2554/09/25

Part…36 ตื่นจากฝันร้าย!

Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : PG
Part…36  ตื่นจากฝันร้าย!

ร่างบางบิดกายอย่างทุรนทุรายบนเตียงโลหะสีเงิน เหมือนจะขยับหนีอะไรบางอย่าง ใบหน้าสวยราวอิสตรีมีเหงื่อเกาะแพรวพราวทั่วทั้งกรอบหน้ารูปไข่ ฟันคมกัดลงบนกลีบปากบวมเจ่อระงับความรู้สึกบางอย่าง เสียงครวญครางอื้ออึงในลำคออย่างทรมาน ก่อนน้ำตาใสจะรินไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท
“อื้อออ...ไม่นะ...ยะ...อย่าทำผม”
เสียงหวานแหบพร่าละเมอออกมาสุดเสียง ก่อนจะกรีดร้องโหยหวนเมื่อภาพที่เรียวขาถูกจับแยกออก พร้อมกับยัดเยียดสิ่งแปลกปลอมเข้ามาเสพสุขกับร่างกายของเขา เสียงครางอย่างสุขสมของมันตัดกับเสียงร้องที่น่าเวทนาของเขา ดังก้องอยู่ในหัว ทำไมมันไม่หายไปสักที มันก็แค่เพียงความฝัน แล้วทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงขนาดนี้!!!

.
.
.

เปลือกตาหนักๆขยับเปิดขึ้นปรับแสงตรงหน้าอย่างยากลำบาก ความร้อนผ่าวโดยรอบหนังตาสีมุก ทำให้ยิ่งยากเย็นกว่าเดิมกว่าจะเปิดขึ้นมารับแสงสว่างจ้าภายในห้อง ดวงตาที่ไม่คุ้นชินกับความสว่างของแสงหรี่ลงอย่างอ่อนล้า  มือเรียวยกขึ้นมาบังดวงหน้าหวานที่เต็มไปด้วยแผลถลอกเล็กๆ กริยาที่เกิดขึ้นอย่างทันควันนั้นเอง ทำเอาเจ้าของเรือนร่างบอบช้ำ ซี๊ดปากออกมาด้วยความเจ็บ แววตาคู่งามสั่นระริกเมื่อเห็นฝ่ามือขาวมีแต่รอยแผลเป็นทางยาวเมื่อเลิกเสื้อตรงต้นแขนก็ปรากฏรอยกัดเขียวอมม่วงเป็นจ้ำๆอย่างน่ากลัว  มือทั้งคู่ถูกยกขึ้นมาดูและรู้สึกได้ถึงความชาแปลบที่หลังมือข้างซ้าย สายน้ำเกลือระโยงระยาเกี่ยวพันถึงสองสาย อันหนึ่งห้อยถุงบรรจุไปด้วยของเหลวใส ส่วนอีกอันห้อยถุงบรรจุไปด้วยของเหลวสีส้มนั้นคือวิตามิน

ยังไม่ตาย...อีกเหรอ ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่!!!

กลิ่นฉุนของยาที่วางตั้งไว้ในแก้วใบเล็กกระทบเข้ามาในโสตประสาท ร่างอ่อนล้าพยุงกายนั่ง ทันทีที่ขยับความปวดร้าวที่ซุกซ่อนไปนานจากการหลับใหลก็ถูกปลุกขึ้นมาทั้งหมด ปวดไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะความแสบที่แล่นผ่านเข้ามาบริเวณสะโพก ราวกับฝันร้ายที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกหน ความทรงจำเลวร้ายที่ได้รับหวนกลับคืนมาอีกครั้ง...อย่างไม่จำเป็น 

