2554/10/01

Part…39 การเผชิญหน้าของจุนซู & ยุนโฮ!!!

Title : [Fic] หมอ...llจิตll 
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…39 การเผชิญหน้าของจุนซู & ยุนโฮ!!!

                จุนซูวางมือถือลงข้างตัวหลังจากที่ได้คุยกับพี่จุนโฮเรียบร้อยแล้ว ในใจยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงผู้ชายที่ตัวเองรัก ถึงจะยังใจสั่นไม่หายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้า แต่เขาก็ไม่อยากให้พี่จุนโฮเกลียดชังอะไรในตัวพี่ยูชอน ไม่รู้ว่าจะหลบหน้าพี่ยูชอนไปได้นานแค่ไหน ตอนนี้จุนซูยังไม่พร้อมจริงๆ เฮ่อ~~~ เสียงพ่นลมหายใจดังมาจากอาการลืมตัวทำเอาคนป่วยละความสนใจจากหนังสือในมือมาที่เพื่อนซี้ที่ยังนั่งทำหน้าอมทุกข์ไม่เลิก ดูเหมือนจุนซูจะไม่รู้ตัวเอาซะเลยว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมอง มือเล็กหยิบมือถือขึ้นมามองก่อนวางกระแทกแรงๆข้างตัว เพียงชั่วครู่ก็หยิบมันขึ้นมามองหน้าจออีกครั้งก่อนวางลงอย่างหงุดหงิด
“รอโทรศัพท์อาจารย์ปาร์คอยู่เหรอเจ้าอวบ?”แจจุงเอ่ยแซวอย่างคนรู้ทัน คนขี้ระแวงรีบเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่ยอมรับทั้งที่ท่าทีที่แสดงออกมามันฟ้องหมดแล้ว
“ใครบอก จุนซูแค่หยิบขึ้นมาดูผลบอลต่างหาก”
“หรอ???”แจจุงมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของเด็กเลี้ยงแกะอย่างขำๆ ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยเพื่อนสนิทคบกันมาตั้งนาน สงสัยว่าถ้าวันนี้อาจารย์ปาร์คไม่โทรมาง้อจากแค่งอนอาจเปลี่ยนเป็นโกรธแน่นอน
เสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังแว่วขึ้นมาพร้อมกับเสียงขออนุญาตเข้ามาด้านใน จุนซูหันมาสบตาแจจุง คิดกันไปคนละอย่าง แจจุงคิดว่าคงจะเป็นคุณหมอเข้ามาตรวจอาการส่วนจุนซูแอบหวังว่าเป็นพี่ยูชอนตามมาง้อ

ผิดคาด!!!

เมื่อร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือคนที่ทำให้เพื่อนรักของเขาต้องเผชิญกับฝันร้ายมาตลอดเจ็ดปี พระเจ้าไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่ เมื่อคนเลวกับได้รับสิ่งตอบแทนจากความชั่วร้ายที่ตนกระทำเป็นความรักที่แสนบริสุทธิ์จากเพื่อนของเขา จุนซูอดหวั่นใจไม่ได้ คนแบบนี้จะทำให้เพื่อนเขามีความสุขได้ยังไง คนเลวมันต้องเลวอยู่วันยังค่ำ ทำลายชีวิตคนอื่นจนป่นปี้แล้วจะมีปัญญาดูแลได้เชียวหรือ ไม่ว่ายังไงจุนซูก็ยังไม่สามารถไว้ใจคนรักของเพื่อนได้สนิทใจจริงๆ ความรักของแจจุงน่าเป็นห่วงเสียจริง
ภายในห้องเข้าสู่ความเงียบสนิท ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างไม่ลดละ สำหรับยุนโฮมันคือความประหลาดใจที่พบจุนซูในห้องกับแจจุง ส่วนจุนซูคือความตกใจความลับที่เขาแอบสืบเรื่องราวของคนคนนี้แตกเสียแล้ว มีเพียงแจจุงที่ยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อเห็นหน้า ชอง ยุนโฮแล้วมองคนสองคนที่เขารักจ้องตากันนิ่ง มึนงง สงสัยสองคนนี้เขาเป็นอะไรกัน  เสียงทุ้มเบสเอ่ยขึ้นมาในสถานการณ์ชวนอึดอัด
“จุนซูที่เป็นเพื่อนของริคกี้ใช่มั้ย เอ่อ...แล้วทำไม”นิ้วชี้ไปที่ใบหน้ากลมก่อนย้อนกับมาที่แจจุง ยุนโฮดูจะตั้งสติได้ก่อน ด้วยสมองอันชาญฉลาดสามารถประมวลเรื่องราวคร่าวๆได้เกือบทั้งหมด คำตอบเดียวที่คิดได้คือทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน ยิ่งนึกไปถึงท่าทางของจุนซูในตอนที่เจอกันครั้งแรกที่มากับยูฮวานดูหวาดกลัว กระทั่งแววตาที่เผลอมองเขาด้วยความไม่ชอบอย่างไม่ปิดบัง สรุปได้เลยว่าจุนซูคงจะเป็นเพื่อนของแจจุง ยุนโฮส่งยิ้มให้อย่างคนใจดี เสียงเบสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับคนที่ยังมองเขาตาค้างไม่หยุด

