2554/09/27

Part…38 มิตรภาพ

Title : [Fic] หมอ...llจิตll 
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…38 มิตรภาพ

หมอหนุ่มจุนกิให้ยาคลายเครียดทางสายน้ำเกลืออีกครั้งก่อนออกจากห้องผู้ป่วย ไม่ลืมที่จะกล่าวย้ำคนเฝ้าไข้เรื่องอาการทางประสาทของคนป่วยที่ยังคงหลับลงด้วยฤทธิ์ยาอย่างกังวลจัด ใบหน้าซีดเผือดของคิม จุนซูซึ่งเกาะขอบเตียงโลหะแน่น สายตาจดจ่ออยู่กับใบหน้าที่ไร้สีเลือดของเพื่อนรัก เฝ้าดูอาการผิดปกติแบบไม่ยอมกระพริบตาด้วยความเป็นห่วงแล้วก็รู้สึกผิดมากจริงๆที่ไปเซ้าซี้ให้แจจุงพูดมันออกมา เขาคิดว่าการได้ระบายออกมาจะทำให้อาการดีขึ้นแต่ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นแจจุงดูแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก น้ำตาเม็ดโตรินไหลออกมาไม่หยุด

ขอโทษนะ...แจจุง ชั้นขอโทษ

คำพูดเมื่อครู่ของคุณหมอหนุ่มยังดังแว่วในหัว
อย่าพึ่งพูดอะไรที่มันกระทบจิตใจของคนไข้นะครับ ถึงแม้คนไข้จะมีพฤติกรรมการแสดงออกเช่นเดียวกับคนปกติ แต่ว่า ภายในจิตใจยังคงมีสิ่งที่ปกปิดเอาไว้ ไม่ต้องการให้ใครรู้ ตอนนี้คุณอย่าเร่งรัดให้เขาเล่าอะไรที่เขาไม่อยากรับรู้มันให้ฟังเลยนะครับ หมอกลัวคนไข้จะช็อค”
“แสดงว่าเพื่อนผมมีอาการผิดปกติทางจิตเหรอฮะ?”จุนซูขึ้นเสียงสูงอย่างตกใจ
“ใจเย็นก่อนครับมันอาจไม่ร้ายแรงถึงขนาดนั้น แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่างด้วย ตอนนี้เพื่อนคุณอยู่ในความดูแลของหมอแล้วนะครับ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป สิ่งที่เพื่อนคุณประสบมานั้น มันเสมือนความทรงจำอันเลวร้ายที่ฝังลึกลงไปเกาะกุมจิตใจส่วนที่ลึกที่สุด อาการที่หมอสังเกตได้ ณ ขณะนี้คงจะเป็นการแสดงออกว่ารังเกียจตัวเองมาก คือเพื่อนคุณเลือกที่จะโทษตัวเอง เขาคิดว่าสิ่งที่เกิดเป็นความผิดของตัวเขาเอง การแสดงออกของเขาจึงอยู่ในรูปแบบของการทำร้ายร่างกายตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนเจอเรื่องแบบนี้ ที่ยังรู้สึกหวาดผวาหรือหลอนตัวเองด้วยเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อได้รับสิ่งเร้าน่ะครับ อืม...คือผมหมายถึงเมื่อมีสิ่งกระตุ้นให้นึกถึงมันน่ะครับ อย่าคิดมากสิครับ คุณต้องให้กำลังใจเขามากๆนะ”
“แล้วแจจุงจะ...”แค่คิดแต่จุนซูไม่กล้าพูดออกไป หมอหนุ่มราวกับรู้เท่าทัน รีบพูดตอบในประเด็นที่สงสัย
“เสียสติน่ะเหรอ เฮ้ย...คุณอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมแค่ลองต่อคำที่คุณพูดค้างเอาไว้ ตอนนี้เพื่อนคุณอยู่ในระหว่างการรักษาหมอคงยังตอบอะไรมากไม่ได้ ต้องรอดูอาการเป็นระยะก่อน ขอให้คุณใจเย็นๆนะครับ แล้วสภาพจิตใจของเพื่อนคุณในช่วงนี้ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ”หมอหนุ่มตอบ ก่อนส่งยิ้มอบอุ่นเพื่อให้คนน่ารักได้คลายกังวล
“อ่า ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
จุนซูสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสถึงความเย็นที่บริเวณข้อมือ สติลอยละล่องไร้จุดหมายจากการตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด เพียงความเย็นวาบเล็กน้อยก็พลันเรียกสติตัวเองกับมาได้จนหมด ก่อนเพ่งมองภาพตรงหน้าอีกครั้งอย่างไม่ค่อยแน่ใจ สายตาปะทะกับดวงตากลมโตทว่าแดงก่ำของคนป่วยที่ยังอุตส่าห์มีแก่ใจส่งรอยยิ้มเซียวๆมาให้เห็นแล้วสะท้อนใจจนจุนซูออกอาการเบะปากเตรียมปล่อยโฮอีกครั้ง
“แจจุงชั้นขอโทษ ชั้นไม่น่าพูดถึงมันเลย ฮึกกก”เพื่อนตัวอวบทิ้งตัวกับราวโลหะที่คุณหมอจุนกิขยับขึ้นมากั้นเตรียมพร้อมเผื่อแจจุงคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมาอีก กลายเป็นที่วางลำตัวอวบอัดของคนน่ารักที่ก้มหน้าสะอื้นไห้ไม่หยุด มือที่ยังไม่หยุดสั่นวางลงบนศีรษะกลมอย่างรักใคร่ลูบเบาๆอย่างปลอบโยน
“ไม่เอาน่าจุนซู มันไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย ไม่ร้องไห้นะ”แจจุงกล่าวเสียงอ่อน จุนซูเงยมองพลางตอบเสียงอู้อี้สูดน้ำมูกเข้าไปข้างในเสียงดังฟืดฟาด
“ชั้นก็ไม่อยากร้อง แต่มันห้ามน้ำตาไม่ได้นี่นา ชั้นเสียใจจริงๆ ฮื่อๆๆๆ”
“แค่นายไม่รังเกียจชั้นก็พอแล้ว จุนซู”เสียงแหบพูดอย่างน่าสงสาร น้ำตาที่เก็บกักเอาไว้ไม่อยากให้รินไหลอย่างคนอ่อนแอ ร่วงหล่นลงมาอาบสองข้างแก้มอย่างไม่อาจฝืน จุนซูคว้าลำตัวบางที่ก้มหน้าชิดกับอกมาโอบกอดแนบแน่นอยากถ่ายทอดความอบอุ่นที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดให้แก่เพื่อนที่เขารักมากที่สุด
“ไม่มีทาง ชั้นรักนายจะตาย ชั้นจะไม่ร้องแล้ว แจจุงอย่าร้องไห้อีกนะ”จุนซูกอดแจจุงแน่นทั้งเห็นใจและอดที่จะสงสารกับโชคชะตาของเพื่อนรักไม่ได้ ถึงจะช่วยเหลือเพื่อนรักไม่ได้แต่เขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจแจจุงเสมอ จุนซูลูบแผ่นหลังแผ่วเบาจนกระทั่งร่างบางเริ่มสงบ จุนซูจึงค่อยผละออกมามือเล็กเช็ดน้ำตาที่เกาะไปทั่วดวงหน้าสวยดั่งเจ้าหญิงเช่นเดียวกับแจจุงที่ส่งมือไปเกลี่ยคราบน้ำตาใสของคนตรงหน้าเช่นกัน
คำถามก่อนหน้านี้ดังแว่วขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสบนัยน์ตาหวาน “คุณหมอฮะ ทราบหรือเปล่าว่าใครเป็นคนพาแจจุงมาส่งโรงพยาบาล แล้วเขาบอกมั้ยฮะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเพื่อนผมถึงเป็นแบบนี้?”คุณหมอหนุ่มชะงักไปนิด ก่อนตอบคำถามคนขี้สงสัย
“คนที่พาคนไข้มาส่งถึงมือหมอคือหมอยุนโฮน่ะ เขาเป็นคนรักของแจจุงไง คุณไม่รู้จักเหรอ อืม...ส่วนเรื่องมันเป็นมายังไง หมอไม่ทราบจริงๆครับ”คำตอบไม่ได้สร้างความกระจ่างซ้ำยังเพิ่มความสงสัยในใจของจุนซูเข้าไปอีก  อุตส่าห์แกล้งถามเพราะเขาก็พอรู้เรื่องบางส่วนจากยูฮวานแล้ว แต่...ยุนโฮหรอ???  รู้จักสิแถมรู้จักดีเสียด้วย แล้วทำไมถึงเป็นยุนโฮล่ะ? แล้วแจจุงรู้เรื่องนี้มั้ย? คำพูดหมอหนุ่มที่วนเวียนในหัว ทำให้คนน่ารักเผลอมองหน้าเพื่อนนิ่ง