ความจริง มันโหดร้ายเสมอ

แจจุงอยากจะลืมมัน อยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันแต่ความจริงมันช่างโหดร้ายยิ่งนัก มือเรียวกระชากเข็มที่เจาะลงบนผิวเพื่อยึดเกาะสายยางขาวใสบรรจุอะไรสักอย่างให้ไหลผ่านเข้ามาในร่างของตัวเองออก เลือดสีแดงสวยไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนข้อมือที่บวมช้ำและเป็นรอยม่วงเข้มตัดกับผิวสีน้ำนมขาวผ่าวของแจจุง กลิ่นคาวคละคุ้งของมันรวมถึงน้ำเลือดข้นที่ยังพุ่งออกมาอย่างไม่หยุด ไม่ได้ทำให้แจจุงรู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เห็น ดวงตาเหม่อลอยมองฝ่ามือของตนที่เหนียวเหนอะเปียกชุ่มไปด้วยสีแดงของเลือดอุ่นๆ   ริมฝีปากเจ่อคลี่ยิ้มอย่างไร้ความรู้สึก เสียงหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ดังขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับภาพในสมองที่ฉายขึ้นซ้ำๆวนเวียนไป--มาอย่างไม่รู้จักจบ
สัมผัสจาบจ้วง ป่าเถื่อนที่ได้รับ เสียงเนื้อกระแทกกายเข้ามารุนแรง ภาพต่างๆมันชัดเจนแม้จะถูกปิดกั้นการรับรู้ทางสายตา แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่อาจเลือนหายไปจากความทรงจำ เสียงกรีดร้องขอให้หยุด ถูกแทนที่ด้วยความเป็นชายที่ยัดเยียดเข้ามาด้วยความหื่นกระหาย แจจุงปิดหู ปิดตา ส่ายหน้าไปมาอย่างเสียขวัญ เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นมาอย่างอัดอั้น
“มะ...มัน...ไม่จริง มะ...ไม่ใช่...เราแค่ฝันไป”
“ไม่จริง ไม่จริง...อ๊ากกกกกกกก!!!!”ร่างบางทิ้งกายลงไปดิ้นอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่ยอมรับความจริง เล็บมือคมจิกกดไปทั่วผิวเนียนขาวที่ปรากฏรอยสีกุหลาบ ผสมกับรอยกัดสีเขียวอมม่วงเข้ม จนเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาชโลมจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
“เอาออกไปให้หมด...สกปรก...มันสกปรก!”แจจุงพูดกับตัวเองเหมือนคนขาดสติ  สิ่งเดียวที่อยู่ในสมองว่างเปล่า คือลบรอยอัปยศที่น่าขยะแขยงเหล่านี้ออกไปให้หมด ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนสะอื้นไห้อย่างหมดแรง ไม่ใช่เพราะเจ็บที่กายเพียงแต่เจ็บที่ใจ ต่อให้ทำยังไงภาพที่อยากจะลบเลือนออกไปกลับผุดขึ้นมาซ้ำๆตอกย้ำว่าร่างกายของตน...ช่างสกปรกเหลือเกิน!

ต้องตายใช่ไหม...ถึงจะหลุดพ้นเสียที?

มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างเยือกเย็น  เขาเห็นมีดปอกผลไม้วางอยู่บนโต๊ะกระจกข้างๆโซฟาที่ใช้สำหรับรับแขกเวลามาเยี่ยมคนป่วย แจจุงพยุงตัวนั่งก่อนปล่อยขาที่เหมือนขาดความรู้สึกไปชั่วขณะก่อนจะยืดลงกับพื้นกระเบื้อง  ความเย็นจัดของแผ่นกระเบื้องสีฟ้ายิ่งสร้างความลำบากในการประคับประคองร่างกายตัวเองให้ก้าวเดินไปอย่างมั่นคง แจจุงเซล้มจนเข่ากระแทกกับขอบโต๊ะ น่าแปลกที่เขากลับไม่มีความรู้สึก มือสั่นเทาเอื้อมออกไปคว้ามีดอย่างไม่ลังเลใจ แจจุงเฉือนคมมีดลงกับผิวเนื้อ เปลือกตาปิดลงเตรียมรอรับความตายที่กำลังโหยหา

แค่...กดคมมีดลงไปอีกนิด ก็จะตัดเส้นเลือดใหญ่พอดี
ตายซะ! จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีก!!!

ร่างบอบช้ำยิ้มเยาะชะตาชีวิตของตัวเอง ความทรมานแบบนี้เขารับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ เขาไม่มีหน้าจะไปพบใครอีกแล้ว

พี่ฮีชอลฮะ แจจุงขอโทษ
จุนซู ชั้นทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
พี่ยุนฮะ แจจุงขอตายซะดีกว่า ถ้าพี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วรังเกียจแจจุง
แจจุงคงจะทนไม่ได้...

แจจุงครุ่นคิดอย่างตัดใจสิน ลมหายใจถูกอัดเข้ามาในปอดแรงๆเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของมัน แต่ทว่า...แจจุงหมดโอกาสทำร้ายตัวเองอย่างที่คิด เมื่อประตูเปิดขึ้นพร้อมกับคนที่ตัวเองรักมากที่สุด
“พะ...พี่ยุน!” เสียงสั่นอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เจ้าของชื่อสาวเท้ายาวๆเข้ามารวบตัวแจจุงไว้ในอ้อมกอดอย่างแสนรัก ฝ่ามือแข็งแรงแย่งมีดออกมาได้สำเร็จก่อนวางไว้ให้ไกลมือคนในวงแขน  เลือดที่ซึมออกมาจากผิวขาวผ่องเปรอะเปื้อนเสื้อกาวน์สีขาวของยุนโฮจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว แจจุงดันแผงอกกว้างออกอย่างผลักไส  ไม่ใช่รังเกียจสัมผัสของยุนโฮแต่รังเกียจร่างกายตัวเองมากกว่า มือบางที่เปื้อนเลือดพยายามเช็ดคราบเลือดที่ติดตามเสื้อกาวน์ของเขาอย่างคลุ้มคลั่ง จนยุนโฮตั้งยึดข้อมือนั่นเอาไว้ก่อนจับศีรษะทุยสวยของคนป่วยพิงซบลงบนบ่า ฝ่ามืออุ่นลูบหัวไปมาอย่างปลอบโยน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ แจจุง พี่ยุนโฮอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ”
ฮึก...ฮือๆๆๆ...แจจุง...กะ...กลัวฮะ
“ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว...ต่อไปนี้พี่จะดูแลแจจุงเอง”
แจจุงร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่หยุด ร่างอ่อนแรงพยายามขืนตัวออกห่างจากอ้อมกอดที่ตัวเองโหยหา เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ยิ่งแจจุงดิ้น วงแขนอบอุ่นก็ยิ่งโอบล้อมแน่นหนา เสียงทุ้มเบสพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่พี่ยุนมีต่อแจจุงได้ มันจะไม่เปลี่ยน...อย่าคิดมากนะครับคนดี”เรียวปากได้รูปจูบทับกลุ่มผมนุ่มนิ่มเป็นเชิงปลอบโยน
“แต่...แจจุงสกปรก น่ารังเกียจ แจ...อื้ออ~~~”ชายหนุ่มหยุดคำพูดของแจจุงด้วยการประกบทับกลีบปากบวมเจ่อที่มองกี่ครั้งก็ทำให้เขายิ่งใจสั่น  เขาไม่ต้องการได้ยินคำกล่าวโทษตัวเองออกมาจากกลีบปากสวยอีกแล้ว ลิ้นหนาถือโอกาสแทรกเข้าไปฉกฉวยความหอมหวานภายในอย่างคุ้นเคย ไม่รุนแรงมีแต่รสสัมผัสที่บรรจุไปด้วยไอของความรักเนิ่นนานจนคนที่ถูกดูดกลืนความเป็นตัวของตัวเองไปจนสิ้นอย่างแจจุงสำลักออกมาเพราะขาดอากาศหายใจ พวงแก้มมีรอยช้ำแดงก่ำ เลือดเริ่มสูบฉีดไปทั่วร่างกายอีกครั้ง หลังจากที่เหมือนมันหยุดทำงานไปพักใหญ่ หัวใจด้านชาจากความเจ็บปวดที่ได้รับกลับเบ่งบานด้วยความชื่นฉ่ำ ความสุขที่สูญหายกำลังจะกลับมาอีกครั้ง

หัวใจที่เหี่ยวเฉาเริ่มกลับมา เต้น เป็นจังหวะปกติอีกครั้งอย่างมหัศจรรย์
แค่เพียงลมปากหวานหูจากชายคนหนึ่งกับวงแขนอบอุ่นที่โอบล้อมเขาด้วยความรัก
นี่เป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่ฝันไป?

“ใครบอก...แจจุงของพี่ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง หอมหวานและก็ น่ากิน”ยุนโฮพูดติดตลก
“ชุดพี่ยุนเลอะหมดแล้ว เพราะแจจุงแท้ๆเลย”แจจุงเปลี่ยนเรื่องพูดแก้เขิน พูดอะไรอย่างนั้นนะ...พี่ยุนบ้า
ยุนโฮฉีกยิ้มให้คนเฉไฉตรงหน้า ค่อยๆสอดมือเข้าไปประคองเอวค่อดบางแล้วยกร่างที่นั่งอยู่กับพื้นเย็นเฉียบขึ้นไปวางบนเตียงคนป่วย
“เตียงก็มี ลงไปนอนกับพื้นทำไมก็ไม่รู้“เสียงเบสพูดยิ้มๆ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อพึ่งสังเกตว่าเลือดยังไม่หยุดซึมออกมาจากผิวที่ปริเพราะคนแสนพยศ...ทำร้ายตัวเอง ยุนโฮก้มลงจูบไปทุกส่วนที่แจจุงจิกคมเล็บ ลิ้นอุ่นถูกส่งไปเลียสมานบาดแผลสดที่พึ่งเกิดขึ้นจากน้ำมือคนใจเด็ด แจจุงร้องครางออกมาอย่างไม่อาจกลั้น เมื่อเสื้อคนป่วยถูกปลดออกจนไหล่เนียนลาดปรากฏแก่สายตา ก่อนที่จะโดนเกี่ยวออกไปจนพ้นตัว ร่างเปลือยเปล่าแต่เต็มไปด้วยรอยเขียวเป็นจ้ำบอกถึงสภาพที่โดนย่ำยีว่ารุนแรงเพียงใด ยุนโฮชะงักไปเพียงครู่เดียว ดวงตาคมดุจเหยี่ยวตวัดมองตากลมโตที่สะท้อนแววหวั่นไหว
“แจจุงครับ พี่ขอโทษ...เจ็บมากมั้ย?”การหยุดและคำขอโทษจากปากของยุนโฮ ทำให้แจจุงอดคิดไม่ได้ว่ายุนโฮคงนึกรังเกียจเสียจนไม่อยากสัมผัส ร่างบางสั่นสะท้านค่อยๆคว้าผ้าห่มที่พาดอยู่ด้านบนมาปกปิดเรือนร่างที่มีแต่ร่องรอยน่าอับอาย  ปิดเท่าไหร่ก็ไม่มิดเพราะมันเต็มไปหมดทุกส่วน ตอนนี้แจจุงเกลียดร่างกายตัวเองจริงๆ มันช่างน่าขยะแขยงเหลือเกิน
“ทำอะไรครับ...แจจุง”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างงงๆ เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มออกแล้วคว้าร่างบอบบางมากอดรัดแน่นหนา เสียงหวานสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น
“พี่ยุนรังเกียจแจจุงแล้วใช่มั้ย ถึงไม่ทำ ฮื่อออ...อย่ามองฮะ...มันน่าเกลียด...ฮึกกกก”แจจุงเอามือปิดตาทั้งสองข้างของคนที่ตัวเองรัก ไม่อยากให้เห็นร่างกายที่สกปรกเพราะน้ำมือคนอื่น ยุนโฮรวบข้อมือเล็กไว้ในมือเพียงข้างเดียวแล้วพรมจูบมือทั้งสองข้างก่อนก้มลงละเลงลิ้นบนตัวอักษรที่ตัวเองเป็นคนสลักไว้ ยุนโฮเงยหน้าขึ้นมองคนที่ก้มลงดูการกระทำของเขา นิ้วแข็งแรงแตะเบาๆที่ตัวอักษร
“ชื่อของพี่ยังสลักอยู่ตรงนี้ แจจุงเป็นคนของพี่เพียงคนเดียวนะ...จำไว้!
“แต่แจจุงโดนข่มขืน พี่ยุนได้ยินมั้ย? แจจุงโดนข่มขืน มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฮื่อออ~~~”เสียงหวานระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อย่าคิดแทนพี่เอาเองแบบนี้สิครับ พี่ไม่มีวันรังเกียจแจจุง ไม่มีวัน...!”ยุนโฮพูดพลางลูบเบาๆที่แผ่นหลังสั่นสะท้านของคนคิดมาก
“และที่พี่ไม่ทำ เอ่อ...เพราะพี่กลัวแจจุงจะเจ็บมากกว่านะครับ เอ...ที่เสียใจนี่เพราะพี่ไม่ยอมทำต่อใช่มั้ย? แล้วก็ไม่บอก งั้นเรามาต่อจากเมื่อกี้เลยดีมั้ย หืมม~~~~“ใบหน้าหล่อซุกไซร้ที่ซอกคอหอมละมุ่นไม่เคยเปลี่ยนของแจจุงอีกครั้ง เสียงขัดจังหวะที่ดังขึ้นทำเอาทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างตกใจ
“เฮ้ย!!!!
“ไอ้หมอยุน”
“ไอ้หมอจุนกิ”เสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายที่ตัวเองชี้หน้าดังประสานกันขึ้นมา
“แกเข้ามาทำไมว่ะ ไอ้จุนกิ”ยุนโฮถามกวนๆ รู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่โดนขัดจังหวะ ไม่ลืมที่จะรั้งร่างเปลือยเปล่าของแจจุงมารวบบังไว้ในวงแขน ถึงอีกฝ่ายจะเป็นหมอด้วยกันก็ไม่อยากให้มองเรือนร่างที่เขาหลงใหล สายตาคมมองปราดไปที่เพื่อนอย่างดุๆ
“อะไรของแกว่ะ แล้วทำไมชั้นจะเข้ามาไม่ได้ ลืมแล้วเหรอ คุณแจจุงเป็นคนไข้ในความดูแลของชั้น”จุนกิพูดขึ้นอย่างเป็นต่อ
“อ่อ เข้าใจแล้ว”
“เข้าใจก็ออกไปซะทีสิ ว่าแต่...แกนั่นแหละเข้ามาทำอะไรรุ่มร่ามกับคนไข้ชั้นห๊า ไอ้ยุน”
ถึงภาพที่ปรากฎต่อสายตาจะบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่โดยไม่ต้องมีคำอธิบาย แต่เมื่อนึกไปถึงตอนที่ยุนโฮนำร่างไร้สติของคนไข้ในความดูแลของเขามาอย่างคนคลุ้มคลั่งไม่ลงเหลือเค้าของคนเป็นหมอ การแสดงออกถึงความรักและห่วงใย ภาพที่ยุนโฮตระครองกอดร่างที่คลุมทั้งตัวด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวขนาดใหญ่อย่างทะนุถนอม วิ่งเข้ามาในตึกผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยท่าทางร้อนรน  ทีแรกเขายังโกรธไม่หายเลยที่จู่ๆก็โดนกระชากคอเสื้อมาตรวจอาการ  พูดดีๆก็ได้แต่ยุนโฮกลับตะโกนบวกขู่บังคับ มันทำเอาเขาขุ่นใจไม่น้อย แต่ด้วยจรรยาบรรณความเป็นแพทย์ถึงยังไงเมื่อคนไข้อยู่ตรงหน้า เขาก็ต้องรักษาแม้จะหมั่นไส้คนพามามากแค่ไหนก็ตาม เมื่อเลิกเสื้อโค้ทตัวยาวออกสภาพที่เห็นทำเอาเขาถึงกับพูดไม่ออก แค่มองด้วยสายตาก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าผ่านเรื่องเลวร้ายมามากแค่ไหน แทบทุกส่วนของผิวขาวน้ำนมมีแต่รอยแผลเขียวช้ำปนม่วงกระจายเป็นย่อมๆ ไม่ก็ต้องมีผิวหนังถลอกผสมเศษดินทรายที่ติดตามเนื้อตัวทั่วไปหมดโดยเฉพาะช่องทางบอบช้ำด้านหลังที่มีแผลฉีกขาด คราบเลือดเกาะกรังเต็มไปหมด เขาก้มลงสำรวจเงียบๆก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาเจ้าเพื่อนอารมณ์ร้อน
“อย่าบอกนะ...ว่าแกเป็นคนทำ”เพื่อนกันทำไมจะไม่รู้ว่ารสนิยมทางเพศมันเป็นยังไง เพียงแต่การกระทำรุนแรงเช่นนี้ ไม่น่าจะเกิดในสภาวะทางอารมณ์ปกติของยุนโฮ และถ้าเป็นมันทำจริงๆคงไม่ใจดีอุ้มมารักษาเป็นแน่ จุนกิคิด  สายตาคาดคั้นที่มองจ้องเข้าไปในสายตาคมดุจเหยี่ยว หาได้ทำให้แววตาจริงจังของชอง ยุนโฮ เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด ใบหน้าหล่อที่ฉายแววของความเครียดส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอ่อนเชิงปฏิเสธคำกล่าวหาทันที เสียงเบสเอ่ยอย่างอ่อนล้า
“ช่วยรักษาแจจุงทีจุนกิ เขาเป็น คนสำคัญ ของชั้น”

---------------------------------------------------------------------------------

หมอจุนกิคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อตอนเช้ามืดของวันด้วยรอยยิ้ม แต่นั่นยิ่งทำให้คุณหมอขี้หึงนึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
“มองแบบนี้หมายความว่ายังไง...ห๊ะ! คุณหมอจุนกิ”เรียกหมอเพราะให้เกียรติในชุดกาวน์ที่แกใส่หรอกนะ ไอ้เพื่อนเวร ยุนโฮก่นด่าในใจ
“เปล่าครับคุณหมอยุน~ ว่าแต่เมื่อไหร่จะปล่อยคนไข้ผมสักที”ยุนโฮหันหลังบังผิวเนื้อเปลือยเปล่าของแจจุงอย่างหวงแหน อีกมือก็เอื้อมไปหยิบเสื้อที่ตัวเองอัญเชิญออกไปนอกร่างกายของคนในวงแขนมาสวมใส่ให้อย่างนุ่มนวล
“มองอยู่นั่นแหละกลับไปทำงานได้แล้ว คนสำคัญ ของคุณหมอยุน เดี๋ยวกระผมจะดูแลให้เป็นอย่างดี”หมอจุนกิพูดทะเล้นด้วยวิสัยคนอารมณ์ดี  ยุนโฮหันมาสบตาแจจุง ริมฝีปากได้รูปประทับแผ่วเบาที่พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ
“แจจุงครับ อย่าทำร้ายตัวเองอีกรู้มั้ย เลิกงานแล้วพี่ยุนจะมาอยู่เป็นเพื่อนนะครับ”แจจุงก้มหน้างุดอย่างเอียงอาย เขาไม่กล้าสบตาคุณหมอเจ้าของไข้ของตัวเองด้วยซ้ำ มันอายเสียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“คืนนี้ค่อยต่อนะครับ รับรองไม่มีใครขัดจังหวะอีกแน่ๆ”ยุนโฮก้มลงกระซิบติดใบหู  แล้วเดินผิวปากอย่างมีความสุขออกไปนอกห้อง ทิ้งให้แจจุงนั่งเขินวางสีหน้าไม่ถูกอยู่กับคุณหมอจุนกิและนางพยาบาล                                  

พี่ยุนฮะ...พอไม่มีพี่อยู่ใกล้ๆ
แจจุงก็...รู้สึกแย่อีกแล้ว

ร่างบางนอนลงกับเตียงผู้ป่วยอย่างอ่อนแรง รู้สึกเหมือนตัวเองลอยละล่องทั้งๆที่ยังนอนจมปลักอยู่กับที่ สมองขาวโพลนอย่างไร้ซึ่งความคิด ภาพเบื้องหน้าคือ คุณหมอที่คุยกับพี่ยุนเมื่อครู่  กำลังสั่งให้พยาบาลสองคนทำความสะอาดและทำแผลตามร่างกายให้กับเขา แจจุงส่ายหัวสะบัดความมึนงงที่แล่นเข้ามาให้สมอง ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว ก่อนหน้านี้คุณหมอฉีดอะไรบางอย่างเข้าทางสายน้ำเกลือ มันคืออะไรนะ...?
เสียงพูดเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆจนกระทั่งเปลือกตาสีมุกปิดลงอย่างไม่อาจฝืน

-------------------------------------------------------------------

 “แจจุงเป็นยังไงบ้าง...ไอ้หมอ”ยุนโฮเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินออกมาจากห้อง ท่าทีร้อนรนของยุนโฮมันน่าแกล้งจริงๆ แต่เขายังไม่อยากถูกมันเตะตอนนี้ หมอจุนกิยิ้มกวนๆก่อนตบบ่าเพื่อนแรงๆ
“สวย...ทุกส่วนเลยว่ะ”จุนกิกวนประสาท ยุนโฮหันขวับจ้องมองคนพูดอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาคนชอบแหย่กลัวไปเหมือนกัน หมอจุนกิรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวเป็นความนัยว่า ยอมแพ้แล้ว ก่อนส่งยิ้มเจื่อนๆให้เพื่อนที่กลายร่างเป็นเสือเตรียมขย้ำเขาอยู่ขณะนี้  - -+
“ใจเย็นๆนะเพื่อน แค่...ล้อเล่นเข้าใจมั้ย ล้อเล่นน่ะ อย่างอนเลยแก...น่าเกลียดหว่ะ”
“อย่าเล่นแบบนี้อีก ไม่ชอบและชั้นก็ไม่ได้งอน แต่...โกรธมากจนคิดว่าฆ่าหมอกวนตีนบางคนได้!”ยุนโฮตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ  ทำเอาหมอจุนกิพยักหน้ารับอย่างจำยอม
“ชั้นแค่ทำแผลให้เท่านั้น  เฮ้ย!!! อย่ามองเหมือนจะฆ่าชั้นสิว่ะไอ้ยุน ชั้นหมายถึงให้พยาบาลทำแผลให้เขา ถ้าเป็น ของ ของแก ชั้นไม่กล้าแตะหรอก”หมอจุนกิว่าพลางทำหน้าสยอง  ยุนโฮสบตาเพื่อนอย่างจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่นที่เปล่งออกมาทำเอาหมอจุนกิเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“แจจุงไม่ใช่สิ่งของ แต่เขาเป็นคนที่ชั้นรัก”นี่คือสิ่งที่ยุนโฮพร่ำบอกกับตัวเองมาเสมอๆ
“เข้าใจแล้วครับคุณหมอยุนโฮ ชั้นจะจำใส่หัวไว้เลย ปะ...ไปกินข้าวกันดีกว่า ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า”
“แล้ว...แจจุงล่ะ”
“เขาหลับอยู่ ให้เขาพักผ่อนให้พอเถอะ ร่างกายเขาอ่อนแอมากเลย”ยุนโฮตอบรับอย่างจำนนในเหตุผล ก่อนเดินตามเพื่อนไปที่ห้องอาหาร



1 ความคิดเห็น:

  1. ยุนชัวร์เลยที่ข่มขืนแจอ่า -*-

    มันเป็นเพราะความหึงหวงรึเปล่าคะ?

    แล้วแจจะเป็นบ้ารึเปล่า ? T^T งื้ออออ

    แทบจะอดใจรอพาร์ทต่อไปไม่ไหวแล้วว ~____~

    ตอบลบ