2554/12/10

Part...44 เครื่องราง

Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic 
NC :  ?
Part…44  เครื่องราง

~ Flesh  black ~

ชางมิน...นายเข้ามาใกล้ชั้นเกินไปแล้วนะ’’เสียงเล็กประท้วงเมื่อชายหนุ่มเริ่มขยับกายเข้ามาใกล้เขาขึ้นทุกขณะ เตียงก็ออกจะกว้าง จะมานอนเบียดกันทำไม?
ก็มันหนาวนี่นา...อีกอย่าง นายไม่รู้หรอว่าชั้นน่ะขี้กลัวจะตายไป
ขี้กลัวอะไรของนาย...อย่ามาอ้างไปหน่อยเลย จำที่พี่มิคบอกไม่ได้หรอ เอ...หรือนายอยากจะลองดี
ก็แค่นอนกอดเฉยๆเอง...นายคงไม่ใจร้าย กลับไปฟ้องพี่ชายให้มาเล่นงานชั้นหรอกใช่มั้ย?คนปากหวานจอมอ้อน  ชา งมินคว้าเอวบางเข้ามาแนบชิด ซุกใบหน้าหล่อยังไหล่บางพร้อมกับสูดดมกลิ่นไอหอมๆเฉพาะตัวของเจ้ากวางน้อย โดยที่ยูฮวานก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไร
ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะ...แค่กอด...ก็...โอเค๊^^”ใบ หน้าขาวใสของยูฮวานตัดกับผิวสีน้ำผึ้งของชางมินอย่างเด่นชัดค่อยๆซบลงยังอก แกร่งของร่างหนาเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นจากอากาศโดยรอบ ชายหนุ่มก้มลงไปสูดดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มนิ่มของแชมพูชั้นดี หลับตาเคลิ้มเหมือนคนกำลังละเมอเพ้อฝัน ชางมินดูมีความสุขที่ได้อยู่กับยูฮวาน...สองต่อสองแบบนี้
นี่...ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเสียงต่ำของคนในอ้อมกอดดังเตือนสติ
ก็แค่หอมเอง...แต่ใจจริงชั้นก็อยากจะทำอะไรมากกว่านี้...แต่ก็เห็นว่านายยังเด็กอยู่คำพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้ทำเอาคนฟังนึกคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน ใบหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงถูไปมาแก้เขิน
อะไรหรอที่ว่า...อยากทำมากกว่านี้
ก็...ก็...จะ...จูบไง ใช่จูบๆสงสัยความคิดของเขาจะดังเกินไปหน่อย อยู่ใกล้ยูฮวานต้องเป็นแบบนี้ทุกทีสินะ...ประหม่า
ฮ่าๆๆ...จูบ พูดออกมาได้ ทำอย่างกับว่าเรา...ไม่เคยจูบกัน >//<”

อ่า...นายหลุดปากพูดอะไรออกไปเนี่ยยยยยย >//<
ทว่า...สิ่งที่พูดไปนั้นก็ไม่ได้เข้าหูชางมินแต่อย่างใด
หลับไปแล้วเจ้าเป็ดน้อยที่น่ารัก...เจ้าเป็ดปากบานของชั้น^^

อ่า...หลับไปแล้วหรอเนี่ย?เงยหน้าขึ้นมอง ถ้าชางมินได้ยินคงจะต้องล้อเค้าไม่หยุดแน่ๆ
ใบ หน้าของชางมินในยามนี้ดูสงบนิ่งยิ่งกว่าตอนสวมบทเป็นคุณหมอและรุ่นพี่จอมโหด เสียอีกในความคิดของยูฮวาน แต่กลับดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ ลมหายใจเข้าและออกเบาๆบ่งบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว  มือ เรียวยกขึ้นปัดปอยผมที่หล่นมาบดบังความหล่อ ก่อนจะหอมเบาๆที่หน้าผากเนียนเป็นการเอาคืน ดวงตาเรียวไล่มองเก็บรายละเอียดบนใบหน้าของคนรักจากแสงสว่างที่มีอยู่น้อย นิด ก่อนที่ริมฝีปากจะหยุดลงยังเรียวปากรูปกระจับ จูบซับเพียงบางเบากลัวว่าจะเป็นการรบกวนคนที่ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจให้ กับหน้าที่การงานที่หนักหนา
ทำไมถึงได้บ้างานแบบนี้นะ...ต่อไปนี้ชั้นจะดูแลนายเอง...ชางมินเป็น ยูฮวานที่เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มเสียเอง หลับตาลงช้าๆพยายามข่มใจไม่ให้เต้นแรงไปมากกว่านี้...แล้วเมื่อไหร่เขาจะนอน หลับกันนะ???

