Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…19 ความในใจ
วิ่งเข้ามาหลบในห้องน้ำคนตัวเล็กขอพักหายใจสักครู่ หัวใจดวงน้อยของจุนซูมันเต้นแรงจนเหมือนกับว่าจะออกมาเต้นนอกอกเสียให้ได้ ด้วยความที่ไม่ทันได้สังเกตอะไรจุนซูเลยไม่เห็นร่างบางเพื่อนสนิทของตนที่กำลังวุ่นกับการส่องกระจกสำรวจอะไรบางอย่างตามร่างกายของตนเองอย่างเป็นกังวลอยู่ รอยแดงที่คอและแผงอกขาวของแจจุงมันเด่นชัดจนแทบจะทะลุเสื้อนักศึกษาสีขาวตัวบางออกมา
เมื่อหายเหนื่อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วขาเรียวเตรียมที่จะก้าวเดินพลันสายตาก็เหลือบขึ้นมามองคนในกระจก ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไปคงเพราะเห็นรอยแดงที่ลำคอเพียงเสี้ยววินาทีนั้น สองสายตาที่ประสานกันในกระจกแจจุงรีบกระชับคอเสื้อให้มิดชิดก่อนจะหลังกลับมาหาคนที่ยืนอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าจุนซูได้เห็นอะไรบ้างหรือป่าวแล้วมายืนอยู่ที่นี่นานแล้วหรอยัง
“จุน...นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”ใบหน้าหวานซีดเผือกลงทันที
“คอ...ที่คอนายแจจุง”ครั้งนั้นก็ทีนึงแล้วแต่ครั้งนี้มันเยอะและน่ากลัวยิ่งกว่า
จุนซูเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนก่อนจะลูบไปมาเบาๆยังต้นคอของตัวเองบ้าง คนที่ถูกไล่ต้อนให้จนมุมจำต้องเอ่ยสารภาพออกมาแต่ทว่าสายตาดำวาวก็เห็นอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อน...???
“เอ่อ...เดี๋ยวก่อนจุนซู...มีอะไรติดที่คอของนาย...ชั้นว่านายต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องอธิบาย”มือเรียวยกมือขึ้นชี้ไปที่ลำคอด้านซ้ายของเพื่อนคนสนิท
รอยแดงถึงจะไม่ขึ้นสีจัดแดงเป็นจ้ำดูน่ากลัวอย่างของแจจุง แต่เมื่อปรากฏหลาบนผิวขาวผ่องของจุนซูมันก็เด่นชัดอยู่ดี รอยแดงสีระเรื่อที่ประปรายไปทั่วซอกคอ ไล่มาถึงหน้าอก...แล้วมันเกิดขึ้นกับจุนซูได้ยังไงในเมื่อจุนซูยังไม่มีแฟน?
“อะไรของนาย...อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ชั้นไม่ตลกนะ!”เสียงหวานดุ
“ชั้นไม่ได้เปลี่ยนเรื่องนะ...ไม่เชื่อนายก็ลองส่องกระจกดูสิ”ดันร่างที่ยืนตัวแข็งทื่อไม่ขยับไปไหนให้เดินไปที่หน้ากระจกบานใหญ่แล้วสิ่งที่เห็นก็ให้คำตอบออกมาได้อย่างชัดเจนว่าแจจุงไม่ได้พูดปดแต่อย่างใด
“เอ่อ...คือ...เอ่อ...”
“ชั้นว่าไม่ใช่ชั้นคนเดียวแล้วมั้งที่จะต้องเป็นฝ่ายตอบ...นายก็ควรจะตอบคำถามของชั้นเหมือนกัน”ดวงตาสุกใสจ้องมองใบหน้าของคนที่เอาแต่หลบก้มจนคางติดชิดกับอก แจจุงกดดันจุนซูอย่างหนัก
“ไม่เอาแล้ว...ชั้นไม่ถามนายแล้วก็ได้...ไม่อยากรู้แล้วด้วย”เบ้ปากเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจเสียเต็มประดา ดวงหน้าที่แดงก่ำกำลังจะร้องไห้
“อย่ามาทำนิสัยแบบนี้นะ!”
