2554/12/10

Part...48 คำสารภาพ


Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic       
NC :  ?
Part…48 คำสารภาพ

หลังจากที่แยกตัวออกมาก่อนจุนซูแล้ว แจจุงก็ลงบันไดมาด้วยความเบิกบานใจ รอยยิ้มใสฉีกกว้างเพราะคนที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่รักสุดหัวใจ...ชอง ยุนโฮ
ทำข้อสอบได้หรือเปล่าครับ?ยุนโฮเอ่ยถามแต่ก็ยังไม่วายหยอกล้อกับพวงแก้มนุ่มนิ่มของเขา
อื้อ~~~”แจจุงเริ่มเขินอาย ก็ที่ตรงนี้มีแค่เราสองคนซะที่ไหนกันเล่า...พี่ยุนบ้า
ไม่เอานะฮะ...คนมองใหญ่แล้ว แจจุงว่าเราขึ้นรถกันเถอะฮะยุนโฮรอบยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคนตัวบางออกอาการเขินอายไม่ปกปิด
อ่าว...แล้วไม่รอจุนซูหรอ?น่าแปลกที่ไม่มีร่างอวบคนสนิทติดตามมาด้วย
จุนซูยังทำข้อสอบไม่เสร็จเลย แต่วันนี้เห็นบอกว่ามีนัดกับพี่ยูชอนน่ะฮะ
อ่า...งั้นเราก็กลับกันเถอะครับ
ตลอดระยะทางที่นั่งมาแจจุงรู้สึกได้ว่าพี่ยุนของเขาไม่เหมือนเดิม แจจุงชวนคุยเหมือนอย่างทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน หากแต่พี่ยุนโฮของเขานี่สิ ที่เอาแต่ถามคำตอบคำ สีหน้าเหมือนคนกำลังกลุ้มใจหรือว่าพี่ยุนของเขาจะไม่สบายกันนะ? คิดได้ดังนั้นร่างบางก็ได้แต่สงบปากสงบคำมากขึ้น กลัวจะเป็นการรบกวนพี่ยุนซะมากกว่า

 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รูปหน้าเรียวเล็กดูมีความกังวลแฝงอยู่ภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวาน คิ้วที่เจ้าตัวขมวดเป็นเส้นตรงมันฟ้องเรื่องราวในสมองชายหนุ่มเป็นอย่างดี รอยยิ้มหวานละมุนส่งมาทุกครั้งยามเผลอสบตา หากเพียงแววตากับความหม่นหมองจนอีกฝ่ายอดเป็นห่วงไม่ได้ พี่ยุนโฮของเขาเป็นอะไรไป เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในวินาทีสุดท้ายก็ไม่พูด ถึงแม้แจจุงจะไม่ล่วงรู้หรือไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่กลัวใจพี่ยุนโฮ แต่เขาคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องยากสำหรับคนเก่งของเขาแน่ๆ เสียงถอนหายใจอย่างไม่รู้ตัวของอีกฝ่าย ทำให้แจจุงหนักใจแทนเหลือเกิน ก็แค่อยากรู้ อยากช่วยแบ่งเบาในทุกๆเรื่องของพี่ยุนโฮ...ก็เท่านั้น
ร่างบางผุดลุกขึ้นมานั่งด้วยความเบื่อหน่าย เจ้าตัวทั้งนอนทั้งนั่งแถมยังเดินวนไปรอบห้องกว้าง อย่างคนไม่รู้จะทำยังไง เขาเริ่มทนกับสภาวะกดดันแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ สงสัยคงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคงอึดอัดไม่น้อย คิดได้อย่างนั้นรอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้น คนเจ้าความคิดเดินย่องไปที่โซฟาสีแดงตัวกว้างอันเป็นที่พักพิงของร่างหนาซึ่งวางมือจากโน้ตบุ๊คตรงหน้านั่งเอนหัวพิงกับขอบนุ่มของมันอยู่ในท่าทีที่แสนสบาย คนแสนซนนั่งยองๆมองดูใบหน้ายามหลับใหลของคนรัก ดูเอาเถอะขนาดว่าปิดเปลือกตาสนิทแล้วหัวคิ้วทั้งสองข้างยังอุตส่าห์ชนกันเป็นเส้นตรงได้อีก จะเครียดเรื่องอะไรหนักหนา มองด้วยความเพลินอยู่พักใหญ่ก่อนถือวิสาสะนั่งทับบนตักกว้างพร้อมสอดมือรอบลำตัวหนาซุกใบหน้าแนบชิดกับอกอุ่น จังหวะการเต้นของหัวใจกำลังฟ้องว่า ชอง ยุนโฮ แกล้งหลับ

~ ตึก ตึก ตึก ~

เสียงตุบตับๆๆ รัวเร็วจนใบหน้าสวยไม่แพ้อิสตรีกระตุกตาม มือเล็กตีเบาๆที่ต้นแขนแกร่ง เสียงหวานกระเง้ากระงอด
“นี่แหน่ะ เบื่อแจจุงแล้วใช่มั้ยฮะ ถึงทำเป็นหลับ”ก็คนหลับที่ไหนหัวใจจะเต้นแรงได้ขนาดนี้...ไม่เชื่อหรอก  นิ่งเป็นหุ่นดั่งเดิม ไม่มีปฏิกริยาตอบรับจากอีกฝ่าย แจจุงเบะปากด้วยอารมณ์หงุดหงิดผสมน้อยใจที่วันนี้หลังจากที่กลับมาจากการสอบที่แสนจะเคร่งเครียด เขาก็มาขลุกอยู่ที่ห้องกับยุนโฮทั้งวัน แต่ดูเหมือนยุนโฮจะดูไม่อยากให้เขาอยู่ด้วยสักเท่าไหร่ สงสัยว่าแจจุงคงจะกวนใจอีกฝ่ายมากเกินไป พี่ยุนโฮอาจต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างและคงไม่กล้าเอ่ยปากไล่เขา แถมยังอุตส่าห์ลงทุนแกล้งหลับ เจตนาจะไล่กันขนาดนี้แจจุงไม่อยู่แล้วก็ได้ คนขี้งอนคิดเอาเองอยู่ฝ่ายเดียวพลางขยับตัวเตรียมลุกขึ้น ทันใดนั้นร่างหนาที่นอนนิ่งเป็นหุ่นกระชับกอดเอวค่อดบางแน่นรั้งร่างบอบบางให้นั่งอยู่กับที่ เสียงทุ้มเบสเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“รู้ได้ยังไงครับว่าพี่ยุนแกล้งหลับ แล้วจะหนีไปไหนกัน...หืม~ อย่าบอกนะว่าตอนนี้กำลังงอนพี่ยุนอยู่?”
“เปล่าสักหน่อย ใครว่าแจจุงงอน”ปากเถียงแต่แก้มที่พองลมขึ้นแบบนั้น มองมุมไหนก็รู้ว่าอยู่ในอาการงอนสุดๆ
ปลายจมูกโด่งฝังไปที่แก้มป่องนั่นแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว คนขี้งอนหันมาแว๊ดกลับเร็วๆทำให้ปากทั้งคู่แตะกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ยุนโฮสอดมือเกี่ยวต้นคอระหงที่ขยับหนีแทบจะทันทีที่รู้ตัวว่าตกอยู่ในท่าที่ล่อแหลม แต่ก็ดันช้ากว่าจนได้  ริมฝีปากอิ่มทาบแผ่วเบา ไล้ลิ้นหยุ่นชื้นตามรอยยาวของกลีบปากนิ่ม เพียงไม่นานก็แทรกลิ้นเข้าไปภายในตวัดเกี่ยวลิ้นร้อนอย่างอ่อนละมุ่น เวลาเดินผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ แต่คนทั้งคู่ยังคงแลกเปลี่ยนน้ำหวานบริสุทธิ์กันอย่างไม่รู้เบื่อ กว่าคนคุมเกมรักจะยอมถอนปากอิ่มออกมาแจจุงก็แทบจะขาดใจ รอยน้ำลายใสที่มุมปากทำให้ยุนโฮโน้มตัวไปจูบซับมันอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง ด้วยความตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็เข้ามาอีก ทั้งๆที่พึ่งผละออกจากกัน มือบางจึงดันหน้าอกแข็งแรงออก กลัวตัวเองจะขาดใจตายเพราะรสจูบไปเสียก่อน
“แฮ่กๆ...พี่ยุนบ้า...ละเมออยู่หรือไง”คนในวงแขนบ่นปนเสียงหอบ ยุนโฮยิ้มอารมณ์ดี แกล้งเกยคางทับไว้บนไหล่บอบบาง “ละเมออะไรครับ พี่ยุนไม่ได้หลับสักหน่อย”ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
“ปล่อยนะ! เบื่อแจจุงแล้วมากอด มาจูบแจจุงทำไม”ร่างบางดิ้นขลุกขลักในวงแขน แต่ด้วยสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยยิ่งเขาขยับก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“พี่บอกหรือยัง ว่า“เบื่อ”แจจุงคิดไปเองทั้งนั้น”
“ก็พี่ยุนทำเหมือนแจจุงกวนใจ ถ้าพี่ยุนรำคาญที่แจจุงมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของพี่ ก็บอกมาตรงๆดีกว่า อย่าทำแบบนี้กับแจจุงเลย”น้ำเสียงแบบนี้ ฟังดูก็รู้ว่าแจจุงกำลังน้อยใจ
“ไปกันใหญ่แล้ว พี่ไม่เคยบอกหรือยังไงว่าแจจุงคือทุกสิ่งในชีวิตพี่ แล้วพี่จะเบื่อส่วนหนึ่งของชีวิตตัวเองได้ยังไงครับ...คนดี”แจจุงเอนตัวทิ้งน้ำหนักทั้งหมดกับแผงอกกำยำ น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยถาม
“แล้วพี่ยุนของแจจุงเป็นอะไรไปฮะ วันนี้พี่ยุนแทบไม่พูดกับแจจุงเลย มีเรื่องกลุ้มใจอะไรอยู่?”
………
……....”คำถามเรียบง่ายแฝงความห่วงใยอยู่ในที ชอง ยุนโฮมีสีหน้าหวั่นวิตกก่อนรีบเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉยดั่งเดิม ในความเงียบของยุนโฮเพียงเพื่อทบทวนเรื่องราวของตัวเองและคำพูดของคนช่างถาม แต่สำหรับแจจุงความเงียบของอีกฝ่ายกับทำให้ตัวเองหงอยเหงาแล้วรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ยุนโฮหันมามองสบลูกแก้วใสสีนิลที่เริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา ฝ่ามืออุ่นตะคองพวงแก้มใส ส่งต่อความรักผ่านทางสายตาคมแสนเหนื่อยล้าอย่างตัดสินใจ
“พะ...พี่ยุนโฮ”กริยาแปลกไปของคนรักทำให้เผลอเรียกชื่อขึ้นมาแผ่วเบา
“แจจุงพี่อาจไม่ดีพอสำหรับแจจุง ถ้าหากว่าสักวันหนี่ง แจจุงเจอใคร...”ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค สีหน้าคนฟังก็เปลี่ยนสี นัยน์ตาคู่งามสะท้อนแววของความเศร้าสร้อย ผิดหวังกับสิ่งที่ได้ยินจากปากคนรัก ร่างบางสะบัดหลุดจากพันธนาการ ในหัวมีแต่คำถามที่เต็มไปด้วยความสับสน
“แจจุง...ฟังพี่ก่อน!”ยุนโฮมองคนรักที่ใบหน้าถอดสี ด้วยหัวใจเจ็บปวด
“ไม่ต้องพูดแล้วฮะ พี่ยุนรู้ตัวมั้ยว่ากำลังดูถูกแจจุงอยู่ ทำไมฮะ...พี่ยุนเบื่อแจจุงแล้วเหรอ พี่กำลังจะบอกเลิกกับแจจุงอยู่หรือเปล่า?”เสียงแจจุงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด มือทั้งสองข้างเลื่อนมาปิดที่กกหู ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากรับฟังคำพูดใจร้ายของคนที่ตัวเองรักมากที่สุดอีกแล้ว
………”คำพูดตัดพ้อของแจจุง กำลังทำให้ยุนโฮใบ้กินไปชั่วขณะ เริ่มลนลานทำตัวไม่ถูก นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดสักหน่อย ไม่ใช่เลย แจจุงเข้าใจผิด แต่เขาก็ไม่รู้จะอธิบายให้แจจุงเข้าใจยังไงดี  อีกสิ่งที่ยุนโฮไม่รู้ก็คือความเงียบของเขาไม่ต่างกับการยอมรับกลายๆในความคิดของแจจุง เขารู้สึกราวกับถูกทอดทิ้ง ที่ไม่พูดเป็นเพราะลำบากใจใช่มั้ยฮะ? พี่ยุน..แจจุงเข้าใจถูกแล้วใช่หรือเปล่า?
“แค่...พี่ยุนบอกมาคำเดียวว่า ไม่รัก แจจุงจะไม่มาให้พี่ยุนต้องรำคาญใจอีกเลย!”ร่างบางหันหลังหนีทันที ความจริงเขาไม่ได้เข้มแข้งพอจะฟังคำนั้นได้ ทางเดียวในตอนนี้คือออกไปให้พ้นจากคนใจร้ายที่ตัวเองรักให้เร็วที่สุด มือบางแตะที่ประตูเตรียมปลดล็อคแต่กลับถูกอีกฝ่ายสวมกอดจากด้านหลัง จนเขาทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งในอ้อมกอดอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด หัวใจแจจุงตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน พี่ยุนต้องการอะไรจากเขากันแน่หรือว่านี่เป็นการลองใจของพี่ยุน...แจจุงงงไปหมดแล้ว
“ฮึกๆๆ บอก...จะ...แจจุงที...ว่ามันเกิดอะไรกับพี่ยุน  ฮื่อๆๆ...พี่ยุนเป็นอะไรไป?”
“น้ำตาของแจจุงมีค่าเกินกว่าจะมาร้องไห้ให้คนเลวๆแบบพี่ หยุดร้องไห้เถอะ...คนดีเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ สร้างความหนักใจแก่ยุนโฮไม่เบา เขาจะพูดดีมั้ย ในใจยังคงครุ่นคิด แต่ถ้าวันนี้ไม่พูดสักวันเขาก็ต้องพูดมันออกไปอยู่ดี เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความลำบากใจ
“คนที่ข่มขืนแจจุงในวันนั้นคือ...พี่เอง!!!”หน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอาบฉ่ำทั้งสองแก้มปรางค์ซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด หัวใจเต้นช้าลงจนแทบหยุดเต้น นี่มันเรื่องอะไรกัน!!! พี่ยุนกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?
ยุนโฮดันร่างที่สะอื้นจนตัวสั่นเทามาเผชิญหน้า กรอบหน้าสวยที่มีแต่คราบน้ำตาพร้อมตาบวมช้ำทำเอาใจคนมองกระตุกวาบ แต่ถึงยังไงก็ต้องพูดให้มันจบในวันนี้ เพราะถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ยุนโฮก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองยังจะกล้าพูดมันอีกมั้ย!
“ฟังพี่ยุนให้ดีนะแจจุง วันที่แจจุงไปส่งโบอาแล้วมีคนฉุดขึ้นรถไป วันนั้น...พี่เป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด รวมถึงลงมือข่มขืนเองด้วย พี่อยากให้แจจุงรู้สึกผิดต่อพี่จนขาดพี่ไม่ได้ พี่เห็นแก่ตัวที่ทำร้ายแจจุง เข้าใจหรือยังว่าพี่เลวแค่ไหน เรื่องที่พี่ไม่เคยบอกพี่ก็บอกออกมาจนหมดแล้ว เหลือการตัดสินใจของแจจุง ตอบพี่ยุนมาสิ...ยังคิดว่าตัวเองจะ รัก คนเลวๆแบบพี่ได้อีกมั้ย?”แรงสั่นเทิ้มจากการสะอื้นหยุดชะงัก ในหัวสมองว่างเปล่า คำพูดประโยคเมื่อครู่หมายความว่าอะไร?
โดยไม่รู้ตัวเท้าทั้งสองข้างของแจจุงกระเถิบหนีออกห่างระยะประชิดของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำใสกลิ้งกลอกภายในลูกแก้วสีนิล ก่อนที่จะรินรดหล่นลงมาอาบพวงแก้มหยดแล้วหยดเล่า เสียใจแค่ไหนที่ได้ยิน พี่ยุนรู้มั้ย? เรียวขาถอยห่างออกมาตั้งหลักโดยอัตโนมัติ ก่อนหมุนตัวเปิดประตูออกไปจากห้อง ยอมรับว่าใจหาย ตกใจและก็กำลังทำอะไรไม่ถูก เท่าที่รู้ตอนนี้เหมือนขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงจะยืนอีกต่อไป หัวสมองขาวโพลนมึนงงไปหมดทุกอย่าง
“แจจุง คือว่าพี่...”คำพูดหยุดเพียงแค่นั้น เมื่อมือที่เอื้อมไปหมายปลอบโยนถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบายอะไร แจจุงไม่อยากได้ยิน พี่ยุนทำแบบนี้ทำไม พี่ยุนรู้มั้ยว่าแจจุงเกือบฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าตัวเองสกปรก นี่เป็นเรื่องน่ายินดีหรือเปล่าที่แจจุงยังเป็นของพี่...แค่คนเดียว”

ตอนนี้แจจุงอ่อนแอไปหมดทั้งตัวและหัวใจ!

…...…”ด้วยสำนึกและความละอายใจ ทำให้ยุนโฮไม่อาจพูดโต้ตอบสิ่งใดออกมาได้ แจจุงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนกลั้นใจพูดต่อ
“แล้วถ้าพี่ยุนปิดแจจุงมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว พี่ยุนจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกทำไม!?”

เพราะ..ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ  
เงาที่สะท้อนแววตาปวดร้าวของแจจุงจึงเผยความนัยทุกอย่างจนหมดสิ้น...โดยไม่ต้องอาศัยคำพูด
คนอ่อนแอพยายามบังคับร่างกายอ่อนล้า แข็งใจก้าวเท้าออกมาให้ห่างออกไป...ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองดังไล่มาทางด้านหลัง ไม่รู้ทำไมถึงได้ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ ใจไม่ได้คิดที่จะหนี แต่ร่างกายกับสั่งให้ขาทำหน้าที่ของมันต่อไปไม่หยุด ช่วงขาเรียวยาวฝืนใจวิ่งไปจนถึงหน้าลิฟท์ กดย้ำที่ตรงปุ่มไฟซึ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย เสียงเรียกที่ใกล้เข้ามาทำให้เหลียวกลับไปมองอีกครั้ง ยุนโฮวิ่งไล่มาเกือบถึงตัวแล้ว ร่างบางตัดสินใจฉับพลันวิ่งย้อนไปตรงทางบันไดด้วยความลาดชันระหว่างขั้นของตัวบันไดและอาการร้อนรนที่จะหลีกหนีคนใจร้าย แจจุงจึงวิ่งลงไปอย่างสุดแรงน้อยนิดที่เหลือ ถึงจะเหนื่อยจนแทบขาดใจแต่เขาก็ยังไม่อยากประจันหน้ากับคนใจร้ายในตอนนี้
“แจจุง!!! อย่าวิ่งสิ...ฟังพี่ยุนก่อนนะ”เสียงปนหอบดังกระชั้นชิดยิ่งทำให้ร่างบางเร่งสปีดตัวเองขึ้นไปอีก
“แฮ่กๆ จะ...แจจุง ฟังพี่ยุนก่อนครับ หนีพี่ยุนทำไม แฮ่กๆๆเกลียดพี่ยุนแล้วเหรอ?”
คนบ้า...จะวิ่งตามมาทำไม แจจุงขอเวลาทำใจสักหน่อยได้มั้ย? แจจุงคิด อดห่วงคนที่วิ่งไล่ตนเองไม่ได้ว่าจะเผลอสะดุดล้มหรือเปล่า ด้วยทางเดินมันคดเลี้ยวจนน่ากลัว ความห่วงใยที่ปิดไม่อยู่ทำให้คอยหันกลับไปมองอยู่บ่อยครั้ง  น้ำตาที่เอ่อล้นภายในทำให้นัยน์ตาพร่ามัว แถมเจ้าตัวยังไม่คิดจะเช็ดมันออกแต่กลับปล่อยให้มันไหลพรากอาบแก้มเนียนขาวเปียกชื้นไปหมด ตอนนี้เขาได้แต่สั่งใจตัวเองไม่ให้คิด ไม่ให้สนใจอะไรทั้งนั้น
การที่แจจุงวิ่งหนีไม่ใช่เพราะว่า...เกลียด แต่เป็นเพราะแจจุงรักพี่ยุนมากเกินไปต่างหาก มากกว่าที่จะ รักตัวเอง ด้วยซ้ำ เพียงแต่ความจริงที่พึ่งรับรู้มันคงต้องอาศัยเวลา...อีกสักหน่อย

ถ้าความรักของพี่ยุนเปรียบเสมือนความเห็นแก่ตัว
ความรักของแจจุงคงเปรียบเสมือนคนตาบอด หูหนวก แถมยังเป็นใบ้...อีกต่างหาก

เสียงสะท้อนในหัวดังซ้ำไป--ซ้ำมา

เหลือแต่การตัดสินใจของแจจุง ตอบพี่ยุนมาสิ..ยังคิดว่าตัวเองจะรักคนเลวๆแบบพี่ได้อีกมั้ย?’

ตอบได้โดยไม่ต้องคิดทบทวนอะไรด้วยซ้ำ แจจุงรู้จักตัวเองดีพอว่าหัวใจตัวเองยอมรับและให้อภัยพี่ยุนโฮได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะหัวใจของเขามันช่างไม่รักดีจริงๆ ต่อให้พี่ยุนจะทำตัวเลวร้ายมากกว่านี้ คำตอบก็ยังเหมือนเดิม!

รัก...จนลืมที่จะรักตัวเอง!
.
.
.

ใครกำลังส่งเสียงเรียกเขาอยู่นะ น้ำเสียงคุ้นเคยจนเจ้าของชื่อเผลอยิ้มออกมาจนได้
เป็นเสียงที่เหมือนกับน้ำเสียงของพี่ยุน...
“ไม่นะ แจจุงงงง…!!!!
ยุนโฮตะโกนออกมาสุดเสียง เมื่อร่างที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าถลาเซเกาะราวบันไดก่อนทั้งร่างจะปลิวตกลงไปชั้นล่าง เสียงของหนักกระทบพื้นดังสนั่นไม่แพ้เสียงกรีดร้องของผู้ชายที่วิ่งตามร่างบางจนมาหยุดยืนอยู่เหนือร่างอ่อนปวกเปียกแทบเท้า เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากศีรษะนองเจิ่งพื้นสีขาวกลายเป็นสีโลหิตแดงเข้ม กลิ่นคาวคละคลุ้งไปหมด ยุนโฮรวบร่างบอบช้ำไว้ในวงแขนด้วยความทะนุถนอม น้ำตาเม็ดโตหล่นลงมาไม่ขาดสาย เขาทำร้ายหัวใจตัวเองและคนที่ตัวเองรัก..อีกแล้ว!

  ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น