อึดอัดเหมือนขาดอากาศหายใจ คงเป็นอะไรที่บรรยายความรู้สึกของจุนซู ณ ตอนนี้

“พี่ชื่อยุนโฮ จุนซูคงจำพี่ได้ใช่มั้ย? ที่เราเคยไปทานข้าวด้วยกันไง สรุปแล้วจุนซูเป็นเพื่อนเจ้าริคหรือเพื่อนแจจุงกันแน่ครับ?”ยุนโฮแกล้งแหย่ เมื่อจุนซูยังทำท่าเหมือนกลัวเขาไม่เลิก
“เอ่อ...”จุนซูเริ่มจะพูดไม่ถูกอีกแล้ว ได้แต่ส่งยิ้มแหะๆไปทั่ว หันมองไปทางแจจุงอย่างคนต้องการตัวช่วย แต่กลับพบสายตาคาดโทษส่งกลับมาอีกครา ทำเอายุนโฮหัวเราะออกมากับท่าทีของทั้งคู่
“มองเค้าแบบนั้น ทำไมอ่ะ...แจจุงงง”
“ร้อนตัวหรือเปล่าจุนซู ชั้นก็มองปกตินั่นแหละ แต่...” แต่อะไรหว่า จุนซูคิดอย่างหวั่นใจ อย่าพึ่งสงสัยตอนนี้ได้มั้ย...เพื่อน
“ชั้นอยากรู้ว่าจุนซูไปรู้จักพี่ยุนโฮตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วที่ไปกินข้าวด้วยกันนี่ ทำไมชั้นถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”คำพูดกึ่งน้อยใจของเพื่อน ทำให้จุนซูยิ่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มด้วยความรู้สึกผิด เห็นแบบนี้แล้วแจจุงเคืองไม่ลงจริงๆ
“เจ้าอ้วนชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ทำหน้าเป็นปลาขาดน้ำไปได้ ชั้นรู้หรอกน่าว่าเพื่อนของชั้นหวังดีแค่ไหน แต่คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ..เข้าใจมั้ย?”จุนซูรีบพยักหน้ารับหงิกหงักอย่างดีใจที่แจจุงเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่ตัวเองนึกกังวล 
“งั้นตอนนี้พี่ก็รู้จักจุนซูในฐานะเพื่อนคนสำคัญของแจจุงสินะ”เสียงทุ้มของยุนโฮเรียกความสนใจจากเพื่อนรักทั้งสองให้หันมาที่ตัวเอง
“คะ...ครับ”จุนซูรีบตอบรับอย่างไว  ยุนโฮตบบ่าเล็กเบาๆก่อนเดินไปข้างเตียงคนป่วย รวบลำตัวบางเข้ามาไว้ในวงแขนแข็งแรง ใบหน้าเรียวก็ก้มลงจรดปลายจมูกที่พวงแก้มเปล่งปลั่ง ฝังจมูกเป็นสันคมสูดกลิ่นหอมของแก้มเนียนใส มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มสลวยของแจจุงอย่างเอ็นดู
“คิดถึงแจจุงจังเลยครับ”คำพูดสั้นๆ แต่คนฟังแสนปลาบปลื้มหัวใจที่แห้งแล้งถูกเติมเต็มด้วยคำอ่อนหวาน รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก กลีบปากแดงเผยอขึ้นเปิดรับริมฝีปากนุ่มที่เคลื่อนมาบดเบียดเข้าหากันอย่างโหยหา จูบตอบแทนถ้อยคำ คิดถึงไม่ต่างกัน  เนิ่นนานกระทั่งเสียงกระแฮมดังๆอย่างตั้งใจของอีกสิ่งมีชีวิตในห้องดังขึ้น หน้าหวานพลันขึ้นสีอย่างเอียงอายต่อหน้าจุนซูยิ่งทำให้เกิดอาการเขินจัดเข้าไปใหญ่ คนสวยหลบสายตาล้อเลียนของเพื่อนตัวอวบ ทั้งไม่กล้าสู้สายตาคมที่จ้องมองมาอย่างมีความหมาย  ยุนโฮกระซิบข้างหู
“แก้มแจจุงแดงกว่าผลแอปเปิ้ลแล้วรู้มั้ย แต่หอมกว่านะ...พี่ยืนยัน”ไม่ยืนยันเพียงคำพูด จมูกโด่งยังกดซ้ำๆที่พวงแก้มนิ่มอย่างไม่แคร์สายตาอีกคู่ที่ยืนมองไปด้วยอาการเหวอจัด