“แจจุง...นายดุชั้นหรอ?”
“ชั้นไม่ได้ดุนายแต่ชั้นก็อยากจะรู้เรื่องของนายเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น...เราจะไม่ปิดบังกันไม่ใช่หรอ?”
“ก็จริงอยู่เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ควรที่จะมีอะไรปิดบังกัน...แต่แจจุงนายเองก็มีอะไรปิดบังชั้นอยู่...”
“เอ่อ...เรื่องนั้น...คือ”เหตุใดคนที่กำลังเป็นต่ออย่างแจจุงกลับกลายมาเป็นฝ่ายถูกต้อนของจุนซูเสียได้ล่ะ
“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันเพื่อความเสมอภาคเรามาแลกเปลี่ยนเรื่อง...”
“ก็ได้...แต่นายเล่าต้องก่อนนะจุนซู”แจจุงรีบโยนไปให้จุนซูเป็นฝ่ายเปิดเรื่องเผยความลับออกมาก่อน
“ชริ...ตลอดเลยอ่ะ -3- ”ถึงจะหงุดหงิดอยู่บ้างแต่สุดท้ายจุนซูก็ยอมเล่ามันออกมาจนหมด
เรื่องของเขากับพี่ยูชอน
~ ประกาศ ~
นักศึกษาแพทย์ปีสามที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้จะได้เป็นตัวแทนไปออกค่ายอาสาบำเพ็ญประโยชน์ที่เมือง......
ดวงตาสีดำเทาไล่เรียงอ่านตัวอักษรบนแผ่นกระดาษขาวช้าๆ ในใจภาวนาขออย่างให้มีชื่อของตัวเองปรากฏขึ้นเลย ใจจริงแล้วไม่ใช่ว่ายูฮวานไม่อยากไปการได้ออกไปหาประสบการ พบปะพูดคุยกับคนไข้นอกสถานที่นั้นออกจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าได้ไปแล้วต้องไปกับรุ่นพี่ของตัวเองล่ะก็เขาจะขอถอนตัวตั้งแต่วินาทีนี้เลย นิ้วชี้หยุดลงยังรายชื่อสุดท้ายที่เป็นชื่อของตัวเองก่อนจะเบ้ปากอย่างหงุดหงิด
“ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะ...ที่หงุดหงิดน่ะ”เสียงของชางมินดังขึ้นข้างหลังร่างเพรียว ยูฮวานหันกลับมาค้อนด้วยสายตาดุๆก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป รู้สึกเหนื่อยใจที่ต้องมาเจอกับคนแบบนี้ คนที่ทำให้เค้าปั่นป่วนไปหมดรวมทั้งหัวใจดวงน้อยๆนี้ด้วย ถ้าจะถามว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ความรู้สึกแปลกๆที่ว่า...ก็คงจะเป็นตอนจูบ??? สะบัดหัวไล่ความคิดและความรู้สึกที่คอยก่อกวนจิตใจของตนเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาให้ออกไปจนหมดสิ้น
“จะหนีไปไหนล่ะ”คว้าข้อมือเอาไว้ก่อนที่กวางน้อยจะเดินหนีไปจริงๆ ยูฮวานหันกลับมาอีกครั้งก่อนสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุม
“ไปให้ไกลๆนายไงล่ะ...ถามได้”ใบหน้าขาวหันหนีไม่อยากสบสายตากับคนที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่รู้สึกผิด
ถ้ารู้สึกผิด...ทำไมนายไม่ขอโทษล่ะ
“เดี๋ยวก่อนสิ...คือว่า...เรื่องที่นายต้องไปออกค่ายกับชั้น”
“ใครไปออกค่ายกับนายกัน ทางโรงพยาบาลเค้าจัดต่างหากล่ะ”
“ก็นั่นแหล่ะ...ชั้นนี่มันซวยชะมัดเลย”เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มต่อปากต่อคำ คุณหมอหนุ่มก็เริ่มพูดจากวนโทสะทันที
นายมันก็เป็นอีกแบบนี้...กวางน้อยถึงยังไม่หายโกรธนายสักที