~ Come Black ~

~ ฮ้าวววววว ~

อ้าปากกว้างหาวหวาดใหญ่ที่เกิดจากอาการอดนอน ศีรษะทุยสะบัดแรงๆไล่ความง่วงงุน เป็นเพราะชางมินคนเดียวแท้ๆที่ทำให้เค้าต้องเป็นอย่างนี้...กว่าจะนอนได้  ถึงชายหนุ่มจะไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการนอนกอดเขาก็ตาม แต่ทำไมถึงนอนไม่หลับกันนะ???

หัวใจของเขามันเต้นแรงเกินไป...เพราะนายคนเดียว
ชางมิน!!!

คิดถึงชั้นอยู่หรอ?...หน้าแดงเชียวมือที่เท้าคางยกขึ้นฝาดคนที่ขยันแกล้งเข้าได้ทุกวี่วัน มาแบบนี้ตกใจหมดเลย...ชางมินบ้า
โอ้ยยย...เจ็บนะ...นายนี่โหดจริงๆเล้ยยพูดพรางลูบแขนตนเองปอยๆ
เมื่อคืนหลับเร็วจัง ทิ้งให้ชั้นนอนไม่หลับอยู่คนเดียว...ตั้งนานยูฮวานพูดน้ำเสียงน้อยใจ
อ่า...นายก็รู้ว่าชั้นกินเหล้าไม่เก่ง พอนานๆทีกินเข้าไปมันก็น็อคแบบที่เห็นอ่ะแหล่ะ...ฮ่าๆๆเกาหัวแก้เขิน^^
ชริ!”
ขอโทษนะคร้าบบบบบบ...กวางน้อยไม่โกรธเค้าใช่ป่ะ?จิ้มที่ต้นแขนเบาๆ ท่าทีแบบนี้ของชางมิน ยูฮวานแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ -3-
มายยยยยยย...รู้กอดอกเชิดสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
วันนี้เรียนไม่รู้เรื่องน่ะสิ...ใช่มั้ย?เอ่ย ถามอย่างรู้ทัน ดูจากขอบตาก็พอจะเดาออกว่ายูฮวานอดนอนมากแค่ไหน เค้าลืมนึกไปเลยว่าเวลาที่ยูฮวานนอนแปลกที่ คนตัวเล็กก็มักจะนอนไม่ค่อยหลับ แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วสาเหตุเป็นเพราะตนเองนั่นแหล่ะ...เฮ่อ~~~

อ๊ะ!”

โลหะสีเงินแวววาวตรงหน้าทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับ ตกใจ สร้อยสีเงินที่ถึงแม้จะดูเก่าแต่กลับล้ำค่าไปด้วยกาลเวลา ดวงตากลมโตมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์  จี้หยกรูปพืชที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี...