ป๊าบ!!!!! เสียงตบไหล่ดังพร้อมกับเสียงร้องลั่นของคนใจลอย
“เหม่อไปถึงไหนแล้ว...เจ้าอวบ”จุนซูส่งค้อนวงโตก่อนทำเนียนพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อน เขารู้ตัวว่าโกหกไม่เก่งโดยเฉพาะกับแจจุง ถึงจะสงสัยเรื่องของยุนโฮแต่จะให้พูดยังไงได้ล่ะ
“เปล่าสักหน่อย แค่กำลังคิดเรื่องเมื่อวาน ยังดีนะที่พี่ฮีชอลโทรมาหา ฝากให้บอกนายว่า ต้องดูแลร้านแทนพี่ซีวอนที่รีบเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงนี้ให้นายมานอนที่บ้านชั้นก่อนไม่งั้นถ้าพี่ฮีชอลมาเจอนายสภาพแบบนี้ เฮ่อ...แค่คิดก็สยองแล้วอ่ะ”แจจุงขำกับท่าทางหวาดกลัวของจุนซูที่แสดงออกมาเกินเหตุ
“ชั้นคงต้องรีบหายเร็วๆแล้วสินะ”จุนซูบีบมือแจจุงแน่น
“ไม่ต้องห่วงนะแจจุง มีชั้นอยู่ทั้งคน”พูดออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเพื่อนได้ แต่ก็เรียกรอยยิ้มของคนป่วยให้ประดับบนใบหน้าสวยอีกได้ครั้ง
“แล้วโบอาล่ะ นายจะบอกเธอว่ายังไง ชั้นเห็นมิสคอลมาเป็นร้อยแล้วมั้ง”มือน้อยคว้าโทรศัพท์แจจุงขึ้นมาโชว์หลาชิดใบหน้า ใกล้เกินจนแจจุงต้องผลักออกห่างแต่คนน่ารักยังไม่ยอมทำตาม  แจจุงหรี่ตามองหน้าจุนซูอย่างเกียจคร้าน
“ไม่รู้สิ นายคิดว่าชั้นควรบอก อะไรกับเธอ?”
“ก็แค่โทรไปบอกว่านายสบายดีก็พอมั้ง ไม่ต้องพูดรายละเอียดอะไรหรอก อย่าลืม...โบอารู้จักพี่ฮีชอล ถ้าเกิดไปถามด้วยตัวเอง นายลำบากแน่ แจจุง”ก่อนเจ้ากี้เจ้าการยัดเครื่องมือสื่อสารใส่มือเพื่อนแกมบังคับให้ทำตามเดี๋ยวนี้ แจจุงมองอย่างชั่งใจยังไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วหรือเปล่า
“เอางั้นหรอ???ที่ถามก็เพราะยังลังเลอยู่ไม่น้อย
จุนซูพยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ แจจุงสูดลมหายใจเต็มปอดสองสามครั้งเรียกขวัญและกำลังใจ มันก็จริงอย่างจุนซูพูด ถ้าปล่อยไว้อาจยุ่งยากไปกันใหญ่ ปลายนิ้วกดปุ่มโทรออกแค่เสียงสัญญาณดังครั้งเดียว เสียงหวานใสของหญิงสาวก็ดังก้องมาจากต้นสาย
“ฮัลโหล...แจจุง คุณเป็นยังไงบ้าง โบอาเป็นห่วงคุณมากนะคะ”เสียงร้อนรนยิงคำถามไม่หยุด
“พวกมันทำอะไรคุณมั้ย...แล้วคุณอยู่ที่ไหน? โบอาพยายามติดต่อคุณตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่มีคนรับสายเลยแจจุง คุณฟังโบอาพูดอยู่หรือเปล่าคะ?”
“บะ...โบอาครับ ใจเย็นๆ ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย”แจจุงอธิบาย
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่โบอาวิ่งหนีคะ...แจจุง”เสียงหวานยังคงดูตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อแจจุงยังไม่ยอมพูดให้กระจ่างในสิ่งที่ตนอยากรู้ทั้งหมด
“มันไม่มีอะไรหรอกครับ ผมโดนต่อยนิดหน่อยแล้วพอดีมีตำรวจผ่านมาผมก็เลยวิ่งหนี ขอโทษนะโบอาที่ไม่ได้โทรบอกคุณก่อน แจจุงพูดพลางเหลือบตามองเพื่อนตัวอวบที่คอยบงการเขาอยู่ใกล้ๆ
“คุณอยู่ที่ไหนคะ ให้โบอาไปหามั้ย?”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงตั้งแต่ได้ยินว่าแจจุงโดนทำร้าย อยากไปดูให้แน่ใจว่าแจจุงไม่เป็นอะไรจริงๆ แจจุงมองหน้ากลมใสของเพื่อนรักที่ส่ายหัวไปมาจนผมกระเซิง เขาหลุดขำออกมาก่อนรีบเอามือปิดปากแน่น หวังว่าโบอาคงไม่ทันได้ยินนะ
“ไม่ต้องหรอกครับพอดีวันนี้ผมมาค้างบ้านจุนซูน่ะ อืม...โบอาครับแค่นี้ก่อนนะแล้วผมจะโทรหาคุณใหม่”
“อ่า ก็ได้ค่ะ พักผ่อนเยอะๆนะคะ”หญิงสาวเอ่ยก่อนวางสายไป ทั้งแจจุงและจุนซูถอนหายใจออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอก ผ่านไปแล้วหนึ่งปัญหาจนได้ เมื่อตัวเองสบายใจก็พลันนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่ได้รับรู้มา ดูคล้ายกับว่าจุนซูเองก็มีเรื่องต้องเคลียร์กับอาจารย์หนุ่มสุดหล่อ แจจุงโน้มคอของเพื่อนรักไม่ให้เตรียมขยับหนีไปไหนก่อนเริ่มสอบสวนผู้ร้ายปากแข็งขึ้นมาบ้าง
