ใครรู้ ตอนนี้คุณอย่าเร่งรัดให้เขาเล่าอะไรที่เขาไม่อยากรับรู้มันให้ฟังเลยนะครับ หมอกลัวคนไข้จะช็อค”
“แสดงว่าเพื่อนผมมีอาการผิดปกติทางจิตเหรอฮะ?”จุนซูขึ้นเสียงสูงอย่างตกใจ
“ใจเย็นก่อนครับมันอาจไม่ร้ายแรงถึงขนาดนั้น แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่างด้วย ตอนนี้เพื่อนคุณอยู่ในความดูแลของหมอแล้วนะครับ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป สิ่งที่เพื่อนคุณประสบมานั้น มันเสมือนความทรงจำอันเลวร้ายที่ฝังลึกลงไปเกาะกุมจิตใจส่วนที่ลึกที่สุด อาการที่หมอสังเกตได้ ณ ขณะนี้คงจะเป็นการแสดงออกว่ารังเกียจตัวเองมาก คือเพื่อนคุณเลือกที่จะโทษตัวเอง เขาคิดว่าสิ่งที่เกิดเป็นความผิดของตัวเขาเอง การแสดงออกของเขาจึงอยู่ในรูปแบบของการทำร้ายร่างกายตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนเจอเรื่องแบบนี้ ที่ยังรู้สึกหวาดผวาหรือหลอนตัวเองด้วยเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อได้รับสิ่งเร้าน่ะครับ อืม...คือผมหมายถึงเมื่อมีสิ่งกระตุ้นให้นึกถึงมันน่ะครับ อย่าคิดมากสิครับ คุณต้องให้กำลังใจเขามากๆนะ”
“แล้วแจจุงจะ...”แค่คิดแต่จุนซูไม่กล้าพูดออกไป หมอหนุ่มราวกับรู้เท่าทัน รีบพูดตอบในประเด็นที่สงสัย
“เสียสติน่ะเหรอ เฮ้ย...คุณอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมแค่ลองต่อคำที่คุณพูดค้างเอาไว้ ตอนนี้เพื่อนคุณอยู่ในระหว่างการรักษาหมอคงยังตอบอะไรมากไม่ได้ ต้องรอดูอาการเป็นระยะก่อน ขอให้คุณใจเย็นๆนะครับ แล้วสภาพจิตใจของเพื่อนคุณในช่วงนี้ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ”หมอหนุ่มตอบ ก่อนส่งยิ้มอบอุ่นเพื่อให้คนน่ารักได้คลายกังวล
“อ่า ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
จุนซูสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสถึงความเย็นที่บริเวณข้อมือ สติลอยละล่องไร้จุดหมายจากการตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด เพียงความเย็นวาบเล็กน้อยก็พลันเรียกสติตัวเองกับมาได้จนหมด ก่อนเพ่งมองภาพตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่ค่อยแน่ใจ สายตาปะทะกับดวงตากลมโตทว่าแดงก่ำของคนป่วยที่ยังอุตส่าห์มีแก่ใจส่งรอยยิ้มเซียวๆมาให้เห็นแล้วสะท้อนใจจนจุนซูออกอาการเบะปากเตรียมปล่อยโฮอีกครั้ง
“แจจุงชั้นขอโทษ ชั้นไม่น่าพูดถึงมันเลย ฮึกกก”เพื่อนตัวอวบทิ้งตัวกับราวโลหะที่คุณหมอจุนกิขยับขึ้นมากั้นเตรียมพร้อมเผื่อแจจุงคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมาอีก กลายเป็นที่วางลำตัวอวบอัดของคนน่ารักที่ก้มหน้าสะอื้นไห้ไม่หยุด มือที่ยังไม่หยุดสั่นวางลงบนศีรษะกลมอย่างรักใคร่ลูบเบาๆอย่างปลอบโยน
“ไม่เอาน่าจุนซู มันไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย ไม่ร้องไห้นะ”แจจุงกล่าวเสียงอ่อน จุนซูเงยมองพลางตอบเสียงอู้อี้สูดน้ำมูกเข้าไปข้างในเสียงดังฟืดฟาด
“ชั้นก็ไม่อยากร้อง แต่มันห้ามน้ำตาไม่ได้นี่นา ชั้นเสียใจจริงๆ ฮื่อๆๆๆ”
“แค่นายไม่รังเกียจชั้นก็พอแล้ว จุนซู”เสียงแหบพูดอย่างน่าสงสาร น้ำตาที่เก็บกักเอาไว้ไม่อยากให้รินไหลอย่างคนอ่อนแอ ร่วงหล่นลงมาอาบสองข้างแก้มอย่างไม่อาจฝืน จุนซูคว้าลำตัวบางที่ก้มหน้าชิดกับอกมาโอบกอดแนบแน่นอยากถ่ายทอดความอบอุ่นที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดให้แก่เพื่อนที่เขารักมากที่สุด
“ไม่มีทาง ชั้นรักนายจะตาย ชั้นจะไม่ร้องแล้ว แจจุงอย่าร้องไห้อีกนะ”จุนซูกอดแจจุงแน่นทั้งเห็นใจและอดที่จะสงสารกับโชคชะตาของเพื่อนรักไม่ได้ ถึงจะช่วยเหลือเพื่อนรักไม่ได้แต่เขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจแจจุงเสมอ จุนซูลูบแผ่นหลังแผ่วเบาจนกระทั่งร่างบางเริ่มสงบ จุนซูจึงค่อยผละออกมามือเล็กเช็ดน้ำตาที่เกาะไปทั่วดวงหน้าสวยดั่งเจ้าหญิงเช่นเดียวกับแจจุงที่ส่งมือไปเกลี่ยคราบน้ำตาใสของคนตรงหน้าเช่นกัน
คำถามก่อนหน้านี้ดังแว่วขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสบนัยน์ตาหวาน “คุณหมอฮะ ทราบหรือเปล่าว่าใครเป็นคนพาแจจุงมาส่งโรงพยาบาล แล้วเขาบอกมั้ยฮะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเพื่อนผมถึงเป็นแบบนี้?”คุณหมอหนุ่มชะงักไปนิด ก่อนตอบคำถามคนขี้สงสัย
“คนที่พาคนไข้มาส่งถึงมือหมอคือหมอยุนโฮน่ะ เขาเป็นคนรักของแจจุงไง คุณไม่รู้จักเหรอ อืม...ส่วนเรื่องมันเป็นมายังไง หมอไม่ทราบจริงๆครับ”คำตอบไม่ได้สร้างความกระจ่างซ้ำยังเพิ่มความสงสัยในใจของจุนซูเข้าไปอีก  อุตส่าห์แกล้งถามเพราะเขาก็พอรู้เรื่องบางส่วนจากยูฮวานแล้ว แต่...ยุนโฮหรอ???  รู้จักสิแถมรู้จักดีเสียด้วย แล้วทำไมถึงเป็นยุนโฮล่ะ? แล้วแจจุงรู้เรื่องนี้มั้ย? คำพูดหมอหนุ่มที่วนเวียนในหัว ทำให้คนน่ารักเผลอมองหน้าเพื่อนนิ่ง