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง?”เชิดใบหน้าขึ้นอย่างท้าทาย ลืมไปแล้วหรือไงว่าที่ทำแบบนี้น่ะถึงได้โดนจูบ...ยูฮวาน
“ก็ซวยที่ต้องไปค่ายอาสาน่ะสิ...นี่ขนาดชั้นมาทำงานทุกวันไม่ได้หยุดงานยังท่วมหัวขนาดนี้เลย...โอ้ยจะทำไงดีเนี่ย”ชางมินพูดอย่างร้อนรนแต่ไอ้เรื่องที่ว่าได้อยู่กับยูฮวานนี่สิ อันนี้น่าสนนะ - -+
“งานนายยุ่งมากเลยหรอ?”เมื่อคิดถึงการงานที่ชางมินต้องทำนั้น ยูฮวานก็รู้ดีว่ามันหนักหนามากแค่ไหน
“มีอะไรที่ชั้นพอจะช่วยนายบ้างได้มั้ย?”คนใจแข็งเริ่มใจอ่อนลงแล้ว
“นายจะช่วยชั้นจริงๆหรอ”ดวงตาคมเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“อะ...อืม”ทำไมมองชั้นแบบนั่นเล่า...ตาบ้า
“งั้นช่วยไปหยิบของในห้องชั้นให้ทีสิ”
“เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย...แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ”พอหันกลับมาถามถึงของที่ให้ไปหยิบ ชางมินก็หายไปซะแล้ว
“หายไปไหนเร็วจัง...แล้วจะรู้มั้ยเนี่ย”เดินดุ่มๆออกไป
“นี่เราโกรธหมอนั่นอยู่ไม่ใช่หรอไง”แต่กว่าจะคิดได้ก็คงจะช้าไปเสียแล้ว
มือบางเปิดประตูห้องพักของชายหนุ่มก่อนจะกวาดสายตามองหาสิ่งที่คิดว่าชางมินจำเป็นต้องใช้งาน อะไรบางอย่างทำให้เค้าต้องหยุดยืนมอง ตุ๊กตากวางขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ขนปุยสีน้ำตาลเข้มวางอยู่บนโต๊ะทำงานเรียกความสนใจจาก
ยูฮวานได้เป็นอย่างดี เดินเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว ที่คอของเจ้ากวางน้อยมีการ์ดแผ่นเล็กๆคล้องอยู่ เขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ ยูฮวานหยิบมันขึ้นมาคิดว่าถ้าเปิดอ่านจะเป็นการเสียมารยาทไปมั้ยนะ แต่ไม่ทันซะแล้วเมื่อความอยากรู้มันมีมากกว่า มือบางเปิดแผ่นกระดาษออกช้าๆจึงได้เห็นประโยคข้อความที่อยู่ข้างใน
...ถึงกวางน้อยผู้น่ารัก
ชั้นขอโทษกับเรื่องวันนั้น
ยกโทษให้ชั้นได้หรือเปล่า
เป็ดปากบาน ชิม ชางมินคนนี้สำนึกผิดแล้ว TT ...
เมื่ออ่านจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่คิดว่าชางมินจะทำอะไรได้หวานเลี่ยนแบบนี้
“คนอย่างนายก็น่ารักกับเขาด้วยหรอเนี่ย...ไม่น่าเชื่อ”พูดกับตุ๊กตาตัวน้อย ก่อนจะจุ๊บมันเบาๆที่ปาก
“ชั้นคงต้องยกโทษให้เจ้านายของนายสินะ...เจ้ากวางน้อย”อุ้มตุ๊กตาขนปุยขึ้นมากอด ยูฮวานเดินออกจากห้องพักคุณหมอหนุ่มด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาคิดว่าตอนนี้คงจะหยุดยิ้มไม่ได้แล้ว...ไม่รู้ทำไม แต่ตอนนี้คงต้องหาชางมินให้เจอซะก่อน ว่าจะไปขอบคุณสักหน่อยน่ะ >//<
คุณหมอหนุ่มที่แอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกล ชางมินแอบเดินตามยูฮวานมาที่ห้องอยากรู้ว่าเด็กแสนดื้อจะมีปฏิกิริยายังไง จะยังโกรธหรือว่าจะยกโทษให้กับเขา แต่เมื่อลองประเมินด้วยสายตาดูแล้วการคาดเดาของเขาแล้วคงเป็นไปในแง่บวกเสียมากกว่า ต้องไปขอบคุณคนที่ให้คำแนะนำ ออกหัวคิดดีๆนี้ กว่ามันจะยอมช่วยเล่นเอาผมหืดขึ้นคอไปเลย...ไอ้เพื่อนรักยุนโฮ!