“ว่าแต่ เรื่องของจุนซูกับอาจารย์ปาร์คล่ะ มันเป็นยังไง?”คำถามสั้นแต่ตรงประเด็นสุดๆของแจจุง เล่นเอาคนช่างคิดทำหน้าเลิกลั่กอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องมาทำเป็นใบ้เอาตอนนี้เลยนะจุนซู บอกมาให้หมด มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนายกับอาจารย์ปาร์คสุดหล่อ”จุนซูปล่อยลมหายใจออกมาแรงๆ เงยหน้ามองใบหน้าดุของแจจุงอย่างออดอ้อน น่าหมั่นเขี้ยวเสียจนโดนแจจุงหยิกแก้มอิ่มจนแดงเถือกไปหมด คนน่ารักเบะปากอย่างงอนๆส่งเสียงอ่อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอก แจจุง”ปากพูดไปอย่างนั้น แต่สีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนรักมันฟ้องออกมาจนหมดแล้ว!
“คิม จุนซู!”เสียงเรียกชื่อเต็มยศแบบนี้แปลได้อย่างเดียวว่าแจจุงกำลังโกรธ  จุนซูหน้าเศร้าลงทันทิเขารู้ว่าทำแบบนี้แล้วแจจุงต้องไม่พอใจแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงบางทีอาจเป็นตัวเขาเองก็ได้ที่เป็นฝ่ายงี่เง่าเกินไป แต่พี่ยูชอนผิดนัดของเราเพื่อมาคุยสนุกกับผู้หญิงในห้องนอนเพียงสองต่อสองซ้ำยังนอนกอดก่ายหัวเราะกันฟังดูน่ามีความสุขบนเตียงนอนของพี่ยูชอนอย่างนั้นน่ะหรอ? เรื่องนี้น่าจะเพียงพอให้จุนซูรู้สึกไม่พอใจได้ใช่ไหมหรือว่าจุนซูยังไม่มีสิทธิ์? ร่างเล็กจมอยู่กับภวังค์อย่างเศร้าซึมจนแจจุงพูดขึ้นมาขัดความเงียบที่เพื่อนรักสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเองเอาไว้
“จุนซู...เรื่องมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ อ๊ะ...พยุงชั้นลงจากเตียงทีสิ”มือที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางจับข้อมือขาวของจุนซูให้เกาะบริเวณเอวค่อดบางของตนก่อนส่งมือเรียวคล้องลำคอของเพื่อนรักทำท่าจะลงจากเตียงผู้ป่วย จุนซูสะดุ้งหลุดออกมาจากภวังค์อย่างมึนงง นี่เพื่อนเขาเกิดคิดจะทำอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย จุนซูมองหน้าแจจุงอย่างไม่เข้าใจ
“แจจุงปวดฉี่หรอ?”คำพูดซื่อๆของคนน่ารัก ทำเอาแจจุงหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เปล่า...ชั้นก็แค่จะไปจัดการอาจารย์ปาร์คให้จุนซูไง”แจจุงพูดอย่างจริงจัง พลางยกมือขึ้นชูกำปั้นอย่างอวดเก่ง  จุนซูมองสภาพของเพื่อนรักอย่างขำๆก่อนที่จะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
“ด้วยสภาพแบบนี้เนี๊ยะนะ...พรืดดด~~ ฮ่าๆๆๆ ชั้นรักนายจังแจจุง^^”ใบหน้ากลมซุกลงกับอกคนป่วย ทั้งสองเพื่อนซี้กอดกันแน่น
“ชั้นก็รักนาย...จุนซู ถ้าเขาทำให้เพื่อนรักของชั้นเสียใจ ชั้นก็ไม่ยอมเหมือนกันนะ จะบอกให้!!!
“รู้แล้วๆ คิคิ ชั้นจะเล่าให้ฟังก็ได้ นายฟังแล้วอาจจะว่าชั้นงี่เง่าก็ได้นะ...แจจุง”
“เล่ามาเถอะ...ลีลาเยอะจริงๆเจ้าอ้วนนี่”
แล้วเรื่องราวที่จุนซูเห็นทั้งหมดก็ถ่ายทอดออกมาให้แจจุงได้รับรู้มันจนหมดสิ้นตลอดเวลาที่จุนซูพูด แจจุงเพียงแต่รับฟังเงียบๆ ปล่อยให้จุนซูได้ระบายทุกสิ่งออกมาจนหมด เพื่อนรักของเขาจะได้สบายใจขึ้นบ้าง  ถ้าเป็นตัวเองจะทำยังไง? ก็คงจะวิ่งหนีความจริงออกมาแบบจุนซูเหมือนกัน ดังนั้นที่จุนซูทำแบบนี้เขาเข้าใจและไม่คิดตำหนิอะไรเพื่อนเลยสักนิดเดียว
“เอ่อ...แล้วไม่คิดถามอาจารย์ปาร์คสักหน่อยหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เกี่ยวข้องกันยังไงน่ะ?”
                ..............
“มาจากไหนและ สำคัญกับอาจารย์ยังไง?”แจจุงส่งคำถามออกมาไม่หยุดหย่อน จนจุนซูต้องยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ก่อนที่จะยิงคำถามอื่นเพิ่มเติม
“ดูแจจุงอยากรู้มากกว่าชั้นอีกนะ คำถามเยอะแยะขนาดนี้ใครจะกล้าถามเล่า”จุนซูพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันเพียงแต่ มันไม่กล้า เฮ่อ~
“จุนซู ไม่อยากรู้ความจริงเหรอ?”