ร้ายนัก พี่ยุนโฮ...

รังแกคนป่วยเรียบร้อยก็หันมาจัดการจุนซูต่อทันที “อยากรู้จักพี่ ทำไมไม่ถามพี่เองตรงๆไปเลยล่ะ จุนซู”ยุนโฮกดเสียงต่ำยิงคำถามตรงประเด็น จุนซูประมวลคำพูดในหัว ไม่รู้จะตอบยังไงดี เฮ่อ...ทำไมถึงรู้สึกกดดันแบบนี้นะTT
“อ่ะ...ตอนนี้ยังมีเรื่องอะไรสงสัยในตัวพี่อีกก็พูดมาสิ”เปิดโอกาสอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กยังไม่ยอมพูด ทั้งๆที่หน้าตาดูเหมือนมีเรื่องสงสัยเต็มไปหมด แววตาที่สะท้อนความอยากรู้ออกมาซะขนาดนั้น ปิดยังไงก็ไม่อยู่หรอก
“ก็แบบว่า จุนซูอยากรู้ว่าพี่ยุนโฮจริงใจกับแจจุงหรือเปล่า ก็เลย ก็เลย เอ่อ...แหะๆๆ”จนมุมแล้วจุนซู คนตัวเล็กคิดอย่างอับจนหนทาง ก่อนส่งยิ้มหวานอย่างที่ชอบทำเวลาต้องการอ้อนใครสักคน แล้วมันก็ได้ผลเสมอ...ครั้งนี้ก็เช่นกัน  แจจุงส่ายหน้ากับเพื่อนอย่างอ่อนใจ ยุนโฮมองหน้าจุนซูก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เด็กนี่ทำไมถึงได้ไร้เดียงสาขนาดนี้ ถ้าเขาเลวกว่านี้คงได้ทำร้ายคนตัวเล็กนี่ไปอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
“แล้วได้เรื่องมั้ยล่ะเจ้าอวบ?”หัวกลมส่ายไปส่ายมา พลางหยุดคิด
“อ่า~ อย่างน้อยจุนซูก็ได้รู้ว่าคนที่เขาลือกันว่าเป็นแฟนพี่ยุนโฮ คือแจจุง ได้เรื่องใช่มั้ยล่ะ”เมื่อเห็นแก้มนวลของแจจุงเริ่มเปลี่ยนสีเหมือนถูกแต่งแต้มด้วยสีกุหลาบอย่างขัดเขิน จุนซูก็ยิ่งได้ใจ ส่งเสียงหัวเราะไม่หยุด ยุนโฮยิ้มอย่างถูกใจด้วยเช่นกัน เขาชอบมองแจจุงเวลาเขิน ซึ่งแตกต่างจากอีกคนไม่ชอบให้ใครมองเวลาเขิน มือเรียวแย่งผ้าที่คลุมไว้ตรงบริเวณหน้าอกพยายามซ่อนใบหน้าของตนให้พ้นคนตรงหน้าแต่ยุนโฮไม่ยินยอมให้ทำเช่นนั้น มือแข็งแรงกระตุกนิดเดียว ผ้าก็เลิกขึ้นมาโชว์ใบหน้าแดงก่ำ แจจุงไม่ยอมสบตาคมที่ยังมีแก่ใจมามองเขาแววตาพราวระยับ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคิดอะไร เมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ มือเรียวสวยจึงส่งไปปิดหน้าหมอหนุ่มแทน
“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะพี่ยุน”เสียงหวานขู่ฟ่อ ไม่น่ากลัวสักนิด แต่น่ารักเสียจนไม่อยากกระพริบตา รู้ตัวบ้างมั๊ยว่ากำลังทำให้พี่ลุ่มหลงจนแทบจะเป็นบ้า เล่นกับแจจุงอยู่ดีๆยุนโฮก็หันควับมาที่จุนซู คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ตกใจไม่น้อย ทำใจดีสู้เสือมองตอบอย่างหวั่นๆ คนตัวเล็กกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างอึดอัด สายตาแบบนี้มันชวนขนลุกชะมัด
“จะ...แจจุงงง”จุนซูส่งเสียงเรียกเพื่อนแบบต้องการความช่วยเหลือ แจจุงชะโงกมองหน้ายุนโฮ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแรงๆที่ต้นแขนคนขี้แกล้ง
“โอ๊ยยยย...หยิกพี่ทำไมครับ พี่เจ็บนะ”ยุนโฮถามเสียงอ่อนแต่กลับถูกแจจุงทำตาเขียวใส่
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยฮะพี่ยุน ไปทำหน้าแบบนั้นใส่จุนซูทำไม...นิสัยไม่ดี”
“ฮ่าๆๆ พี่แกล้งเพื่อนแจจุงเล่นเท่านั้นแหละ อยากรู้ยังกลัวพี่อยู่มั้ย”ก่อนจะหันไปขอโทษคนตัวเล็กที่ยังยืนหน้าซีดอยู่กับที่