~ ใบโคลเวอร์สี่แฉกสีขาว ~

นะ...นี่มันอะไรน่ะชางมิน?แก้วใสยังคงจับจ้องวัตถุตรงหน้าไม่วางตา
เครื่องรางชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆเท่านั้นเพื่อดึงความสนใจ ยูฮวานละสายตาขึ้นมองคุณหมอหนุ่มอย่างเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่มิด
เครื่องรางหรอ?น้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการจะรู้อะไรสักอย่างให้ได้...ยังไงยังงั้น -*-
ใช่...นายใกล้จะสอบแล้วไม่ใช่หรอ? มีไอ้นี่ไว้จะได้อุ่นใจไง^^”
ไม่น่าเชื่อเสียงหวานพูดกับตัวเองเบาๆ แต่คนที่อยู่ใกล้อย่างชางมินมีหรือที่จะไม่ได้ยิน
ไม่น่าเชื่ออะไร?ชายหนุ่มถามกลับอย่างหาเรื่อง -*-
ก็...ไม่น่าเชื่อว่านายจะเชื่อเรื่องเครื่องรางแบบนี้กะเค้าด้วยน่ะสิ ทุกทีออกจะมั่นใจในตัวเองจะตายไป
แต่มีไว้มันก็ดีไม่ใช่หรอ...เพราะมันเคยทำให้ใจชั้นสงบลงได้บ้าง...ตอนสอบน่ะนึกย้อนไปถึงหลายปีก่อนที่เค้ากำลังจะเตรียมตัวสอบ
นายไม่เชื่อใจชั้นหรอไง?คำ ถามของคนตัวเล็กทำเอาชายหนุ่มไปต่อไม่เป็น ไม่ใช่ว่าเค้าไม่เชื่อในตัวยูฮวาน แต่...เค้าอยากให้คนตัวเล็กเก็บเอาไว้ก็เท่านั้น มันเป็นเครื่องรางที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ดีพอสมควร แล้วเวลายูฮวานสอบจะได้เหมือนมีเค้าคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ...ไม่ได้คิดแบบ ที่ยูฮวานกล่าวหาเขาสักหน่อย เฮ่อ~~~
ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ชั้นก็แค่สงสัย ไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อยสีหน้าน้อยใจปนผิดหวังของชางมินทำให้คนตัวเล็กรีบอธิบายถึงสาเหตุที่แท้จริง
นายชอบมันมั้ย?
อื้อ...ใส่ให้ชั้นหน่อยสิ^^”พูดพรางหันหลังให้ชายหนุ่ม
ขอบใจนะ^^”เมื่อใส่เสร็จยูฮวานหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนรัก รอยยิ้มแบบนี้แหล่ะที่ชางมินอยากเห็นมากที่สุด
 มันเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี...และรักแท้
ความโชคดีและรักแท้หรอ???
ใช่...ความโชคดี...ใบโคลเวอร์เป็นสัญลักษณ์แห่งการนำ โชค นายจะต้องสอบติดอันดับหนึ่ง ชั้นเชื่อแบบนั้น แต่...ไม่ใช่ว่าจะไม่อ่านหนังสือนะยัยตัวแสบบิดจมูกรั้นอย่างหมั่นเขี้ยว ยูฮวานยู่หน้าส่งยิ้มแป้นให้กับชางมินที่กำลังมองเค้าไม่วางตา
รู้มั้ยว่าสร้อยเส้นนี้ตกทอดกันมาหลานสิบรุ่นแล้วนะ ถึงมันจะเก่าไปบ้างแต่มันไม่เคยทำให้ครอบครัวของชั้นผิดหวังเลยสักครั้ง
อ่า~~~ ดีจริงๆเลยนะ ชั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย
ใส่ไว้ติดตัวไปตลอดเลยก็ได้นะ^^”ชางมินคิดอย่างมีเล่ห์นัย...รักแท้?
จริงหรอ...นายใจดีจัง...ว่าแต่นายยังไม่ได้บอกถึงความหมายของคำว่ารักแท้เลยชายหนุ่มเกาหัวแกร๊กๆ ทำไมยูฮวานจะต้องให้ผมพูดออกไปด้วยนะ -*-  คน อย่างผมเคยบอกรักใครฟุ่มเฟืองซะที่ไหน แล้วไม่คิดว่าผมจะอายบ้างหรอไง? แต่เอาเถอะกับยัยเด็กดื้อ ขี้อ้อนตรงหน้าคนนี้ ผมยอมให้คนนึงก็ได้...รักแท้หรอ??? จะอธิบายยังไงดีล่ะ ความหมายมันก็ตรงตัวอยู่แล้วนี่นา -*-
ใบโคลเวอร์ส่วนมากมันจะมีแค่สามแฉกเท่านั้น ซึ่งในต้นโคลเวอร์พันต้นนายจะพบใบโคลเวอร์สี่แฉกแค่หนึ่งใบ...มันเป็นความ หมายของรักแท้น่ะ...แล้วนายก็คือโคลเวอร์ต้นที่หายากที่สุดของชั้น...ยูฮวานน้ำ เสียงและสีหน้าที่จริงจังนี้ทำเอาคนฟังถึงกับซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า หยาดน้ำตาในตอนนี้เป็นอุปสรรคในการมองเห็นยิ่งนัก ใบหน้าแดงก่ำร้อนผ่าวอย่างไม่อาจห้ามไว้ได้  ชา งมินเป็นคนที่แสดงความรักออกมาไม่เก่ง แต่ชายหนุ่มกลับถ่ายทอดความในใจออกมาได้อย่างมีความหมายในทุกๆครั้งก่อนที่ ชางมินจะพูดมันออกมาตรงๆว่า...
ชั้นรักนาย...ยูฮวาน
ฮึก...ชั้นก็รักนายชิม ชางมินกระโดด คล้องคอคนที่สูงกว่า มือเล็กโอบรัดลำตัวชายหนุ่มเอาไว้แน่น ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาซุกหายไปกับอกแกร่ง ชางมินอมยิ้ม มือหนาลูบหัวของคนตัวเล็กแทนการปลอบใจ
อะไรกัน...ยูฮวานของชั้นร้องไห้ได้ยังไง...หืมกดจูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มใจดี
ก็นายนั่นแหล่ะ...เดี๋ยวก็กวนประสาท เดี๋ยวก็มาทำหวาน ชั้นตามอารมณ์ไม่ทันแล้วนะเงยหน้าขึ้นมองคนเจ้าเล่ห์ ยกมือขยี้ตาจนมันเริ่มแดงหนักกว่าเก่า
แล้ว...นายไม่ชอบหรือไงล่ะ?
ชอบ...ชอบสิตาบ้า >//<”
ฮ่าๆๆๆๆๆ
หยุดหัวเราะได้แร้ววววเมื่อหยุดร้องไห้แล้วก็เริ่มดุชางมินทันที ตามแบบฉบับกวางน้อยผู้เอาแต่ใจ -3-
อ่า...หยุดแล้วก็ได้ครับ ไหนดูสิ หน้าแดง จมูกแดงหมดแล้ว เดี๋ยวพี่เขยก็เข้าใจผิดคิดว่าชั้นแกล้งนายกันพอดี
บ้า >//<”
ฮ่าๆ วันนี้กวางน้อยของชั้นเขินบ่อยจัง^^”
ก็เพราะนายๆๆๆๆๆนั่นแหล่ะ ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะ
หรอครับ^^ ไม่ยักกะรู้ตัวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ จนยูฮวานเริ่มจะหมั่นไส้อีกแล้วสิ!
ไม่ต้องมาทำหน้าระรื่นเลย ไปกินข้าวได้ยังอ่ะ ชั้นหิวจนท้องร้องแล้วนะท่าทางประกอบคำพูดช่างดูน่ารักสำหรับชางมิน ชายหนุ่มโอบไหล่บางก่อนทั้งสองจะเดินออกไปด้วยกัน


ชั้นจะตั้งใจสอบ
จะทำให้ดีที่สุดเลย...ชางมิน^^
 
------------------------------------------------------------------------------------------------

ยุนโฮมาหาแจจุงที่บ้านหลังจากที่คนรักของตัวเองร้องงอแงจะ ออกจากโรงพยาบาลลูกเดียว บทจะดื้อนี่ก็ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรเลย ตอนแรกเขาก็คิดจะไม่ยอมตามใจเนื่องจากยังกังวลกับสุขภาพของเจ้าตัว ถึงจะเห็นว่าแจจุงดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมและก็ไม่ค่อยผวาตื่นตอนกลางคืนอีก แล้วก็ตามที แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานอ้อนเข้าใส่หน่อยเดียว ความคิดลังเลใจในตอนแรกไม่รู้เลือนหายไปไหน กลับยินยอมตามใจง่ายดายโดยไม่รู้ตัว อีกเหตุผลคงจะไม่พ้น กลัวพี่ชายของแจจุงจับได้ว่าน้องชายสุดที่รักถูกทำร้ายซ้ำรอยอดีตจนต้อง รักษาตัวในโรงพยาบาลอีกแล้ว
คิดไปถึงตอนที่เผลอตัวเกือบหลุดปากบอกฮีชอลไปแล้วเชียว ตอนนี้เขารู้สึกอยากเปิดเผยความจริงให้หมด ถึงด้านที่ปิดบังและมันจะเลวร้ายเกินคำว่า ให้อภัย แต่เมื่อตัดสินใจว่าจะคบแจจุงอย่างเปิดเผย เขาควรให้เกียรติคนที่ตัวเองรักให้มากกว่านี้ใช่มั้ย?
คำเตือนสติของชางมินที่คอยพร่ำบ่นเตือนสติเขาไม่ห่างยังดัง ก้องอยู่ในหัว คงต้องยอมรับว่าตัวเองใจร้อนและวู่วาม ซึ่งพอได้หยุดคิดอีกที หากตัวเขาเองเป็นฮีชอลก็คงจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดกับน้องชายตัวเอง เรื่องราวมันดูยุ่งยากกว่าที่คิด เพียงแต่ยุนโฮต้องแก้ไขมันให้ได้ เชือกที่เขาขมวดปมขึ้นมาเอง เขาต้องคลายปมของมันให้จงได้ เฮ่อ~ แต่จะทำยังไงนี่สิปัญหา  คิด อะไรเพลินครู่เดียวออดี้คันหรูก็ขับเคลื่อนมาหยุดยังบริเวณรั้วบ้าน ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นกุหลาบดอกโตผลิบานเต็มต้น หลากหลายสีสันดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของบ้านสองศรีพี่น้องตระกูลคิมอันเป็น จุดหมายที่ตั้งใจมาแต่แรก ยังไม่ทันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ ร่างคุ้นตาของคนรักก็โผล่ขึ้นมาส่งยิ้มหวานฉ่ำ คนตัวเล็กค่อยๆเลื่อนรั้วบ้าน เปิดทางให้ชายหนุ่มเข้ามา ยุนโฮเปิดประตูรถออกมาสวมกอดร่างบอบบาง
คำว่า คิดถึง คงไม่มากเกินไปใช่มั้ยกับความรู้สึกในขณะนี้หรือเป็นเพราะหัวใจเขาเริ่มหวาด หวั่นในความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับแจจุงก็เป็นได้ ยุนโฮจึงกอดรัดลำตัวบางของแจจุงเสียแน่น ราวกับกลัวว่าเพียงแค่ตนเองคลายมือปล่อยร่างบางเป็นอิสระเมื่อใด...คนในวง แขนก็พลันหายวับไปกับอากาศ

เวลาเรา รัก ใครสักคนมันเป็นแบบนี้เองเหรอ?
ไม่เจอก็รู้สึก คิดถึง
เพียงได้รับอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวเล็กกับสัมผัสอ่อนโยนที่ตบเบาๆทั่วแผ่นหลัง ชอง ยุนโฮ รู้สึกดีจริงๆ
แบบนี้หรือเปล่า? ที่เขาเรียกกันว่า “ความสุข”

ความสุขที่ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์ทางร่างกาย สองสิ่งนี้เมื่อได้เรียนรู้และสัมผัสกับมันอย่างจริงจัง ถึงรับรู้ในความแตกต่างกับคนที่เรารัก เพียงแค่ได้กอดก็สร้างความรู้สึกดีๆได้มากมายอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน  แจ จุงเริ่มขยับแรงๆหลายครั้งเรียกสติยุนโฮ กว่าพี่ยุนจะรู้สึกตัวว่ากอดรัดแจจุงแน่นจนแทบหายใจไม่ออกก็เกือบหมดลมหายใจ กันพอดี วงแขนอุ่นคลายออกแต่ยังไม่ปล่อยเสียทีเดียว มือทั้งคู่ยังคงสอดประสานวางเกาะที่สะโพกสวยของคนรัก เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมส่งยิ้มพราย
“ไม่อยากรู้เหรอครับว่าพี่คิดถึงแจจุงวันละกี่ครั้ง?”คนถูก ถามส่ายหน้าเบาๆพรางส่งยิ้มหวาน ยุนโฮมองด้วยความเอ็นดู ทำไมนับวันเขายิ่งรักแจจุงเพิ่มขึ้นนะ ไหนเคยมีคนพูดว่าความรักมีแต่ลดลงน้อยลงในทุกวันๆไง ไม่จริงเลยสักนิด! ดูอย่างเขาสิ มันเพิ่มขึ้นในทุกวันๆต่างหาก
“แต่พี่ยุนอยากบอกให้แจจุงรู้นี่นา”คนสวยส่งมือมาหยิกแก้มทั้งสองข้างของยุนโฮด้วยความหมั่นเขี้ยว เสียงหวานใสเจื้อยแจ้ว
“แจจุงไม่อยากรู้จริงๆนี่ฮะ แค่รู้ว่าพี่ยุนคิดถึงแจจุง แจจุงก็ดีใจจนพูดไม่ออกแล้วล่ะฮะ” ใบหน้าสวยก้มงุด แต่มันไม่อาจปิดบังสีแดงระเรื่อซึ่งปรากฏหลาข้างพวงแก้มเนียนใส เรียกรอยยิ้มจากยุนโฮที่กำลังมองอยู่ด้วยความถูกใจได้ไม่ยาก จมูกโด่งกดลงไปซ้ำบริเวณเดิมที่ตนผละออกมาเมื่อสักครู่ อย่างอดใจไม่อยู่...ก็น่ารักซะขนาดนี้  ยุนโฮบรรจงหอมแก้มเนียนอย่างหลงใหลซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จนคนในวงแขนต้องส่งเสียงประท้วง
“พอแล้วฮะพี่ยุน พอฮะ แก้มแจจุงช้ำหมดแล้วน้า~~~”เสียงอ้อนน่าเอ็นดูประท้วงเมื่อรู้สึกว่ายุนโฮไม่มีทีท่าที่จะหยุดรังแกตนเองสักที ถึงจะชอบให้พี่ยุนโฮแสดงออกแบบนี้ก็เถอะ
“ก็แจจุงอยากพูดจาน่ารักกับพี่ยุนโฮแบบนี้ทำไมล่ะ”คนเสียง ทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างกล่าวโทษ แต่มันเป็นเรื่องจริงแก็แจจุงของเขาน่ารักเกินไปแล้วต่างหาก >///<
“เปล่าสักหน่อย พี่ยุนนั่นแหละจอมฉวยโอกาส”แจจุงรีบขืนตัวออกมาจากวงแขนแข็งแรงที่เริ่มไต่ลงจากเนินสะโพกต่ำลงไปซุกซนแถวบั้นท้ายอิ่ม

มือไวจริงๆ...พี่ยุนนะพี่ยุน >///<

ตากลมโตถลึงขึ้นมองยุนโฮแววตาดุเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ จากคนตัวใหญ่ แถมยังขย้ำก้นเขาเล่นชนิดที่ว่าไม่เกรงใจกันบ้างเลย เสียงหวานเรียกชื่อเขาเต็มยศ ฟังแล้วชวนสะดุ้งไม่น้อย มือที่ถือโอกาสฝังตัวที่ผิวเนื้อนิ่มรีบคลายออก ยกชูขึ้นมาเหนือศีรษะด้วยท่วงท่าล้อเลียนคนน่ารัก รอยยิ้มมุมปากยังคงฉายแววความเจ้าเล่ห์อยู่เต็มเปี่ยม
“ฮ่าๆ ไม่เถียงครับ พอใจหรือยัง หืมม~~ จะว่าไปพี่ก็ฉวยโอกาสแค่...กับเมียตัวเอง แล้วพี่ผิดตรงไหนครับ???”เสียงทุ้มกระเซ้าเล่น ทำเอาคนฟังอายม้วนต้วนวางสีหน้าไม่ถูก  มือเล็กทุบหนักๆที่หน้าอกแกร่ง
“คนบ้า แจจุงไม่พูดด้วยแล้ว”เสียงหวานกระเง้ากระงอด กลีบปากสีแดงสดเชิดขึ้นอย่างคนเอาแต่ใจกับทำให้ใบหน้าสวยน่ามองเข้าไปกว่าเดิม  ยุ นโฮก้มหน้าลงให้พอดีกับระดับสายตากลมโตซึ่งจ้องหน้าเขาท่าทางเอาเรื่อง ปลายนิ้วเกลี่ยเล่นกับกลีบปากบางแสนยั่วยวนนั่น เห็นแล้วอยากประทับรอยจุมพิตหนักๆจนหนำใจ ก่อนหักห้ามใจตัวเองอย่างยากเย็นกับสิ่งเย้ายวนใจที่ลอยยั่วกิเลสอยู่เบื้อง หน้า เขาส่งนิ้วไปคีบปลายจมูกรั้นของแจจุงแทน

หมั่นเขี้ยว….

เอ่ยตอบคำถามช้าๆชัดๆไปพร้อมกับรอยยิ้มยียวน“ให้พี่ตอบเป็น ภาษาพูดหรือตอบเป็นภาษากายดีครับ?”พูดจบก็เดินหัวเราะนำเข้าไปในบ้านทันที ทิ้งให้แจจุงยืนใบหน้าแดงก่ำ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากอารมณ์โกรธที่ทำอะไรคนตัวโตไม่ได้หรือเป็นเพราะกำลัง อายกับคำพูดชวนคิดลึกนั่นกันแน่
“พี่ยุน!!!!!!!!!” แจจุงขึ้นเสียงลั่นเมื่อเรียกสติกลับมาได้ เสียงหัวเราะของคนช่างแกล้งดังกังวานกลบเสียงหวานที่เดินตามเข้ามาภายในบ้าน ที่เริ่มมีกลิ่นไอแห่งความรักปกคลุมไปรอบบริเวณ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

Talk
น้ำท่วมเลยขาดการติดต่อ ไม่ได้มาอัพฟิคเลยTT
จะพยายามอัพให้จบนะคะ คอมกับตัวไรเตอร์อยู่กันคนละที่เยยง่ะ

คิดถุงนะคะ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น