ทำไมจะไม่อยากรู้ล่ะ เพียงแต่ใจชั้นยังไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริงก็เท่านั้น!

“พูดตรงๆนะแจจุง อยากรู้สิ แต่ชั้นกลัว...คำตอบ ชั้นก็แค่เด็กน้อยสำหรับเขาเท่านั้นแหละ” น้ำเสียงของจุนซูดูเศร้า จนแจจุงเอื้อมมือมากุมมือที่กำผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดจนยับยู่ยี่ไปหมด

ขี้ขลาดจริงๆ คิม จุนซู

“ถ้าจุนซูอยากร้องไห้ชั้นจะร้องเป็นเพื่อนเองนะ อย่าคิดมากเลย”

เพราะเรื่องของจุนซู ก็คือ เรื่องของแจจุง

แจจุงสบตาเพื่อนอย่างจริงใจ จุนซูคลี่ยิ้มออกมาบางๆสลับกับส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วย ความรู้สึกดีขึ้นมาเป็นลำดับ สบายใจมั้ง อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีเพื่อนที่ดี อย่างแจจุงอยู่เคียงข้าง
“รู้มั้ยจุนซู รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของนาย ทำให้ชั้นมีความสุข”
“ถ้าไม่มีแจจุง ชั้นก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน”



ขณะติดไฟแดงสายตาคมก็สอดส่องมองหารรถแท็กซี่ที่ยังไม่น่าจะไปไหนได้ไกลนัก มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาจุนซูก่อนจะพบว่ามันดับและไม่สามารถเปิดขึ้นมาได้อีก
แบตหมดได้ไงว่ะเนี่ย!”ทุกกำปันที่พวงมาลัยอย่างโมโห เค้ารอโทรศัพท์จากจุนซูเพื่อที่จะไปรับร่างเล็กแต่ก็ไม่ได้นึกเอะใจว่าแบตมันจะมาหมดกะทันหันแบบนี้
จะทันนัดมั้ยล่ะเนี่ย...ยูชอนเอ้ยยยยูชอนเริ่มหัวเสียมากขึ้นกว่าเก่า คงเพราะเพื่อนสนิทตัวยุ่งที่อยู่ๆก็โผล่มาเซอร์ไพร์เค้าหน้าตาเฉย  เลยทำให้ลืมไปเลยว่าวันนี้ต้องไปทานข้าวที่บ้านของจุนซูเพราะเห็นจุนซูบอกว่าพี่ชายอยากพูดคุยและฝากฝังคนตัวเล็กให้เค้าเป็นคนดูแลแทนระหว่างที่พี่ชายของจุนซูไม่มีเวลา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ความมั่นใจในตัวของอาจารย์หนุ่มลดน้อยลงจนแทบจะไม่มีเปอร์เซ็นความกล้าหลงเหลืออยู่เลย ไม่กล้าจะเจอหน้าจุนซูแล้วไหนจะพี่ชายของจุนซูอีก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เค้าจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม  วันนี้โชคอาจจะไม่ได้เข้าข้างยูชอนก็เป็นได้ เวลานัดเรทมาครึ่งชั่วโมงเพราะการจราจรที่ติดขัด สูดอากาศหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจที่หายไปไหนหมดแล้วไม่รู้ให้กลับมา  กดกริ่งหน้าบ้านและเพียงไม่นานคนที่หน้าตาคล้ายกับคนรักของเขาหากแต่ดูสูงโปร่งกว่ามากแถมยังดูเป็นผู้ใหญ่อยู่มากต่างกับจุนซูโดยสิ้นเชิง เดินมาพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย
นายคือยูชอนใช่มั้ย?
อะ...ครับ ผมปาร์ค ยูชอนยูชอนโค้งศีรษะทักทายด้วยความนอบน้อม โดยรวมแล้วยังไงพี่จุนโฮคงจะอายุมากกว่าเค้าแน่นอน
แล้วจุนซูล่ะ...ไหนบอกจะมาพร้อมกับนายไง?ชะเง้อมองหาร่างเล็กอีกคน
เค้ายังมาไม่ถึงหรอครับ?คำถามนี้ทำเอาจุนโฮถึงจ้องยูชอนตาเขม่ง ไหงมาย้อนถามเขาแบบนี้ล่ะ!!!
มาย้อมถามชั้นแบบนี้แล้วชั้นจะไปถามใคร...นี่อย่าบอกนะว่านายไม่ได้ไปรับจุนซูน่ะจุนโฮเริ่มขึ้นเสียงรู้สึกไม่พอใจคนตรงหน้านี้เสียแล้ว
เอ่อ...ครับ...พอดีแบตมือถือผมมันหมดแล้ว...ยูชอนพยายามอธิบายให้คนใจร้อนตรงหน้าได้เข้าใจแต่ดูเหมือนจุนโฮจะไม่อยากฟังมันสักเท่าไหร่
แล้วนายก็คลาดกับน้องชายชั้น...แบบนั้นใช่หรือเปล่า?
เอ่อ...คือ...เรื่องมันยาวนะฮะใบหน้าขาวใสของชายหนุ่มเริ่มซีดลงทุกขณะ ยูชอนไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง...ให้ตายสิ!
งั้นชั้นจะช่วยให้มันสั้นและกระชับขึ้นก็แล้วกันจุนโฮกดต่อสายหาน้องชายตนเองทันที
จุนซู...นี่เราอยู่ที่ไหนน่ะ?เสียงทุ่มเอ่ยถาม สายตาดุๆยังคงจ้องยูชอนไม่ลดละ จนคนที่ถูกมองถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
แล้วเราไปทำไมที่นั่นล่ะ?...อ่อๆ แล้วพี่จะบอกให้นะเมื่อวางสายไปแล้ว จุนโฮก็เดินเข้ามาใกล้ยูชอนมากขึ้นถึงแม้ในใจจะกลัวจุนโฮมากแค่ไหนแต่เพื่อความรักของเขากับจุนซูแล้ว ยูชอนยอมได้เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม(เหมือนจะคนละเรื่องกันแล้วนะ...ไก่- -+)
ขอโทษทีนะที่ชั้นดุนายไปแบบนั้น...จุนซูบอกว่าเค้าเป็นคนผิดนัดนายแล้วตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาล น้องชั้นเองสินะที่ผิดนัด จุนซูนี่แย่จริงๆไม่ตรงเวลาเอาเสียเลย...อ่อ...จุนซูฝากบอกนายด้วยว่าวันนี้เค้าไม่อยากเห็นหน้านาย เหมือนจุนซูจะงอนนายเลยนะว่ามั้ย?  ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนผิดนัด ไหงมาโกรธเราแบบนั้นกันล่ะ ฮ่าฮา...พี่ว่าเรารีบตามไปง้อ เอ้ย ไปหาจุนซูเถอะนะ^^”จุนโฮเอ่ยอย่างใจดีผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ ยูชอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกขอบคุณคนรักที่ถึงแม้ว่าจะโกรธเขามากแค่ไหนแต่จุนซูก็ยังออกรับและแก้ตัวแทน แต่เล่นฝากประโยคบอกเล่าที่ดูก็รู้ว่าจุนซูคงไม่อยากจะเห็นหน้ามากแค่ไหน ผ่านพี่จุนโฮมาแบบนี้แล้วใครจะไม่สงสัยกัน...TT
จุนซูเค้าเป็นอย่างนี้แหล่ะครับ...แต่ก็น่ารักเสมอเลย^^”
ฮ่าฮาจุนโฮหัวเราะชอบใจส่วนยูชอนนั้นก็ยิ้มสู้เช่นกันอย่างชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศตึงเครียดเริ่มคลี่คลายลงแล้วในตอนนี้
ไม่ว่าจะผิดหรือถูกนายก็ต้องเป็นฝ่ายง้อจุนซูสินะ
เอ่อ...ก็ประมาณนั้นมั้งครับ...แหะๆๆยูชอนยิ้มตายี๋ เอออออย่างคนรู้จักเอาตัวรอด - -+
งั้นก็รีบไปง้อจุนซูสิ...รู้ใช่มั้ยว่าจุนซูชอบกินช็อคโกแลตน่ะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนเข้ากันได้ดีแถมยังคุยกันถูกคออีกต่างหาก - -+
งั้นก็รีบไปซื้อมาง้อซะนะ จุนซูแกเป็นเด็กใจอ่อน...อ่า...ชั้นต้องไปทำงานต่อแล้ว ไว้โอกาสหน้าเราคงจะได้ไปทานข้าวด้วยกันนะจุนโฮเอ่ยทั้งรอยยิ้ม 
ฮะ...เช่นกันฮะเอื้อมมือไปจับก่อนจะเอ่ยลา  เมื่อรอส่งพี่จุนโฮเรียบร้อยแล้วยูชอนก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานั้นลืมถามพี่จุนโฮไปเลยว่าจุนซูไปทำอะไรที่โรงพยาบาล ไม่ทันซะแล้วพี่จุนโฮขับรถออกไปแล้ว ชายหนุ่มไม่รอช้าตอนนี้เรื่องเดียวที่คิดได้คือต้องไปหาจุนซูให้เร็วที่สุด!

~~~  ติ๊ด ~~~
[ไอ้พี่มิค!!!...พี่ทำอะไรจุนซูฮะ ทำไมเขาถึงดูเศร้าแบบนั้น
รีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย...ตามไปง้อให้สำเร็จด้วย นี่คือคำสั่งของผม
ปล.ริคก็โกรธพี่เหมือนกัน!!!]

ยูชอนอ่านข้อความด้วยอาการงุนงง นี่ยูฮวานก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรอเนี่ย? แล้วมาโกรธเค้าเรื่องอะไร?...ไม่ได้การแล้วไงล่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น