“พี่ยุนขอโทษนะครับ^^”ใบหน้าหล่อที่แสร้งทำเป็นดุ หัวเราะเยอะออกมาทันที จุนซูนิ่งไม่ตอบอะไรก่อนใบหน้าน่ารักจะอาบไปด้วยน้ำตาจนคนช่างแกล้งเริ่มทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ...จุนซู  พี่...”ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของคนตัวเล็กก็ดังแทรกขึ้น ถึงจะปนกับเสียงสะอื้นแต่ก็ยังพอฟังออกว่าพูดอะไร  เสียงสั่นเอ่ยถามในสิ่งติดค้างในใจ
“พี่ยุนโฮ พี่จะไม่หลอกเพื่อนจุนซูใช่มั้ยฮะ พี่จะไม่ทำให้แจจุงเสียใจอีกใช่มั้ยฮะ?”แจจุงมองหน้าจุนซูอย่างซาบซึ้ง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจุนซูห่วงเขามาเพียงใด ยุนโฮสาวเท้าเดินไปใกล้คนขี้แงก่อนย่อตัวลงนั่งยองๆกับพื้น
“ฟังพี่นะจุนซู ถึงพี่จะไม่ใช่คนดีอะไร ซ้ำยังเคยทำร้ายแจจุงมามากมายในอดีต พี่รู้ว่าคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขในสิ่งที่ผ่านมาแล้วได้ ซึ่งตรงนี้มันทำให้พี่ก็นึกเสียใจกับมันมาตลอดและถ้าจุนซูอยากได้ยินคำมั่นสัญญาจากพี่ พี่คงจะให้สัญญาอะไรกับจุนซูในตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ พี่เองก็ไม่รู้ว่าต่อไปนี้จะไม่ทำให้เพื่อนจุนซูเสียใจอีกได้หรือเปล่า เพราะพี่ไม่รู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่พี่จะรักและดูแลแจจุง  ในทุกๆวัน  ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำเพื่อคนที่ตัวเองรักที่สุดในชีวิตได้ พี่รับรองครับ“จุนซูมองจ้องเข้าไปในแก้วตาสีนิล เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจ จากคนตรงหน้า ถ้าสิ่งที่เขาได้ยิน และกำลังรู้สึกดีๆกับคนคนนี้เป็นเรื่องโกหก...ชอง ยุนโฮ ก็คงเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุดในโลกแล้ว! เสียงทุ้มเบสกล่าวหนักแน่นอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องรีบเชื่อพี่หรอกจุนซู ลองดูๆไปเรื่อยๆก็ได้ครับ แล้วนี่เราเลิกกลัวพี่ได้หรือยัง ดูสิ เลยร้องไห้กันทั้งคู่ เลยยุนโฮมองแจจุงที มองจุนซูทีอย่างทำอะไรไม่ถูก เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของหมอหนุ่มดังขึ้นมาพอดี ทำให้ต้องขอตัวออกไปก่อน แต่ไม่วายกำชับสองหนุ่มน้อยขี้แงให้หยุดชวนกันร้องไห้ได้แล้ว ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง ยุนโฮจึงต้องออกไปทำงานอย่างเสียไม่ได้ ร่างหนาก้มลงจุมพิตแผ่วเบาที่กลีบปากสีกุหลาบแสนสวยของคนป่วย เนิ่นนานเสียจน คนที่อยู่ในห้องคล้ายๆจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน จุนซูแกล้งเตะขาเตียงโลหะแรงๆอย่างหมั่นไส้ เขาก็อยู่ทั้งคน ทำอะไรไม่มีจะเกรงใจกันบ้างเลย ทำเอาสองร่างที่มอบความหวานละมุ่นติดปลายลิ้นกันอยู่ถึงกับสะดุ้งพรวดออกจากกันแทบไม่ทัน เรียกเสียงหัวเราะใสๆของคิม จุนซูได้ไม่น้อย
“ฝากไว้ก่อนนะคิม จุนซู พี่ไปทำงานก่อนนะครับ แจจุง”ตาคมมองคนขี้แงที่ตอนนี้หัวเราะร่าด้วยสายตาคาดโทษ ก่อนหอมแก้มใสของแจจุงอีกครั้งเป็นการส่งท้าย  เมื่อยุนโฮก้าวออกไปแล้วจุนซูก็ยังไม่หยุดล้อเลียนเพื่อนรัก ไม่บ่อยนักที่แจจุงจะเป็นฝ่ายถูกแกล้ง เมื่อได้ทีจุนซูก็เอาใหญ่จนเพื่อนรักเริ่มจะเกิดอาการงอนตุ๊บป่องเข้าให้แล้ว จุนซูเลยต้องยกมือยอมแพ้