“นายนี่บทจะหายก็หาตัวจับยากจังเลยนะ!”หลังจากที่เดินวนหาร่างสูงโปร่งอยู่หลายรอบยูฮวานก็เริ่มเอ่ยปากบ่น ขาเรียวยาวเริ่มเมื่อยซะแล้วในตอนนี้ จริงๆชางมินก็ไม่ได้อยู่ไกลจากยูฮวานเลยเพียงแค่ชายหนุ่มคอยเดินตามอยู่ข้างหลังต่อให้
ยูฮวานเดินหาเค้าทั้งวันจ้างให้ก็หาไม่เจอหรอก 55+
“คุณหมอชางมิน...ทำอะไรคะเนี่ย”เสียงพยาบาลสาวนางนึงพูดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของคุณหมอหนุ่มที่ทุกทีจะดูเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลาแต่ทำไมถึงมายืนหลบๆซ่อนๆก้มๆเงยๆอยู่แบบนี้ คนหูไวอย่างยูฮวานหันกลับไปแทบจะทันทีที่ได้ยินชื่อของคนที่เขากำลังตามหาอยู่...ชางมิน!
“เอ่อ...พอดีผมทำของหล่น...น่ะครับ”ยกมือขึ้นปาดเหงื่อทั้งๆที่อากาศก็ออกจะเย็นสบายหรือเพราะว่าเค้าพลาดท่าถูกใครบางคนจับได้กันนะ ใบหน้าหล่อแสร้งทำเป็นมองร่างเพรียวที่กำลังเดินตรงเข้ามา
“ชางมิน!”ยูฮวานตะโกนเรียกคนที่กำลังจะหันหลังเดินกลับ...อาย >//<
“เอ่อ...นายเรียกชั้นหรอ?”ยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ
“ก็เรียกนายน่ะสิ...ชิมชางมิน”เน้นเสียงจนคนฟังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง
“มีอะไรหรอ?”คุณหมอหนุ่มยังไม่เลิกทำเนียน - -+
“นี่นายแกล้งให้ชั้นเดินหาทั่วโรงพยาบาล...แต่ดูสินายกลับทำตัวเหมือนคนโรคจิตแอบเดินตามชั้นเนี่ย”
“เปล่านะๆ...ชั้นไม่ได้เดินตามนายสักหน่อย”ปฏิเสธเสียงแข็ง เอาอะไรมาพูด มีหลักฐานเรอะ!...โธ่
“ก็เห็นๆกันอยู่...ยังจะมาเถียง”ยูฮวานขอสู้ตาย
“ชั้นก็เดินไปเรื่อยเปื่อยรอนายไปหยิบของมาให้นี่แหล่ะ...หาเจอมั้ย^^”เมื่อพูดถึงเรื่องของที่ให้ไปหยิบ ยูฮวานก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
“อืม...นายให้ชั้นหรอ?”เอ่ยถามออกไปทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ
“ก็ถ้านายยอมรับว่าตัวเองเป็นกวางน้อยของชั้น...ก็คงงั้นมั้ง”ยืดอกวางมาดอย่างน่าหมั่นไส้
“ใครเป็นกวางน้อยของนายกัน...เจ้าเป็ด”
“ไม่รู้สิ...คนตรงหน้าชั้นมั้ง ยืนกอดตุ๊กตาซะแน่นเลย...ชอบมั้ย?”