ป๊าบ!!!!! เสียงตบไหล่ดังพร้อมกับเสียงร้องลั่นของคนใจลอย
“เหม่อไปถึงไหนแล้ว...เจ้าอวบ”จุนซูส่งค้อนวงโตก่อนทำเนียนพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อน เขารู้ตัวว่าโกหกไม่เก่งโดยเฉพาะกับแจจุง ถึงจะสงสัยเรื่องของยุนโฮแต่จะให้พูดยังไงได้ล่ะ
“เปล่าสักหน่อย แค่กำลังคิดเรื่องเมื่อวาน ยังดีนะที่พี่ฮีชอลโทรมาหา ฝากให้บอกนายว่า ต้องดูแลร้านแทนพี่ซีวอนที่รีบเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงนี้ให้นายมานอนที่บ้านชั้นก่อนไม่งั้นถ้าพี่ฮีชอลมาเจอนายสภาพแบบนี้ เฮ่อ...แค่คิดก็สยองแล้วอ่ะ”แจจุงขำกับท่าทางหวาดกลัวของจุนซูที่แสดงออกมาเกินเหตุ
“ชั้นคงต้องรีบหายเร็วๆแล้วสินะ”จุนซูบีบมือแจจุงแน่น
“ไม่ต้องห่วงนะแจจุง มีชั้นอยู่ทั้งคน”พูดออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเพื่อนได้ แต่ก็เรียกรอยยิ้มของคนป่วยให้ประดับบนใบหน้าสวยอีกได้ครั้ง
“แล้วโบอาล่ะ นายจะบอกเธอว่ายังไง ชั้นเห็นมิสคอลมาเป็นร้อยแล้วมั้ง”มือน้อยคว้าโทรศัพท์แจจุงขึ้นมาโชว์หลาชิดใบหน้า ใกล้เกินจนแจจุงต้องผลักออกห่างแต่คนน่ารักยังไม่ยอมทำตาม  แจจุงหรี่ตามองหน้าจุนซูอย่างเกียจคร้าน
“ไม่รู้สิ นายคิดว่าชั้นควรบอก อะไรกับเธอ?”
“ก็แค่โทรไปบอกว่านายสบายดีก็พอมั้ง ไม่ต้องพูดรายละเอียดอะไรหรอก อย่าลืม...โบอารู้จักพี่ฮีชอล ถ้าเกิดไปถามด้วยตัวเอง นายลำบากแน่ แจจุง”ก่อนเจ้ากี้เจ้าการยัดเครื่องมือสื่อสารใส่มือเพื่อนแกมบังคับให้ทำตามเดี๋ยวนี้ แจจุงมองอย่างชั่งใจยังไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่า
“เอางั้นหรอ???ที่ถามก็เพราะยังลังเลอยู่ไม่น้อย
จุนซูพยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ แจจุงสูดลมหายใจเต็มปอดสองสามครั้งเรียกขวัญและกำลังใจ มันก็จริงอย่างจุนซูพูด ถ้าปล่อยไว้อาจยุ่งยากไปกันใหญ่ ปลายนิ้วกดปุ่มโทรออกแค่เสียงสัญญาณดังครั้งเดียว เสียงหวานใสของหญิงสาวก็ดังก้องมาจากต้นสาย
“ฮัลโหล...แจจุง คุณเป็นยังไงบ้าง โบอาเป็นห่วงคุณมากนะคะ”เสียงร้อนรนยิงคำถามไม่หยุด
“พวกมันทำอะไรคุณมั้ย...แล้วคุณอยู่ที่ไหน? โบอาพยายามติดต่อคุณตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่มีคนรับสายเลยแจจุง คุณฟังโบอาพูดอยู่หรือเปล่าคะ?”
“บะ...โบอาครับ ใจเย็นๆ ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย”แจจุงอธิบาย
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่โบอาวิ่งหนีคะ...แจจุง”เสียงหวานยังคงดูตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อแจจุงยังไม่ยอมพูดให้กระจ่างในสิ่งที่ตนอยากรู้ทั้งหมด
“มันไม่มีอะไรหรอกครับ ผมโดนต่อยนิดหน่อยแล้วพอดีมีตำรวจผ่านมาผมก็เลยวิ่งหนี ขอโทษนะโบอาที่ไม่ได้โทรบอกคุณก่อน แจจุงพูดพลางเหลือบตามองเพื่อนตัวอวบที่คอยบงการเขาอยู่ใกล้ๆ
“คุณอยู่ที่ไหนคะ ให้โบอาไปหามั้ย?”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงตั้งแต่ได้ยินว่าแจจุงโดนทำร้าย อยากไปดูให้แน่ใจว่าแจจุงไม่เป็นอะไรจริงๆ แจจุงมองหน้ากลมใสของเพื่อนรักที่ส่ายหัวไปมาจนผมกระเซิง เขาหลุดขำออกมาก่อนรีบเอามือปิดปากแน่น หวังว่าโบอาคงไม่ทันได้ยินนะ
“ไม่ต้องหรอกครับพอดีวันนี้ผมมาค้างบ้านจุนซูน่ะ อืม...โบอาครับแค่นี้ก่อนนะแล้วผมจะโทรหาคุณใหม่”
“อ่า ก็ได้ค่ะ พักผ่อนเยอะๆนะคะ”หญิงสาวเอ่ยก่อนวางสายไป ทั้งแจจุงและจุนซูถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอก ผ่านไปแล้วหนึ่งปัญหาจนได้ เมื่อตัวเองสบายใจก็พลันนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่ได้รับรู้มา ดูคล้ายกับว่าจุนซูเองก็มีเรื่องต้องเคลียร์กับอาจารย์หนุ่มสุดหล่อ แจจุงโน้มคอของเพื่อนรักไม่ให้เตรียมขยับหนีไปไหนก่อนเริ่มสอบสวนผู้ร้ายปากแข็งขึ้นมาบ้าง
“ว่าแต่ เรื่องของจุนซูกับอาจารย์ปาร์คล่ะ มันเป็นยังไง?”คำถามสั้นแต่ตรงประเด็นสุดๆของแจจุง เล่นเอาคนช่างคิดทำหน้าเลิกลั่กอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องมาทำเป็นใบ้เอาตอนนี้เลยนะจุนซู บอกมาให้หมด มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนายกับอาจารย์ปาร์คสุดหล่อ”จุนซูปล่อยลมหายใจออกมาแรงๆ เงยหน้ามองใบหน้าดุของแจจุงอย่างออดอ้อน น่าหมั่นเขี้ยวเสียจนโดนแจจุงหยิกแก้มอิ่มจนแดงเถือกไปหมด คนน่ารักเบะปากอย่างงอนๆส่งเสียงอ่อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอก แจจุง”ปากพูดไปอย่างนั้น แต่สีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนรักมันฟ้องออกมาจนหมดแล้ว!
“คิม จุนซู!”เสียงเรียกชื่อเต็มยศแบบนี้แปลได้อย่างเดียวว่าแจจุงกำลังโกรธ  จุนซูหน้าเศร้าลงทันทิเขารู้ว่าทำแบบนี้แล้วแจจุงต้องไม่พอใจแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงบางทีอาจเป็นตัวเขาเองก็ได้ที่เป็นฝ่ายงี่เง่าเกินไป แต่พี่ยูชอนผิดนัดของเราเพื่อมาคุยสนุกกับผู้หญิงในห้องนอนเพียงสองต่อสองซ้ำยังนอนกอดก่ายหัวเราะกันฟังดูน่ามีความสุขบนเตียงนอนของพี่ยูชอนอย่างนั้นน่ะหรอ? เรื่องนี้น่าจะเพียงพอให้จุนซูรู้สึกไม่พอใจได้ใช่ไหมหรือว่าจุนซูยังไม่มีสิทธิ์? ร่างเล็กจมอยู่กับภวังค์อย่างเศร้าซึมจนแจจุงพูดขึ้นมาขัดความเงียบที่เพื่อนรักสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเองเอาไว้
“จุนซู...เรื่องมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ อ๊ะ...พยุงชั้นลงจากเตียงทีสิ”มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางจับข้อมือขาวของจุนซูให้เกาะบริเวณเอวค่อดบางของตนก่อนส่งมือเรียวคล้องลำคอของเพื่อนรักทำท่าจะลงจากเตียงผู้ป่วย จุนซูสะดุ้งหลุดออกมาจากภวังค์อย่างมึนงง นี่เพื่อนเขาเกิดคิดจะทำอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย จุนซูมองหน้าแจจุงอย่างไม่เข้าใจ
“แจจุงปวดฉี่หรอ?”คำพูดซื่อๆของคนน่ารัก ทำเอาแจจุงหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เปล่า...ชั้นก็แค่จะไปจัดการอาจารย์ปาร์คให้จุนซูไง”แจจุงพูดอย่างจริงจัง พลางยกมือขึ้นชูกำปั้นอย่างอวดเก่ง  จุนซูมองสภาพของเพื่อนรักอย่างขำๆก่อนที่จะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
“ด้วยสภาพแบบนี้เนี๊ยะนะ...พรืดดด~~ ฮ่าๆๆๆ ชั้นรักนายจังแจจุง^^”ใบหน้ากลมซุกลงกับอกคนป่วย ทั้งสองเพื่อนซี้กอดกันแน่น
“ชั้นก็รักนาย...จุนซู ถ้าเขาทำให้เพื่อนรักของชั้นเสียใจ ชั้นก็ไม่ยอมเหมือนกันนะ จะบอกให้!!!
“รู้แล้วๆ คิคิ ชั้นจะเล่าให้ฟังก็ได้ นายฟังแล้วอาจจะว่าชั้นงี่เง่าก็ได้นะ...แจจุง”
“เล่ามาเถอะ...ลีลาเยอะจริงๆเจ้าอ้วนนี่”
แล้วเรื่องราวที่จุนซูเห็นทั้งหมดก็ถ่ายทอดออกมาให้แจจุงได้รับรู้มันจนหมดสิ้นตลอดเวลาที่จุนซูพูด แจจุงเพียงแต่รับฟังเงียบๆ ปล่อยให้จุนซูได้ระบายทุกสิ่งออกมาจนหมด เพื่อนรักของเขาจะได้สบายใจขึ้นบ้าง  ถ้าเป็นตัวเองจะทำยังไง? ก็คงจะวิ่งหนีความจริงออกมาแบบจุนซูเหมือนกัน ดังนั้นที่จุนซูทำแบบนี้เขาเข้าใจและไม่คิดตำหนิอะไรเพื่อนเลยสักนิดเดียว
“เอ่อ...แล้วไม่คิดถามอาจารย์ปาร์คสักหน่อยหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เกี่ยวข้องกันยังไงน่ะ?”
                ..............
“มาจากไหนและ สำคัญกับอาจารย์ยังไง?”แจจุงส่งคำถามออกมาไม่หยุดหย่อน จนจุนซูต้องยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ก่อนที่จะยิงคำถามอื่นเพิ่มเติม
“ดูแจจุงอยากรู้มากกว่าชั้นอีกนะ คำถามเยอะแยะขนาดนี้ใครจะกล้าถามเล่า”จุนซูพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันเพียงแต่ มันไม่กล้า เฮ่อ~
“จุนซู ไม่อยากรู้ความจริงเหรอ?”

ทำไมจะไม่อยากรู้ล่ะ เพียงแต่ใจชั้นยังไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริงก็เท่านั้น!

“พูดตรงๆนะแจจุง อยากรู้สิ แต่ชั้นกลัว...คำตอบ ชั้นก็แค่เด็กน้อยสำหรับเขาเท่านั้นแหละ” น้ำเสียงของจุนซูดูเศร้า จนแจจุงเอื้อมมือมากุมมือที่กำผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดจนยับยู่ยี่ไปหมด

ขี้ขลาดจริงๆ คิม จุนซู

“ถ้าจุนซูอยากร้องไห้ชั้นจะร้องเป็นเพื่อนเองนะ อย่าคิดมากเลย”

เพราะเรื่องของจุนซู ก็คือ เรื่องของแจจุง

แจจุงสบตาเพื่อนอย่างจริงใจ จุนซูคลี่ยิ้มออกมาบางๆสลับกับส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วย ความรู้สึกดีขึ้นมาเป็นลำดับ สบายใจมั้ง อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีเพื่อนที่ดี อย่างแจจุงอยู่เคียงข้าง
“รู้มั้ยจุนซู รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนาย ทำให้ชั้นมีความสุข”
“ถ้าไม่มีแจจุง ชั้นก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน”



ขณะติดไฟแดงสายตาคมก็สอดส่องมองหารรถแท็กซี่ที่ยังไม่น่าจะไปไหนได้ไกลนัก มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาจุนซูก่อนจะพบว่ามันดับและไม่สามารถเปิดขึ้นมาได้อีก
แบตหมดได้ไงว่ะเนี่ย!”ทุกกำปันที่พวงมาลัยอย่างโมโห เค้ารอโทรศัพท์จากจุนซูเพื่อที่จะไปรับร่างเล็กแต่ก็ไม่ได้นึกเอะใจว่าแบตมันจะมาหมดกะทันหันแบบนี้
จะทันนัดมั้ยล่ะเนี่ย...ยูชอนเอ้ยยยยูชอนเริ่มหัวเสียมากขึ้นกว่าเก่า คงเพราะเพื่อนสนิทตัวยุ่งที่อยู่ๆก็โผล่มาเซอร์ไพร์เค้าหน้าตาเฉย  เลยทำให้ลืมไปเลยว่าวันนี้ต้องไปทานข้าวที่บ้านของจุนซูเพราะเห็นจุนซูบอกว่าพี่ชายอยากพูดคุยและฝากฝังคนตัวเล็กให้เค้าเป็นคนดูแลแทนระหว่างที่พี่ชายของจุนซูไม่มีเวลา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ความมั่นใจในตัวของอาจารย์หนุ่มลดน้อยลงจนแทบจะไม่มีเปอร์เซ็นความกล้าหลงเหลืออยู่เลย ไม่กล้าจะเจอหน้าจุนซูแล้วไหนจะพี่ชายของจุนซูอีก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เค้าจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม  วันนี้โชคอาจจะไม่ได้เข้าข้างยูชอนก็เป็นได้ เวลานัดเรทมาครึ่งชั่วโมงเพราะการจราจรที่ติดขัด สูดอากาศหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจที่หายไปไหนหมดแล้วไม่รู้ให้กลับมา  กดกริ่งหน้าบ้านและเพียงไม่นานคนที่หน้าตาคล้ายกับคนรักของเขาหากแต่ดูสูงโปร่งกว่ามากแถมยังดูเป็นผู้ใหญ่อยู่มากต่างกับจุนซูโดยสิ้นเชิง เดินมาพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย
นายคือยูชอนใช่มั้ย?
อะ...ครับ ผมปาร์ค ยูชอนยูชอนโค้งศีรษะทักทายด้วยความนอบน้อม โดยรวมแล้วยังไงพี่จุนโฮคงจะอายุมากกว่าเค้าแน่นอน
แล้วจุนซูล่ะ...ไหนบอกจะมาพร้อมกับนายไง?ชะเง้อมองหาร่างเล็กอีกคน
เค้ายังมาไม่ถึงหรอครับ?คำถามนี้ทำเอาจุนโฮถึงจ้องยูชอนตาเขม่ง ไหงมาย้อนถามเขาแบบนี้ล่ะ!!!
มาย้อมถามชั้นแบบนี้แล้วชั้นจะไปถามใคร...นี่อย่าบอกนะว่านายไม่ได้ไปรับจุนซูน่ะจุนโฮเริ่มขึ้นเสียงรู้สึกไม่พอใจคนตรงหน้านี้เสียแล้ว
เอ่อ...ครับ...พอดีแบตมือถือผมมันหมดแล้ว...ยูชอนพยายามอธิบายให้คนใจร้อนตรงหน้าได้เข้าใจแต่ดูเหมือนจุนโฮจะไม่อยากฟังมันสักเท่าไหร่
แล้วนายก็คลาดกับน้องชายชั้น...แบบนั้นใช่หรือเปล่า?
เอ่อ...คือ...เรื่องมันยาวนะฮะใบหน้าขาวใสของชายหนุ่มเริ่มซีดลงทุกขณะ ยูชอนไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง...ให้ตายสิ!
งั้นชั้นจะช่วยให้มันสั้นและกระชับขึ้นก็แล้วกันจุนโฮกดต่อสายหาน้องชายตนเองทันที
จุนซู...นี่เราอยู่ที่ไหนน่ะ?เสียงทุ่มเอ่ยถาม สายตาดุๆยังคงจ้องยูชอนไม่ลดละ จนคนที่ถูกมองถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
แล้วเราไปทำไมที่นั่นล่ะ?...อ่อๆ แล้วพี่จะบอกให้นะเมื่อวางสายไปแล้ว จุนโฮก็เดินเข้ามาใกล้ยูชอนมากขึ้นถึงแม้ในใจจะกลัวจุนโฮมากแค่ไหนแต่เพื่อความรักของเขากับจุนซูแล้ว ยูชอนยอมได้เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม(เหมือนจะคนละเรื่องกันแล้วนะ...ไก่- -+)
ขอโทษทีนะที่ชั้นดุนายไปแบบนั้น...จุนซูบอกว่าเค้าเป็นคนผิดนัดนายแล้วตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาล น้องชั้นเองสินะที่ผิดนัด จุนซูนี่แย่จริงๆไม่ตรงเวลาเอาเสียเลย...อ่อ...จุนซูฝากบอกนายด้วยว่าวันนี้เค้าไม่อยากเห็นหน้านาย เหมือนจุนซูจะงอนนายเลยนะว่ามั้ย?  ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนผิดนัด ไหงมาโกรธเราแบบนั้นกันล่ะ ฮ่าฮา...พี่ว่าเรารีบตามไปง้อ เอ้ย ไปหาจุนซูเถอะนะ^^”จุนโฮเอ่ยอย่างใจดีผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ ยูชอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกขอบคุณคนรักที่ถึงแม้ว่าจะโกรธเขามากแค่ไหนแต่จุนซูก็ยังออกรับและแก้ตัวแทน แต่เล่นฝากประโยคบอกเล่าที่ดูก็รู้ว่าจุนซูคงไม่อยากจะเห็นหน้ามากแค่ไหน ผ่านพี่จุนโฮมาแบบนี้แล้วใครจะไม่สงสัยกัน...TT
จุนซูเค้าเป็นอย่างนี้แหล่ะครับ...แต่ก็น่ารักเสมอเลย^^”
ฮ่าฮาจุนโฮหัวเราะชอบใจส่วนยูชอนนั้นก็ยิ้มสู้เช่นกันอย่างชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศตึงเครียดเริ่มคลี่คลายลงแล้วในตอนนี้
ไม่ว่าจะผิดหรือถูกนายก็ต้องเป็นฝ่ายง้อจุนซูสินะ
เอ่อ...ก็ประมาณนั้นมั้งครับ...แหะๆๆยูชอนยิ้มตายี๋ เอออออย่างคนรู้จักเอาตัวรอด - -+
งั้นก็รีบไปง้อจุนซูสิ...รู้ใช่มั้ยว่าจุนซูชอบกินช็อคโกแลตน่ะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนเข้ากันได้ดีแถมยังคุยกันถูกคออีกต่างหาก - -+
งั้นก็รีบไปซื้อมาง้อซะนะ จุนซูแกเป็นเด็กใจอ่อน...อ่า...ชั้นต้องไปทำงานต่อแล้ว ไว้โอกาสหน้าเราคงจะได้ไปทานข้าวด้วยกันนะจุนโฮเอ่ยทั้งรอยยิ้ม 
ฮะ...เช่นกันฮะเอื้อมมือไปจับก่อนจะเอ่ยลา  เมื่อรอส่งพี่จุนโฮเรียบร้อยแล้วยูชอนก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานั้นลืมถามพี่จุนโฮไปเลยว่าจุนซูไปทำอะไรที่โรงพยาบาล ไม่ทันซะแล้วพี่จุนโฮขับรถออกไปแล้ว ชายหนุ่มไม่รอช้าตอนนี้เรื่องเดียวที่คิดได้คือต้องไปหาจุนซูให้เร็วที่สุด!

~~~  ติ๊ด ~~~
[ไอ้พี่มิค!!!...พี่ทำอะไรจุนซูฮะ ทำไมเขาถึงดูเศร้าแบบนั้น
รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย...ตามไปง้อให้สำเร็จด้วย นี่คือคำสั่งของผม
ปล.ริคก็โกรธพี่เหมือนกัน!!!]

ยูชอนอ่านข้อความด้วยอาการงุนงง นี่ยูฮวานก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรอเนี่ย? แล้วมาโกรธเค้าเรื่องอะไร?...ไม่ได้การแล้วไงล่ะ

2554/09/25

Part…37 แขกผู้มาเยือน...ของยูชอน

Title : [Fic] หมอ...llจิตll 
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic   
NC : ?
Part…37 แขกผู้มาเยือน...ของยูชอน

ร้านขนมหวานที่เต็มไปด้วยช็อคโกแลตหลากรูปทรงและเกล็ดน้ำตาลหลากสีที่จัดเรียงไว้บนชั้นต่างระดับ ดูสวยงามและดึงดูดสายตายิ่งนัก ร้านขนมร้านนี้เป็นร้านประจำของจุนซู ทุกครั้งที่คนตัวเล็กแวะผ่านจะต้องมาที่ร้านๆนี้อย่างแน่นอน มือบางคีบชิ้นขนมหลายรูปทรงใส่ในถาดพลาสติกสีขาว เรียวบางอิ่มยกยิ้มอย่างคนมีความสุข ตอนนี้จุนซูกำลังเพลิดเพลินกับของที่ตนเองชื่นชอบตรงหน้า 
เมื่อเลือกจนพอใจแล้วจุนซูก็เดินมาจ่ายเงินที่หน้าแคชเชียร์ก่อนจะออกมาจากร้านขนมพร้อมกล่องกระดาษลายน่ารักสองกล่อง กล่องนึงของตัวเค้าและอีกกล่องนึงไม่ใช่ของใครที่ไหน...ของพี่ยูชอน  ใช่แล้ว! ถึงยูชอนจะไม่ชอบขนมรสหวานจัดเหมือนอย่างที่เขาชอบแต่ยูชอนก็ดูจะพอใจกับชิ้นขนมสีน้ำตาลเข้มที่มีชื่อว่าดาร์กช็อคโกแลตนั่นเอง จุนซูออกมายืนรอยูชอนใกล้ๆกับตู้โทรศัพท์สีแดงทรงหรู มือบางยื่นออกไปหยิบผงหิมะสีขาวสะอาดตาเล่นอย่างสนุกสนาน อมยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงคนที่กำลังจะมารับในอีกไม่ช้า  วันนี้จุนซูตั้งใจจะพาพี่ยูชอนไปหาพี่จุนโฮที่บ้านเพื่อรับประทานอาหารและทำความรู้จักกัน พี่จุนโฮของเขาแทบจะไม่มีเวลาว่าง แค่นี้จุนซูก็เกรงใจพี่จุนโฮจะแย่อยู่แล้ว
ทำไมพี่ยังไม่มารับจุนซูอีกนะ...หรือว่าจะลืมนัดเราแล้วริมฝีปากหวานบ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียว ชะเง้อคอมองหาเจ้าของรถคันหรูที่ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน จุนซูก็จำมันได้อย่างขึ้นใจ โฟโรรี่ราคาแพงหลายสิบล้านที่สั่งทำมาเป็นพิเศษตามอย่างใจของคนขับจะมีสักกี่คันกันล่ะ  แต่ไม่ว่าจะผ่านไปสิบนาทีหรือว่ายี่สิบนาทีก็แล้วจุนซูก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนรักเลยแม้แต่น้อย แถมนี่ก็ใกล้จะถึงเวลานัดของเขากับพี่จุนโฮแล้วด้วย ถ้ายังเรทไปมากกว่านี้พี่จุนโฮคงไม่พอใจเป็นแน่...เค้าไม่อยากให้การเจอกันครั้งแรกของคนรักและพี่ชายเป็นความทรงจำที่ไม่ดี  มือบางตัดสินใจกดโทรออกถึงคนที่ผิดนัดแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากยูชอน
พี่ยูชอน ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน จุนซูรอพี่นานแล้วนะฮะคนพูดคิ้วขมวดมุ่น มือบางยกขึ้นกอดตัวเองจากอากาศที่หนาวเย็น



ยูฮวานนำใบนัดตรวจพร้อมรายละเอียดของคนไข้ในแผนกต่างๆมาให้กับหัวหน้าพยาบาล ร่างเพรียวบางกำลังจะสาวเท้าผ่านออกไปแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของพยาบาลสาว ที่แอบเม้าท์กันตรงทางเดินระหว่างช่วงต่อของตึกแต่ละแผนก ไม่ใช่ว่าอยากรู้เรื่องคนอื่นจนเป็นนิสัย เพียงแต่...ชื่อของบุคคลที่อยู่ในบทสนทนานั่น ทำเอาขาเขาตรึงอยู่กับที่!

พี่ยุนโฮกับแจจุง

มันยังไงกันแน่?  พยาบาลสาวราวกับพึ่งรู้สึกตัวว่าทำเรื่องที่ไม่สมควร ก็เมื่อเห็นร่างเพรียวบางของว่าที่คุณหมอยืนนิ่งอย่างตกตะลึง สาบานได้ว่าคนอย่างปาร์ค ยูฮวานไม่ได้ช็อค ก็แค่ตกใจมากไปหน่อย เขารีบเรียกพยาบาลที่เตรียมจะหนีเอาไว้อย่างรวดเร็ว เรื่องราวที่รับรู้ยังไม่กระจ่างเลยจะให้เขาคิดเอาเองจากสิ่งที่ได้ยินเพียงแค่นั้นย่อมไม่พอ
“เดียวก่อนฮะพี่ ช่วยเล่าเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ให้ผมฟังอีกทีได้มั้ยครับ”ก่อนยิ้มอ้อนๆ อันเป็นดั่งสัญลักษณ์ประจำตัว และจงใจส่งต่อไปยังพยาบาลสาว แล้วเรื่องทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมา ครู่เดียว...ยูฮวานก็รับรู้ทุกอย่าง เขากล่าวขอบคุณพยาบาลสาวเหล่านั้นก่อนแยกตัวออกมา หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาไล่หาเบอร์ใครบางคนอย่างเร่งด่วน

อ๊ะ...เจอแล้ว

“พี่สะใภ้”ปลายนิ้วเรียวยาวกดสัมผัสเบาๆที่หน้าจอก่อนนำขึ้นมาแนบหู สัญญาณดังเพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่นานเสียงปลายสายก็ทักทายขึ้นมา
“ฮัลโหล ยูฮวานโทรหาจุนซูตอนนี้ มีข่าวอะไรเหรอ”ยูฮวานถอนหายใจแรงๆอย่างหนักใจ ก่อนพูดช้าๆ
“ฟังให้ดีนะจุนซู เพื่อนของนายที่ชื่อแจจุงถูกข่มขืน ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาทที่ชั้นฝึกงานอยู่”
..............
..............
 “จุนซู นายโอเคมั้ย?”ยูฮวานถามอย่างกังวลใจ นี่เขาพูดตรงประเด็นไปหรือเปล่า จุนซูถึงได้นิ่งไปแบบนั้น
“จะ...จุนซู...”
[อย่าวิ่ง ฟังพี่พูดก่อน เดี๋ยว จุนซู...]เสียงพี่ชายของตัวเองดังแทรกออกมา ทำเอายูฮวานนิ่วหน้าด้วยความสงสัยหรือว่าจุนซูจะอยู่ที่บ้านเขาเหรอ...แล้วทำไม?
ปัง!!! เสียงประตูรถกระแทกอย่างแรง จนยูฮวานสะดุ้งตามไปด้วย ก่อนเสียงใสของจุนซูจะดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบอยู่นาน
[ช่วยพาผมไปส่งที่โรงพยาบาลอิมพยองด้วยฮะ] จุนซูพูดกับใครอีกคน
“ยูฮวาน เดี๋ยวเจอกันที่โรงพยาบาลนะ”เสียงใสเอ่ยขึ้นมาอย่างเหนื่อยๆก่อนกดวางสายไป โดยไม่ทันได้ฟังคำถามของคนถือสายที่รอ

อะไรกันเนี่ย???



~ คฤหาสน์ตระกลูปาร์ค ~

คฤหาสน์หลังงามขนาดใหญ่ที่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับจำนวนคนพักอาศัย  มินวอนและนายองเดินทางไปทำธุระที่ต่างประเทศ ยูฮวานก็ไม่อยู่ตอนนี้คงเหลือแต่ยูชอนแค่คนเดียวสินะ  เสียงพูดคุยยังมีมาให้ได้ยินเป็นระยะๆจากที่ไหนสักแห่งของตัวบ้าน

ชั้นบนสุดห้องซ้ายมือ...ห้องของยูชอน

เฮ่อออออร่างเพรียวของหญิงสาวนอนแผ่ราบลงบนเตียงนุ่มของเพื่อนสนิทอย่างถือวิสาสะ คงเป็นเพราะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆล่ะมั้ง จึงทำให้สาวมั่นอย่างริต้าดูจะมีสิทธิพิเศษมากกว่าเพื่อนคนไหนๆของยูชอน
นี่ยัยเอ๋อ...ลุกออกไปจากที่นอนชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าของห้องนั่งลงปลายเตียงก่อนจะฉุดแขนผอมๆของหญิงสาวให้ลุกขึ้นมานั่งคุยกับเขา
โอ้ยยย...ขอชั้นนอนต่ออีกหน่อยเถอะนะ นั่งเครื่องมาเมื่อยหลังจะตายไปริต้าบิดตัวนอนลงอย่างเกียจคร้าน กลิ้งตัวไปมาอยู่บนเตียงนุ่ม
ไม่ต้องมางอแงเลยนะยัยเน่า ก่อนจะมานอนที่นอนชั้นไปอาบน้ำก่อนเลยไป...เหม็นยูชอนบีบจมูกทำหน้ายู่
คำก็ยัยเอ๋อสองคำก็ยัยเน่า...แกมันก็ไก่จมูกบานดีๆนี่เอง...ฮ่าฮาๆ
ว่าชั้นหรอ...เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำซะเลย...นี่แหน่ะๆ
ยูชอน...ไม่เอา...ชั้นจั๊กจี๋นะ คิคิเสียงหัวเราะหยอกล้อกันเล่นของหนุ่มสาวทั้งคู่ทำเอาคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานหนามือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก ลมหายใจเริ่มติดขัด คำถามมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด พี่ยูชอนอยู่กับใคร? ทำอะไรกันอยู่? จุนซูก้าวขาไม่ออก มือบางยกขึ้นจับลูกบิดช้าๆเรี่ยวแรงที่มือมันหายไปไหนหมดก็ไปรู้  เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างคนกำลังตัดสินใจ

จะเปิดเข้าไปดีมั้ยนะ?

~                   ~

อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาจุนซูตกใจมือบางปล่อยกล่องขนมตกลงพื้นจนเกิดเสียงดัง  คนขวัญอ่อนรีบวิ่งออกมาจากที่ตรงนั้นและก็เป็นเวลาเดียวกับที่ยูชอนเปิดประตูออกมาพอดี  เสียงทุ่มตะโกนเรียกชื่อคนรักแต่จุนซูไม่ได้หันกลับมา มือบางปิดหูไม่อยากได้ยินคำแก้ตัวอะไรจากพี่ยูชอนในตอนนี้และที่สำคัญเรื่องที่ยูฮวานโทรมาบอกเค้าเมื่อกี้มันแย่ยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง...แจจุงถูกข่มขืน!  เท้าเล็กวิ่งจนลืมอาการเหนื่อยหอบ ทางเข้าบ้านของยูชอนที่ยาวไกลไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับจุนซูเลยสักนิด โชคดีที่มีรถแท็กซี่ผ่านมา คนตัวเล็กไม่รอช้าที่จะโบกเรียกและมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่เพื่อนรักกำลังพักรักษาตัวอยู่ จุนซูรีกดวางสายไป ตอนนี้จิตใจจดจ่ออยู่ที่...คิม แจจุงแค่คนเดียว!
แจ...แจจุง...ชั้นกำลังจะไปหานายแล้วนะ...ฮึก
ทางด้านยูชอนที่วิ่งตามจุนซูออกมามองซ้ายมองขวาก็ไม่มีแม้แต่วี่แวว ร่างโปร่งพึ่งรู้วันนี้เองว่าถึงจุนซูจะตัวเล็กแต่ก็วิ่งเร็วมากจนเค้าตามไม่ทัน บ้าเอ้ยยย!!!”
ใจเย็นๆยูชอน...เกิดอะไรขึ้น!”หญิงสาวถามอย่างเหนื่อยหอบ
จุนซู...จุนซูกำลังเข้าใจชั้นผิด...ชั้นต้องไปอธิบายให้เค้าเข้าใจไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ชายหนุ่มมุ่งตรงไปที่รถคู่ใจก่อนจะรีบขับมันออกไป ทิ้งให้หญิงสาวมองตามด้วยความเป็นห่วง

-------------------------------------------------------------------

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จุนซูก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของนักเรียนแพทย์ฝึกหัดที่พึ่งโทรมารายงานข่าวกับเค้าเมื่อสี่สิบห้านาทีก่อน ใบหน้าเศร้าหมองของคนที่เคยประดับแต่รอยยิ้ม ทำเอายูฮวานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“จุนซู นายทะเลาะกับพี่ชายชั้นเหรอ เมื่อกี้ชั้นได้ยะ...”ยังไม่ทันพูดจบ จุนซูก็ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนถอนหายใจแรงๆ
“เอาไว้ก่อนได้มั้ย ชั้นขอไปดูเพื่อนก่อนนะ”ยูฮวานพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถึงจะติดใจอยู่บ้างแต่ท่าทางจุนซูคงลำบากใจที่จะเอ่ยถึงมัน
“ชั้นไม่ได้คาดคั้นอะไรนายหรอกนะ แต่นายเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของชั้น ฉะนั้นมีอะไรไม่สบายใจ ปรึกษาชั้นได้นะ...จุนซู”
ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องคนป่วย ยูฮวานมีท่าทีลังเลที่จะเข้าไปแต่จุนซูก็จูงมือเขาเข้าไปข้างในจนได้ แจจุงยังคงหลับใหลด้วยฤทธิ์ยา ใบหน้าสวยดูซีดเซียวแต่ไม่ได้ทำให้ความงามของคนตรงหน้าลดน้อยลงไปสักนิด จุนซูสำรวจตามเนื้อตัวที่มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด
“เห็นพยาบาล บอกว่า...พอเพื่อนนายฟื้นขึ้นมา เขาก็ทำร้ายร่างกายตัวเอง...อย่างที่เห็นนั่นแหละ”จุนซูกุมมือของแจจุงที่ยังมีรอยปาดที่ข้อมือขาวจนเหวอะ แม้จะไม่ถึงกับตัดเส้นเลือดใหญ่ แต่แผลที่เห็นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

นายเสียใจมากใช่มั้ย...แจจุง?
ทำไมเรื่องเลวร้ายถึงได้มาเกิดกับนายแบบนี้อีก...ฮึก

น้ำตาเม็ดโตค่อยๆไหลออกมาจากความรักและห่วงใยอย่างที่สุด ยูฮวานเอื้อมมือมาจับที่ไหล่สะท้านของจุนซูอย่างเห็นใจ คนตัวเล็กหันมาถามยูฮวานเสียงสั่น
“แจจุงเป็นอะไรมากมั้ยยูฮวาน?”ยูฮวานส่ายหัวแรงๆ
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ชั้นไปถามรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของไข้ของเพื่อนนายแล้ว เขาบอกที่น่าเป็นห่วงคือสภาพทางจิตใจ จุนซู เพื่อนนายเคย...เอ่อ เคย...เฮ้อ!...ช่างมันเถอะ”ยูฮวานตัดบทเมื่อไม่รู้จะถามยังไงดี แต่คนตัวเล็กกลับเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ
“เขาเคยมีอดีตไม่ค่อยดี  แบบนี้  มาก่อนสมัยที่ยังเด็กน่ะ”
“ชั้นเห็นใจเพื่อนนายจัง พี่หมอจุนกิบอกว่า เพื่อนนายอาละวาดทำร้ายร่างกายตัวเอง แล้วก็พยายามฆ่าตัวตายด้วยยังดีที่พี่ยุนเข้ามาห้ามทัน”จุนซูชะงักเล็กน้อยกับชื่อที่ได้ยิน...พี่ยุนเหรอ?
“หมายความว่ายังไง พี่ยุนโฮของนายมาเกี่ยวอะไรด้วย ชั้นไม่เข้าใจเลย”
“อืม...ก็เห็นพี่หมอจุนกิ เขาบอกว่าพี่ยุนโฮเป็นคนอุ้มเพื่อนนายมาส่งโรงพยาบาลตอนเช้ามืดอ่ะ แถมนั่งเฝ้าไม่ห่าง ไม่ยอมหลับยอมนอนเลย แล้วไอ้ที่ชั้นรู้เรื่องของเพื่อนนายก็เพราะได้ยินพวกพี่ๆพยาบาลเขาคุยกัน ว่าน่าอิจฉาแฟนคุณหมอยุนโฮ อย่างนั้นอย่างนี้  ชั้นเลยเข้าไปถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง เลยได้รู้ว่าแฟนพี่ยุนโฮถูกข่มขืน เห็นพี่ยุนโฮเกือบต่อยกับพี่หมอจุนกิเพราะต้องการให้รัดคิวมาดูอาการแฟนเขาก่อน เธอบอกว่าพึ่งเคยเห็นพี่ยุนโฮร้องไห้เป็นครั้งแรก จนเธอร้องไห้ตามไปด้วยเลย เห็นพูดกันว่าพี่ยุนโฮรักของเขามากๆ ตอนที่เธอเดินมาตรวจเวรกับพี่หมอจุนกิตอนบ่าย ยังเห็นนั่งกอดกันกลมเลยแหละจุนซูฟังพลางลูบเส้นผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าซีดเซียวออกอย่างเบามือ เปลือกตาสีมุกค่อยๆขยับก่อนเปิดขึ้นช้าๆ
“จะ...จุนซู”แจจุงเปล่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนรักของตนอย่างดีใจ  คนป่วยยิ้มหวานให้เด็กขี้แง
“ฮึกๆๆๆๆ แจจุง นายเป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ฮื่อออ...”ดูเหมือนจุนซูจะไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว
“ไม่เลย ชั้นไม่เป็นไรแล้ว ร้องไห้ทำไมกัน แล้วนั่นใคร นอกใจอาจารย์ปาร์คแล้วเหรอ เจ้าโลมาน้อย^^”คนป่วยยังมีแก่ใจ แซวเพื่อนเล่น เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นๆที่ยืนประกบข้างเพื่อนรักอย่างสนิทสนม
“สวัสดีฮะ ผมปาร์ค ยูฮวาน จะเรียกว่า ริคกี้ก็ได้นะฮะ”ยูฮวานพูดแนะนำตัวอย่างมีมารยาท  แจจุงยิ้มรับ เสียงหวานที่ยังแหบพร่าเอ่ย
“แจจุงฮะ เป็นเพื่อนกับไอ้อ้วนนี่ คิคิ”คำพูดทะเล้นของคนป่วย สร้างบรรยากาศเป็นกันเองได้ไม่น้อย  จุนซูยิ้มออกมาอย่างหงอยๆพาลนึกไปถึงเรื่องที่เห็นเมื่อเช้ายังคงติดตาและก็ค้างคาในหัวใจไม่น้อย คนตัวเล็กมีแววตาเหม่อลอยจมอยู่ในภวังค์ จนเสียงหวานของยูฮวานต้องตะโกนเรียกชื่อตัวเองข้างหู ร่างเล็กสะดุ้งโหยงก่อนหันไปโวยคนที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง
“จุนซู!!!
“ตกใจหมด นายเป็นหมอจริงหรือเปล่าน่ะยูฮวานที่นี่โรงพยาบาลนะ...ถึงว่าโดนหักคะแนนยับ”ฝ่ามือน้อยยกขึ้นแคะรูหูพัลวัน
“ชั้นกับแจจุงเรียกนายตั้งนานแล้ว เจ้าอวบ ฮ่าๆๆๆ”เสียงคนทั้งคู่หัวเราะประสานกันอย่างถูกใจ ทำเอาคนตัวอวบมุ่ยหน้าอย่างหงุดหงิด
“สนิทกันเร็วจริงนะ!!!
“แน่นอน ชั้นอัธยาศัยดีก็งี้ ใครอยู่ใกล้ก็รักก็เอ็นดู55+”ร่างเพรียวพูดชมตัวเองอย่างมั่นใจ
“รวมถึงรุ่นพี่ที่ตัวสูงๆ หน้าเหมือนเป็ดคนนั้นด้วยหรือเปล่า? อิย่ะฮ่าฮ่า -3-”ได้ผล ใบหน้าขาวนวลเนียนขึ้นสีระเรื่ออย่างเขินจัด รีบชวนคุยเปลี่ยนเรื่องทันที
“ว่าแต่จุนซูเถอะเป็นอะไร? เห็นยูฮวานบอกว่านายทะเลาะกับอาจารย์ปาร์คเหรอ เรื่องมันเป็นยังไง?”คนป่วยเอ่ยถามอย่างสงสัย พอได้ยินชื่อพี่ยูชอนขึ้นมา น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ในดวงตาคู่สวยจนคนถามเริ่มใจคอไม่ดี
“อย่าพูดถึงเขาเลย เอ่อ...ยูฮวานนายไม่ไปทำงานเหรอเดี๋ยวก็โดนหักคะแนนหรอก ได้ข่าวว่าแทบไม่เหลือให้หักแล้วนี่”ถึงจะอยากรู้เรื่องของจุนซูแต่ คำว่า “คะแนน“โดนหัก” “ไม่เหลือ” ได้ยินแล้วมันแสลงใจ  ยูฮวานมองค้อนจุนซูอย่างคาดโทษ ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวจะล้วงความลับให้หมดเลย ชริ...ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กับแจจุงเป็นเชิงขอตัว
“แจจุง แล้วชั้นจะมาเยี่ยมใหม่นะ ไปทำงานก่อน^^”เมื่อร่างเพรียวของยูฮวานก้าวพ้นห้องพักผู้ป่วยไปแล้ว แจจุงก็หันกลับมามองหน้าจุนซูอย่างคาดคั้น เสียงจริงจังผิดกับใบหน้าหวานพูดดุๆ
“มีอะไรจะบอกชั้นมั้ย คิม จุนซู?”
“อือ~ แล้วเรื่องของนาย มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”จุนซูไม่ยอมตอบแต่กลับย้อนถามแจจุงเสียเอง
คนป่วยนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้จุนซูฟังอย่างไม่ปิดบัง ร่างบางค่อยๆสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม แววตาสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเหม่อลอยไร้แวว เมื่อเริ่มเปิดปากเล่า ภาพสะท้อนจากการถูกกระทำอย่างไร้ความปราณีก็พุ่งเข้ามาในหัว เหมือนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาให้เห็นตรงหน้า ทั้งเสียงแห่งแรงปรารถนา ความพึงพอใจที่น่าชังดังก้องอยู่ในสมอง แจจุงหลับตาลงจนเปลือกตาหนาปิดสนิทไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเห็นว่าตัวเองโดนทารุณไปมากมายเพียงใด คงจริงอย่างที่มีคนเคยพูดว่า ความคิดเราเองนั่นแหละน่ากลัวที่สุด เพราะแค่แจจุงนึกถึงเรื่องนั้น เขาก็ไม่อาจบังคับร่างกายไม่ให้สั่นเทาด้วยความหวาดผวา เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำเจ็บปวดอย่างสับสน เริ่มแยกไม่ออกว่าอะไรคือความจริงเมื่อความรู้สึกเหมือนกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เลวร้าย...อีกครั้ง  แจจุงร้องไห้สะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจ ภาพเสื้อผ้าที่ถูกฉีกออกจากร่างก่อนจะถูกยัดเยียดสิ่งเลวทรามเข้ามาอย่างน่าขยะแขยง...ไร้ความปราณี
“มะ...นะ...ฮึกกก...อ๊ากกกกกก”สติรับรู้เริ่มเลือนหายภาพที่เข้ามาแทนที่ เกาะกินหัวใจดวงน้อยของแจจุงอย่างเจ็บปวด จุนซูตกใจแทบทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นอาการที่เปลี่ยนไปของเพื่อนรัก  พยายามคว้าร่างบอบบางซึ่งถอยหนีอะไรบางอย่างไปจนชิดพนักเตียง ส่งเสียงกรีดร้องอย่างไร้สติ เล็บมือคมจิกข่วนไปทั่วท่อนแขนเรียวสวยจนแผลเดิมเริ่มปริแตกมีเลือดไหลซึมออกมาอีกรอบ ปากอิ่มส่งเสียงร้องขับไล่อะไรสักอย่างร่ำไห้ดูน่าเวทนายิ่งนัก
“พอแล้วแจจุง ไม่ต้องเล่าแล้ว ชั้นไม่อยากรู้อีกแล้ว ฮึกกก...”จุนซูพร่ำเรียกชื่อเพื่อนรักที่ยังไม่มีทีท่าจะรับรู้ มือบอบช้ำดันร่างอวบของเพื่อนที่หวังดีออกห่าง ภาพคนเลวย่างสามขุมมาใกล้มันทาบทับซ้อนใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูของคิม จุนซูจนหมดสิ้น เสียงเรียกของเพื่อนเขากลับได้ยินเป็นเสียงครางอย่างสุขสมของคนใจร้าย แจจุงกรีดร้องรุนแรงก่อนภาพตรงหน้าจะพร่ามัว...กระทั่งสติดับวูบลงไปอีกครั้ง!