เห็นว่ากำลังป่วยหรอกนะ แจจุง

ผ่านไปชั่วครู่ เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังอีกครั้ง สองเพื่อนซี้หันมองหากันอย่างแปลกใจ...ใครอีกล่ะทีนี้  ไม่ต้องสงสัยนานเมื่อเสียงสดใสเอ่ยทักทายดังลั่นก่อนจะเห็นตัวเสียอีก สายตาสอดส่ายไปทั่วห้องมองหาใครบางคนแล้วหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้ากลม
“อ้าว...จุนซู ชั้นนึกว่านายกลับบ้านไปแล้วซะอีก”ยูฮวานหน้าเหวอไปเล็กน้อย เนื่องจากคิดว่าจุนซูจะไปกับพี่ชายตัวดีแล้วซะอีก โธ่เอ๊ย...ไอ้พี่มิค มัวทำอะไรอยู่เนี๊ย ทำไมถึงได้ชักช้าเหลือเกิน โอ๊ย...หงุดหงิดๆๆ
“ไม่เอาอ่ะ จุนซูจะเฝ้าแจจุง”แถมส่งสายตาออดอ้อนใส่เพื่อนรักอีก แจจุงเอานิ้วจิ้มหน้าผากสวยแรงๆไปหนึ่งที ด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไม่ถามชั้นสักคำว่าอยากให้เฝ้าหรือเปล่า”คนป่วยแกล้งทำสีหน้ารำคาญคนเอาแต่ใจ ยูฮวานเห็นอย่างนั้นก็รีบสมทบไปด้วยอีกสักดอก เขาอยากให้จุนซูปรับความเข้าใจกับพี่ชายเขาจะแย่อยู่แล้ว ไม่ชอบเลยจริงๆที่เห็นจุนซูทำหน้าหงอยเหงาแบบนี้
“นั่นสิ...ริคก็อยู่ทั้งคน กลับไปนอนที่บ้านเถอะไป๊”คนตัวเล็กเบะปากอย่างงอนๆ มองยูฮวานกับแจจุงสลับกันไปมาตาละห้อยเมื่อไม่มีใครสนใจก็โวยวาย
“หน็อย...พอมีเพื่อนใหม่แล้วลืมเพื่อนเก่า ใจร้ายT^T  ไม่เอาอ่ะ ยังไงวันนี้จุนซูจะอยู่กับแจจุง”พูดจบก็ปรี่เข้าไปกอดแน่นที่แขนของเพื่อนรัก ถ้าเขากลับบ้านก็เจอพี่ยูชอนน่ะสิ  ไม่เอาหรอกจุนซูยังไม่พร้อมที่จะพบหน้าพี่ยูชอนตอนนี้
“ถามจริง งอนอะไรกับพี่ชายชั้น”หัวกลมส่ายไปมาอย่างไม่ยอมรับ จนคนมองปวดหัวแทน ยูฮวานถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ถามพี่ชายตัวเองก็ไม่บอก ถามพี่สะใภ้ตัวเองก็ดันไม่พูดอีก อยากรู้ๆ สงสัยต้องโทรไปเร่งไอ้พี่บ้าอีกที คนแก่นี่ชักช้าไม่ทันใจวัยรุ่นเลย