“อืม”ยูฮวานรู้สึกอายมากๆที่ชางมินที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนโหมดมาหวานกันแบบนี้...ตั้งตัวไม่ทัน
“ชั้นยืนเลือกตั้งนานแหน่ะ”
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรครับ^^”
“บ้า >//<”
“วันนี้ให้ชั้นไปส่งนายที่หอนะ”ไหนๆก็ไหนๆแล้วถ้าจะเนียนอีกสักเล็กน้อยคงจะไม่เป็นไร...ใช่มั้ย
“ไม่ต้องเลย ว่างมากหรอไง...ไหนบอกว่ายุ่งไง”
“ก็ยุ่ง...แต่ถ้าเป็นเรื่องของนาย ชั้นก็พร้อมเสมอที่จะทำตัวให้ว่าง...ไปเถอะ”มือหนาโอบไหล่เล็กอย่างถือวิสาสะ ยูฮวานหันมาค้อนอย่างรู้ทัน คุณหมอหนุ่มจึงต้องลดมือลงมาอยู่ข้างลำตัวตามเดิม
“มองแบบนี้หมายความว่าไง...แค่จะปัดแมลงให้เฉยๆ” -*-
“ไม่ต้องมาพูดเลยนะ...ชั้นหิวแล้วด้วย...นายต้องเลี้ยงข้าว”เรียวปากชมพูส้มพูดอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“ได้คร้าบบบ...คุณหนูยูฮวาน”
“คิคิ”
“จริงหรอจุนซู!...นี่นายไม่ได้ล้อชั้นเล่นใช่มั้ยเนี่ย?”แจจุงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็นะเพื่อนของเขาคนนี้ไม่เคยโกหก ศรีษะเล็กพยักขึ้นลง ใบหน้าแดงๆกับอาการขวยเขินของจุนซูยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่
“แล้วก้นนายล่ะ...ก้นน้อยๆของนายยังเจ็บอยู่มั้ย..คิคิ..อะ...โอ้ย”ร้องเสียงหลงเมื่อจุนซูตั้งใจหยิกแขนขาวของคนที่ยังไม่เลิกแซวเขาจนขึ้นเป็นรอยแดง
“นายมันทะลึ่ง...เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะแจจุง ไม่ต้องมีทำเป็นถามโน่นถามนี่เลยนะ เรื่องของนาย...ชั้นยังไม่ลืม”
เมื่อถึงคราวของตนเองแจจุงก็เงียบไปสักพักใหญ่ เค้าไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน จะต้องพูดออกไปยังไงไม่ให้จุนซูได้เห็นความอ่อนแอในตัวเขา...ลำบากใจที่จะพูด จุนซูเองก็พอจะเข้าใจในปัญหาที่ว่า มือบางโอบประคองร่างของแจจุงให้เข้ามาแนบชิดกับตนราวกับเป็นการปลอบประโลม ใจจริงในตอนนี้จุนซูไม่ได้อยากรู้อะไรจากแจจุงอีกแล้วมันเหมือนกับว่าความเจ็บปวดของเพื่อนคนนี้ได้ถูกถ่ายทอดมาถึงเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยก็ตามแต่ถ้าแจจุงไม่บอก แจจุงก็ยิ่งอึดอัดแล้วเขาจะไปช่วยอะไรได้ ปากบางค่อยๆเอ่ยเล่าเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดทีละนิดๆด้วยเสียงที่เบาและสั่นคลอน
“คนๆนั้นใช่มั้ย...มันใช่มั้ย?”ยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากปากของแจจุง การกระทำที่ต่ำช้าและร้ายกาจ คำถามที่อยากจะถามคนเลวในตอนนี้
ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า?
จุนซูทั้งโกรธและโมโห ถ้าไม่ติดว่าแจจุงขอร้องเขาเอาไว้ จุนซูคงได้แจ้งตำรวจจับมันไปแล้ว...ไอ้เลว!
“ฮึก...ทำไมนายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก...ชั้นไม่เข้าใจ...ชั้น...”จุนซูร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ อดสงสารเพื่อนรักคนนี้ไม่ได้
“อย่าพูดแบบนั้นอีกเลยจุนซู...มันทำให้ชั้นยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองเข้าไปใหญ่...แค่นี้ชั้นก็สมเพชตัวเองจะแย่แล้ว...ฮือๆๆ แค่นายไม่รังเกียจชั้น ฮึกกก…ก็พอ ”ตอนนี้แจจุงรู้สึกแย่มากๆ ถึงจะรู้ว่าจุนซูไม่มีวันทอดทิ้งเขา แต่ในใจก็คิดกังวลจนตีกันวุ่นวายไปหมด สับสนเหลือเกิน ยิ่งคิดไปถึงใครอีกคน ที่เป็นต้นเหตุให้เขาเป็นอย่างนี้ ...ยุนโฮ!
“ไม่เอาน่า อย่าพูดแบบนี้อีกเชียว ไม่งั้นชั้นงอนจริงๆด้วย ชั้นจะรังเกียจนายได้ยังไง นายคือเพื่อนรักของชั้นนะแจจุง” มือบางตบเบาๆที่หลังของคนช่างคิดมาก ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ คนที่มาส่งนายวันนั้นหรือเปล่า ?”แจจุงเงยหน้าที่เต็มใบด้วยน้ำตาขึ้นมองจุนซู ถามแบบนี้จุนซูต้องเห็นอะไรมาแน่ๆ
“เอ่อ...นายหมายถึงอะไร”
“คนที่มาส่งนาย...ชั้นเห็นไอ้เลวนั่น...มันใช่มั้ย?”
“นายเห็น?” แจจุงพูดเสียงสั่นอย่างหวั่นใจไม่น้อย เพราะถ้าอย่างนั้นจุนซูก็รู้มาโดยตลอด นี่เขากำลังทำลายความไว้ใจของเพื่อนรักอยู่หรือเปล่า แล้วมันจะทำให้จุนซูโกรธมั้ย? ถ้าจุนซูโกรธจนไม่อยากคบกับเขาต่อไปล่ะ? เขาจะทำยังไง? ความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจของแจจุงทำให้เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“...............”
“ชั้นขอโทษ...ขอโทษจุนซู...ฮือๆๆๆ”แจจุงกระชับกอดแน่นขึ้นไปอีก กลัวว่าจุนซูจะโกรธและเกลียดเค้า...กลัวว่าจะไม่เหลือใคร
“นายทำให้ชั้นโกรธนาย...โกรธนายมาก ….แจจุง”
“ฮือๆๆๆๆๆ”
“นายปิดบังชั้น ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่ชั้นพึ่งเข้าใจมันเมื่อกี้นี้เอง เรื่องแบบนี้มันยากที่จะพูดออกไป...ยากเหลือเกิน”
ใช่...จุนซูพึ่งจะเข้าใจ ขนาดเรื่องระหว่างเค้ากับพี่ยูชอน จุนซูยังรู้สึกลำบากใจที่จะพูดออกไปเลย แจจุงคงจะลำบากใจมากกว่าเขาหลายเท่าตัว
“อย่าร้องออกมาอีกเลยแจจุง ชั้นไม่ได้โกรธหรือเกลียดนายสักนิด ถ้าชั้นพอจะช่วยอะไรนายได้บ้าง...ชั้นก็ยินดี”
“ช่วยไม่ได้หรอกจุนซู...ฮึก...ไม่มีใครช่วยชั้นได้”แจจุงสั่นหัวไปมาพยายามขับไล่ความคิดที่น่ารังเกียจของตนเองออกไปให้หมด แต่คงเป็นไปได้ยาก เพราะสิ่งที่แจจุงต้องการจะลบล้างออกไปนั้นมันได้ถูกฝังไว้...อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด
ก้นบึ้งของหัวใจ...หัวใจของแจจุง
“ทำไมล่ะ...ทำไมแจจุง ถ้าแจจุงอยากจะหนีไปให้ไกลจากคนเลวคนนั้น จุนซูก็จะขัดขวางอย่างเต็มที่”ดวงหน้าเศร้าสร้อยของแจจุงสะท้อนอยู่ในดวงตาที่มุ่งมั่นของจุนซู แจจุงมองเห็นมันอย่างชัดเจน เขารู้สึกอุ่นใจจริงๆที่มีจุนซูคอยเคียงข้างถึงแม้ว่าจุนซูจะช่วยแก้ปัญหาของเขาไม่ได้ เพราะตัวเขาเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไม ไอ้ก้อนเนื้อเล็กๆที่เต้นอยู่ในอกของเขาถึงได้สั่นไหวกับคนๆนั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเขาเลยสักนิดเดียว สิ่งที่คนนั้นทำมันไม่ควรค่าจะให้อภัยด้วยซ้ำ ทำร้ายกันไม่มีหยุด ทั้งหลอกลวงและเห็นแก่ตัว แล้วทำไม ตัวเขาถึงได้สะดุดใจกับคำพูดพล่อยๆของใครคนนั้น....
ยุนโฮ นายบอกรักชั้นทำไม…คนเลว!
“จุนซู...นายรู้อะไรมั้ย? มีคำถามนึงที่ชั้นยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้”
“คำถามในใจของนายหรอ?”
“อืม...ทั้งที่ใจบอกเกลียดแต่ชั้นก็ยังอยากเจอ บางทีถ้าชั้นกับเขาไม่ได้เจอกันอีก... ชั้นอาจจะต้องทรมานไปจนตาย เหมือนตกนรกทั้งเป็น...ฮึก...แปลกใช่มั้ยที่หัวใจของชั้นมันร่ำร้องหาเขา...คิดถึงแต่เขา...จุนซู...มันเหมือนกับว่าชั้นรักเค้าไปแล้ว...ชั้นรักยุนโฮ...ฮือๆ”
“นายรักคนเลวนั่นได้ยังไงแจจุง...มันจะเป็นไปได้ยัง?”จุนซูไม่อยากจะเชื่อ แต่เค้าไม่ได้หูฝาดแจจุงบอกว่ารักงั้นหรอ?...ให้ตายเถอะ!
“ฮึก...ฮือๆๆ ชั้น...ก็ไม่รู้...ไม่รู้จริงๆ”
“นายแน่ใจเหรอว่ารักมัน?” จุนซูถามย้ำอย่างเป็นห่วง ไม่อยากได้ยินคำตอบว่าใช่เลยจริงๆ ใบหน้าที่ก้มงุดร้องไห้ไม่หยุดพยักหน้าหลายทีเป็นการยืนยัน นั่นไม่ทำให้จุนซูสบายใจขึ้นมาเลยสักนิด
“นายรักไอ้เลวนั่นหรอ...ทั้งๆที่มันทำกับนายแบบนั้น...โธ่แจจุง...ชั้นจะช่วยนายยังไงดี...”
ไม่มีคำตอบหรอกจุนซู นายอย่าคิดหามันอีกเลย..ทางออกที่ว่า...แทบไม่มี
เหมือนเขาวงกต แม้ว่าจะวิ่งไปจนสุดทางแต่สุดท้ายก็วกกับมาอยู่ตรงที่เดิม
ทางที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือ ทางออก แต่วิธีเดินออกไปยังไงนั่น ชั้นไม่รู้จริงๆ
หัวใจชั้นมันรักเขาไปอย่าง…ไม่มีเหตุผล
ชั้น..ห้ามใจ..ตัวเองไม่ทันจริงๆ จุนซู
อ้อมกอดนี้จะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของนายได้มั้ยนะ ชั้นสงสารนายจริงๆ ต้องมาแบกรับเรื่องราวอะไรตั้งมากมาย อยากรู้จริงๆว่านายทนทรมานกับความรู้สึกของตัวเองแบบนี้ได้อย่างไรกัน…แจจุง เป็นชั้นชั้นคงตายไปแล้ว...
เพราะรักคำเดียวสินะ
มันไม่ผิดหรอกที่นายจะรักคนเลวคนนั้น เพราะหัวใจคนเรามันไม่ได้เต้นไปตามการสั่งการของสมอง มันถึงได้ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล หัวใจมันเต้นไปตามความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น ชั้นเข้าใจความรู้สึกนายนะ...แจจุง
แต่ชั้นไม่รู้จะช่วยนายยังไง