“เออๆ ไม่งอนก็ไม่งอน งั้นเดี๋ยวชั้นออกเวรแล้วจะมานั่งคุยเป็นเพื่อนนะ จุนซูกับแจจุงอยากกินอะไรมั้ย ริคจะได้ซื้อเข้ามาทีเดียว”
“ไม่ต้องหรอกริคเดี๋ยวแจจุงกินยาก็จะนอนแล้ว เหลือแต่เจ้าอ้วนนี่แหละ”
“ไม่อ้วนสักหน่อย แค่มีน้ำมีนวล คิคิ”ก่อนปรายตามองค้อนแจจุงอย่างพาลๆ
“เดี๋ยวสิยูฮวาน ยังไม่ถามจุนซูสักคำว่าจะเอาอะไร”
“แล้วจะเอาอะไรล่ะ”
“อืมม มันก็หลายอย่างอยู่น๊า เอาอะไรดีล่ะ...”คนตัวเล็กคิดหนัก อย่างกับมันเป็นเรื่องที่จริงจังอะไรนักหนา
“งั้นคิดออกแล้ว โทรมานะจุนซูยูฮวานแกล้งทำเป็นไม่สนใจ
แหมๆๆๆ...ล้อเล่นน่า ไม่รบกวนนายแล้วดีกว่า^^”
ใจร้ายปล่อยให้ชั้นยืนรอนายคิดตั้งนาย อ๊ะ!!! ชั้นนึกขึ้นมาได้พอดีว่า ต้องไปช่วยแทมเรียงประวัติผู้ป่วยนี่นา แหม ไม่น่าลืมเลย”พูดจบร่างเพรียวบางก็สาวเท้าเดินออกไปทันที
“แจจุงว่ายูฮวานดูแปลกๆมั้ย ถ้ามีธุระจะแวะมาเยี่ยมแจจุงทำไม แล้วทำไมไม่รอให้เสร็จธุระก่อนค่อยมา...ว่ามั้ย?”จุนซูเอาคางเกยขอบเตียงโลหะเอ่ยถามเพราะเก็บความสงสัยไม่อยู่  แจจุงมองตามร่างที่พ้นสายตาไปแล้วก็หันมายิ้มให้คนเจ้าปัญหา
“ก็ไม่นี่ ว่าที่หมอก็แบบนี้แหละ อ้าว...ไม่ต้องชวนคุยแล้ว ถ้าง่วงก็ไปนอนซะ นู่นโซฟาอยู่นู่น เห็นมั้ย ไม่ต้องมาอ้อน ไปเลยนะ ไม่ต้องมาทำตาแป๋ว ไปนอนได้แล้ว”เสียงหวานดุใส่
“หรือจะกลับไปนอนบ้าน???”
“ไม่กลับนะ!...ไปนอนก็ได้”เพราะความไม่อยากกลับบ้านโดยแท้ จุนซูจึงได้ยอมซุกตัวลงกับโซฟานุ่มที่มีผ้าห่มกับหมอนนุ่มวางเตรียมเอาไว้พร้อม ไม่นานคนที่บอกไม่ง่วงๆก็เข้าสู่นิทราแสนสุข แจจุงได้แต่นั่งมองเพื่อนรักหลับอย่างเป็นสุข กลายเป็นคนป่วยต้องมานั่งเฝ้าคนเยี่ยมไข้ซะอย่างนั้น

~ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ~

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง สงสัยจะเป็นคุณหมอ อะ...อ้าวว...ไม่ใช่แหะ แจจุงโค้งทักทายอาจารย์หนุ่มรูปหล่อ ไม่แปลกใจสักนิดที่เห็นอาจารย์ปาร์ค เพราะคิดว่ายังไงยูฮวานก็ต้องโทรบอกอยู่แล้วว่าจุนซูอยู่กับเขา ทันทีที่เข้ามาในห้องก็กวาดตามองหาคนที่คิดถึงเป็นอันดับแรก ร่างเล็กคนขดตัวกับผ้าห่มผืนบาง ยูชอนโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เจอซะทีนางฟ้าตัวน้อยของพี่ ไม่รู้ว่าตัวเองยืนมองท่าทางยามหลับใหลของคนอันเป็นที่รักนานเพียงใด จนกระทั่งเสียงแหบเอ่ยทักขึ้นมาก่อน
“สวัสดีครับอาจารย์ปาร์ค มารับจุนซูเหรอครับ?”แค่ถามไปตามมารยาทเท่านั้น เพราะท่าทีของอาจารย์หนุ่ม แสดงออกชัดเสียจนไม่จำเป็นต้องบอก  อาจารย์หนุ่มหันมามองคนป่วยอย่างเก้อเขิน นี่เขามองจุนซูเพลินจนลืมสนใจแจจุงไปเลยเหรอเนี่ย ใบหน้าหล่อขึ้นสีเล็กน้อยอย่างอายๆ
“อะ...เอ่อ...สวัสดีครับ เออ...แจจุงเป็นยังไงบ้าง”คนป่วยส่งยิ้มให้บางๆ ค้อมตัวลงอย่างเคารพ
“ดีขึ้นแล้วครับ แล้วนี่มารับจุนซูใช่มั้ยฮะ?”ยูชอนพยักหน้ารับ ร่างบางบุ้ยใบ้ไปทางคนขี้เซา นินทาคนหลับลึกอย่างสนุกปาก
“เจ้านี่ขี้น้อยใจมากฮะ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็รบกวนอาจารย์ง้อเขาหน่อยแล้วกันนะฮะ เห็นแบบนี้เวลาโกรธขึ้นมาก็พายุลูกย่อมๆเลยล่ะ”ยูชอนยิ้มให้แจจุง รู้สึกเอ็นดูร่างบอบเบาไม่น้อย ตอนเจอกันแทบไม่เคยคุยกัน เขาเลยคิดไปเองว่าแจจุงดูเงียบขรึม แต่ดูท่าจะคุยเก่งไม่แพ้จุนซูของเขาหรอก แจจุงชวนยูชอนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ติดอยู่ตรงที่ยังเรียกเขาว่าอาจารย์ปาร์คทุกคำ ฟังดูห่างเหินแปลกๆ
“เออ...แจจุงครับ”ยูชอนพูดขัดขึ้นมา ทำให้คนช่างคุยอ้าปากค้าง หรือว่าอาจารย์ปาร์คจะรำคาญ แต่ยูชอนก็หัวเราะผ่อนคลายแล้วพูดต่อ
“ช่วยเรียกพี่ว่า พี่ยูชอนเหมือนจุนซูเถอะ ได้ยินแจจุงเรียกอาจารย์ปาร์คๆฟังแล้วมันแปลกๆยังไงไม่รู้ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ”คำพูดจริงจังของยูชอนทำให้แจจุงหัวเราะดังลั่น อาจารย์ปาร์คเขาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้ด้วยเหรอ  แต่ก็ดีจะได้ดูสนิทกันแจจุงจึงรีบรับคำอย่างเอาใจ
“ก็ได้ฮะ งั้นพี่ยูชอนพาเจ้านี่กลับไปนอนที่บ้านเถอะฮะ”อาจารย์หนุ่มยิ้มด้วยความพอใจแล้วหันไปช้อนร่างที่ขดตัวจนกลายเป็นก้อนกลมๆพันกับผ้าห่ม ค่อยๆคลี่ผ้าออกจากตัวนุ่มนิ่มที่เขาชอบกอด ก่อนจะยกขึ้นมาไว้ในวงแขนอุ่น ไม่ลืมที่จะหันไปเอ่ยคำลากับคนป่วยที่นอนมองเขาตาใสแป๋วแต่แววตาฉายแววล้อเลียนไม่เลิก ยูชอนแกล้งทำเป็นไม่สนใ แต่ก็เขินแทบเก็บอาการไม่อยู่...ก็แจจุงเล่นมองจับผิดกันขนาดนั้น
“งั้นพี่ไปก่อนนะ...แจจุง แล้วจะพาจุนซูมาเยี่ยมใหม่ แจจุงก็นอนพักผ่อนได้แล้วนะ”เสียงทุ้มพูดรัว
“ฮะพี่ยูชอน ขอบคุณนะฮะที่มาเยี่ยม พี่ก็อย่าลืมเคลียร์กับจุนซูให้เรียบร้อยนะฮะ”คนป่วยเอ่ยเสียงใส หวังว่าพี่คงจะเคลียร์กับเจ้าอวบเรียบร้อยนะฮะ
“ครับ แจจุงก็หายเร็วๆนะ พี่ไปก่อน”ยูชอนหันมารับคำ ก่อนเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย ซึ่งสวนทางกับคุณหมอจุนกิที่เข้ามาตรวจอาการอีกครั้งก่อนให้ยาบำรุงร่างกาย แล้วจัดแจงบังคับให้คนป่วยญาติเยอะได้นอนพักผ่อนเสียที ร่างบางจึงได้พล่อยหลับไปด้วยความอ่อนล้าของร่างกาย ตั้งแต่คุณหมอหนุ่มขออนุญาตให้พยาบาลทำความสะอาดแผลแล้ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะวันนี้เขาเพลียมากจริงๆ เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆจนกระทั่งปิดสนิทก่อนจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา

...เรื่องข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็คงต้องปล่อยมันเป็นไป...
                               เรื่องของอนาคต!


1 ความคิดเห็น: