Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : PG
Part…23 คำว่ารับผิดชอบ!
ชนบทที่ห่างไกลจากความเจริญอยู่มาก สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียวสด ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาล้อมรอบไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ สัตว์เลี้ยงอย่างวัว แก แพะกำลังเล็มหญ้ากินกันอย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้เหล่านักศึกษาแพทย์ที่กำลังเดินทางเพื่อมาทำการรักษาและให้คำแนะนำกับชาวบ้านนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง รถบัสขนาดสองชั้นขับไปตามถนนโล่งโดยในรถมีคนอยู่จำนวนนึง ซึ่งในนั้นก็รวมไปถึงรุ่นพี่ชางมินที่มีหน้าที่ติดตามคอยดูแลรุ่นน้องอย่าง ปาร์ค ยูฮวาน
ชายหนุ่มทอดสายตามองออกไปไกลนอกหน้าต่างด้วยความเพลิดเพลิน ชางมินไม่ค่อยมีเวลามาเที่ยวแบบนี้ ถึงว่าการออกมานอกสถานที่ในครั้งนี้จะไม่ได้มาเที่ยวก็ตามทีแต่ก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวเพราะทุกวันคุณหมอหนุ่มเอาแต่ทำงานอย่างหนัก แม้วันหยุดของชางมินก็ไม่วายที่จะมาโรงพยาบาลแต่หน้าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อมันเลยสักนิด นั่งคิดอะไรไปเพลินๆแต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เค้าต้องหันไปมอง ศีรษะยุ่งๆของยูฮวานนี่เองที่เอียงมาซบไหล่หนาของเขา ตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงพยาบาลยูฮวานก็หลับมาตลอดทางไม่รู้ว่าไปอดหลับอดนอนมาจากไหน ในรถก็ใช่ว่าจะเสียงเบาแต่คนตัวเล็กกลับหลับได้อย่างสบาย
“นอนก็เก่ง ตื่นก็สาย...นายนี่มันจริงๆเลย”ก้มลงมองคนที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติ มือหนาจับปอยผมที่หล่นมาปิดบังใบหน้าขาวก่อนจะจับมันไปทับหู แค่นี้เค้าก็มองเห็นใบหน้าของเจ้ากวางน้อยได้ชัดๆแล้ว หยิบไอพอดเครื่องจิ๋วสีขาวขึ้นมาสอดหูฟังข้างนึงกับหูตัวเองและอีกข้างนึงให้กับคนที่ไม่รู้ว่าจะฟังเพลงรู้เรื่องมั้ย แต่ชางมินก็อยากให้ยูฮวานได้ผ่อนคลายจากเสียงเพลงจังหวะช้าๆเปิดมันเพียงเบาๆเท่านั้น ใช้เวลาอีกเพียงไม่นานรถบัสก็มาถึงยังหมู่บ้านแถบชานเมืองที่ว่า
“ยูฮวาน...ตื่นได้แล้ว...ถึงแล้วนะ”เขย่าที่ไหล่บางเบาๆ
“อื้ออ~~~”เสียงอู้อี้ที่บอกถึงความรำคาญของคนขี้เซา ยูฮวานตื่นขึ้นมาด้วยอาการหงุดหงิดสุดๆจากการถูกรบกวน
“นี่จะมาทำประโยชน์หรือจะมานอนกันแน่เนี่ย - -+”
“ก็ถ้าชั้นไม่นอนชั้นก็เมารถ แล้วถ้าชั้นเมารถชั้นอาจจะอ้วกใส่หัวนายก็ได้นะ”แน่นอนที่สุด ที่ยูฮวานหลับเป็นตายแบบนี้ก็ด้วยฤทธิ์ยาที่ได้กินเข้าไปก่อนที่จะขึ้นรถมาที่นี่นั่นเอง
“นายเมารถด้วยหรอเนี่ย55+”
“ทำไม...น่าขำตายล่ะ...แต่ถ้าเป็นเหล้าชั้นสู้ตายสุดใจขาดดิ้นนะจะบอกให้”ก็อีกแค่เมารถทำมาเป็นหัวเราะเยาะ...ชริ
“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย...อายุแค่นี้แก่แดดนักนะ”=ชางมินรู้สึกไม่ชอบใจเลยที่ยูฮวานพูดออกมาแบบนี้...เป็นห่วง
“อายุแค่นี้...ชั้นโตแล้วนะ”คนเถียงคำไม่ตกฟากยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“งั้นก็ลองดูสิ...ถ้าชั้นเห็นนายกินเหล้าที่ไหน ชั้นก็จะเดินไปหักคะแนนนายเป็นสองเท่า...คอยดู”ชางมินขู่
“นายนี่มันบ้าอำนาจจริงๆให้ตาย”ไม่รู้ว่าสิ้นเทอมนี้ไปยูฮวานจะมีคะแนนเหลือถึงครึ่งหรือเปล่าTT
“จะว่าอะไรชั้นก็ช่าง...แต่ชั้นทำจริงๆนะ...คนเค้าเป็นห่วง”เสียงพูดค่อยๆเบาลงไป ชางมินเริ่มน้อยใจขึ้นมานิดๆซะแล้ว
“อะไรเนี่ย...แค่ชั้นบอกว่าคอแข็ง ชอบกินเหล้า แค่นี้นายงอนชั้นหรอไง?”ยูฮวานแกล้งถาม รู้ดีว่าชางมินเป็นห่วงเขามากแค่ไหนแต่ก็แค่แหย่เล่นไม่น่าจะงอนกันแบบนี้นี่นา
“อยากจะทำอะไรก็เชิญ...เชิญ!”กอดอกนั่งนิ่งไม่ยอกลงจากรถซะอย่างนั้น
“นายจะโกรธชั้นจริงๆหรอ~~~”ยูฮวานลองเชิง
“..............”เบ้ปากอย่างน่ารัก??? ทำหูทวนลมไม่สนใจในสิ่งที่ยูฮวานเอ่ยถาม
“ทำแบบนั้นคิดว่าน่ารัก???”
“ใช่สิ๊...ชั้นมันไม่ได้ดีเด่อะไรเหมือนไอ้ยุนมันนี่”
“เกี่ยวไรกับพี่ยุนอ่ะ...นี่อย่างอนไปเลยชั้นแค่พูดเล่น”การง้อเจ้าเป็ดนี่แสนจะเหนื่อยใจเสียจริงๆ เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของร่างหนาดังขึ้นขัดจังหวะการต่อปากต่อคำของคนทั้งคู่
~♪ ♫ ♪ ♫ ♪ ~
“นั่นไงไอ้นี่ตายยาก...พูดถึงก็โทรมาเลย”ไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนรักคนสนิทของเขานี่เอง
“ว่าไงไอ้ยุน?”ระหว่างที่กำลังฟังการสนทนาของรุ่นพี่ทั้งสอง ยูฮวานก็พึ่งรู้สึกตัวว่ามีสายสีขาวห้อยอยู่ระหว่างตัวเขากับชางมินอยู่ เสียงเพลงนี่มาจากไหน ยกมือขึ้นจับที่หูก็รู้ว่ามันคือหูฟังจากไอพอด...ของชางมินหรอ?
“ชางมิน...ชางมิน”สะกิดคนที่ยังไม่ยอมหายโกรธง่ายๆ ชายหนุ่มเพียงแค่ผลันใบหน้ากลับมามองก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ ไม่สนใจคนยื่นหูฟังพร้อมรอยยิ้มหวานๆมาให้เลยสักนิด ความอดทนของเจ้ากวางน้อยตัวนี้ก็มีขีดจำกัดนะ...ไม่สนใจกันใช่มั้ย?
“พี่ยุนโฮ...คิดถึงพี่จัง”ฉกเครื่องมือสื่อสารมาจากชายหนุ่มก่อนจะกรอกเสียงหวานเชิงออดอ้อนลงไป
“พี่ชางมินคงโยนงานไปให้พี่อีกตามเคยใช่มั้ยฮะ?”ดวงตากลมโตสีเทาเป็นประกายก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่ทำหน้าไม่พอใจสุดๆ สำหรับยูฮวานแล้วชางมินคงจะโกรธที่เค้าแย่งโทรศัพท์ไป แต่สำหรับชางมินนั้นเค้ากำลังหึงยูฮวานอยู่ต่างหาก!
“อยู่กับแทมสองคนพี่คงเหงาไว้ผมจะระ...”ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคชางมินก็ดึงโทรศัพท์จากมือยูฮวานไปหน้าตาเฉย ก่อนจะรีบตัดบททันที
“เราต้องไปกันแล้ว...แค่นี้นะเพื่อน”ตวัดฝาพับโทรศัพท์อย่างแรงโดยไม่กลัวว่ามันจะพัง ชางมินไม่ได้พูดอะไรอีกเค้าแค่หันมาส่งสายตาดุๆให้กับยูฮวานเท่านั้น
“นี่...ชั้นยังพูดไม่จบเลยนะ”
“ชั้นก็ยังพูดไม่จบนายมาแย่งโทรศัพท์ไปก่อนทำไมล่ะ”สงครามที่ยังไม่ยอมจบง่ายๆเริ่มจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็...นายไม่สนใจชั้นนี่”ยูฮวานเองก็เริ่มที่จะงอนขึ้นมาบ้างแล้ว...โกรธเป็นคนเดียวหรอไง?
“จะบอกอะไรไว้อย่างนะ...ยุนโฮน่ะมันมีแฟนแล้ว”
“มีแฟนแล้วไง...มันเกี่ยวไรกับชั้น...ห๊ะ”ยืนเท้าเอวถามอย่างเอาเรื่อง ชางมินกำลังจะสื่อถึงอะไรเนี่ย
“ก็ดูนายชอบไปวุ่นวายกับมันจัง...แล้วอย่ามาหาว่าชั้นไม่สนใจนายเพราะ...ชั้นน่ะ...สะ...” สนใจนายมากที่สุด เกือบหลุดแล้วไงไอ้มินเอ้ยยย - -
“อะไรๆ...พูดออกมานะ”ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงจัด หงุดหงิดแล้วนะ
“ก็แค่บอกไว้เฉยๆ”มาถึงตรงนี้ชางมินเริ่มไปไม่ถูกเสียแล้วสิ TT
“นายคิดว่าชั้น...ชอบรุ่นพี่ยุนโฮงั้นหรอ?”นี่ชางมินต้องการจะบอกเขาแบบนั้นใช่หรือเปล่า มันน่าน้อยใจ
“เปล่านะ...คือ”
“แต่ที่นายพูดชั้นก็พอจะเดาออก...ชั้นไม่ได้โง่นะ...นายนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆชางมิน”ยูฮวานพูดเสียงเศร้า อดที่จะโมโหชางมินไม่ได้ทั้งๆที่พึ่งจะดีกันได้ไม่นาน นี่เค้าต้องโกรธชางมินอีกแล้วใช่มั้ย? หยิบกระเป๋าเป้คู่ใจก่อนจะหันมาจ้องตาชางมินอีกครั้ง ดวงตาที่เริ่มจะแดงเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส
“เดี๋ยว...ยูฮวาน!”คนตัวสูงคว้าข้อมือคนที่จะหนีหน้าเค้าเอาไว้ได้ทันการ
“ปล่อยนะ...ชั้นจะไปเก็บของ”เสียงแหลมที่พยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้มันสั่น ถ้าชางมินคิดแบบนั้นจริงๆเค้าก็เสียใจ ทั้งๆที่เค้าก็เริ่มจะเปิดใจยอมรับคนคนนี้มากขึ้นแล้ว
“ปล่อยแน่...แต่นายต้องตอบคำถามของชั้นก่อน...แค่คำถามเดียว”น้ำเสียงดูอ้อนวอนเต็มที่ เวลายูฮวานโกรธนี่แหล่ะที่เค้ากลัวที่สุด...ฮึ้ยยย
“คำถามเดียว...ว่ามาสิ”ชั้นจะให้โอกาสนาย...คนโง่!
“นายไม่ได้ชอบยุนโฮหรอกหรอ?”คำถามที่อยากจะถามมานานแสนนานแต่ก็ไม่กล้า ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็ถามมันไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยแล้วกัน
“ไม่ได้ชอบ...พอใจมั้ย...ปล่อยสักทีสิ”มือขาวอีกข้างค่อยๆออกแรงแกะมือของชายหนุ่มที่จับเค้าแน่นเกินความจำเป็นออก โดยไม่คิดที่จะเงยขึ้นมองอีกคนที่ตอนนี้มีแต่รอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้า...ยิ้มจนแก้มแทบปริ
“ขอโทษนะที่คิดแบบนั้น...งั้นชั้นก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่บ้างน่ะสิ”ด้วยความดีใจชายหนุ่มเผลอหลุดคำพูดที่ตนคิดว่าได้พูดมันอยู่แค่ในใจ...แต่ไม่ใช่เลย ยูฮวานก็ได้ยินมันเช่นกัน
“พูดอะไรของนาย...บ้า”เป็นเวลาเดียวกับที่ข้อมือเล็กหลุดพ้นจากพันธนาการ ร่างเพรียวที่กำลังเขินอายเพราะคำพูดของชายหนุ่มรีบก้าวเท้าเดินออกไปจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด...ชางมินบ้า >//<
แสงที่สาดส่องเข้ามากระทบผิวกายจนรู้สึกเหมือนถูกเผาจนไหม้ทำเอาคนที่นอนไม่อยากลุกเปิดเปลือกตาสีมุกอย่างงัวเงียภาพแรกที่ปรากฎตรงหน้าทำเอาเจ้าของเรือนร่างนิ่มรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต็มตาในทันที แววตาคมของพี่ยูชอนจ้องมองไปทั่วดวงหน้าหวานเล่นเอาคนถูกมองหวั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหนี แต่เมื่อชำเลืองกลับไปอีกครั้งสายตาหวานของชายหนุ่มก็ยังมองมาที่ตนอยู่อย่างนั้นจุนซูรู้สึกขัดเขินทำอะไรไม่ถูก ร่างนุ่มนิ่มขยับลุกเตรียมหนีจากสถานการณ์น่าอึดอัดแต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อย่างที่คาด เมื่อเอวอิ่มของตนยังอยู่พันธนาการจากคนที่นอนยิ้มแปร้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนสักที จุนซูดิ้นขลุกขลักเบาๆหวังเพียงหลุดพ้นจากวงแขนอุ่นจัดที่โอบรัดรอบลำตัว เขาเขินจนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วกับสายตาคมที่จ้องมองไม่หยุดหย่อน ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดพอๆกับผิวขาวผุดผ่องซึ่งเต็มไปด้วยรอยฝากรักสีกุหลาบทั่วทั้งตัว
“พี่ยูชอน ปล่อยจุนซู สิฮะ” คนน่ารักประท้วงเสียงหลงเมื่อยูชอนเริ่มซุกใบหน้ากับซอกคอขาว
“นะฮะ..จุนซูเหนียวตัวไปหมดแล้ว” เสียงหวานเอ่ยขออย่างอ้อนๆ เรียกรอยยิ้มจากคนตัวใหญ่ได้ไม่น้อย เขาขยับออกมานิดหน่อย โดยวงแขนยังรั้งเอวอิ่มเอาไว้ไม่ห่าง
“ปล่อยก็ปล่อยครับ แต่พี่ขอมอร์นิ่งคิสก่อน” ยูชอนพูดพร้อมหลับตาพริ้ม เผยอปากอวบอิ่มรอรับจุมพิตจากคนตัวเล็ก จุนซูโน้มหน้าลงไปเกือบจะชิดริมฝีปากนิ่มก็รู้สึกว่ามันเขินมาก จนไม่สามารถแตะริมฝีปากตนลงไปได้ จดๆจ้องอยู่เนิ่นนานจนยูชอนลืมตาขึ้นมองสบตาหวานซึ้งจนคนตัวเล็กไม่กล้าสบตา
“อย่าแกล้งกันสิฮะ จุนซูเขิน ปล่อยเถอะฮะ พี่ยูชอน” คนตัวเล็กอ้อนเบาๆ เมื่อยูชอนยังคงมองตนไม่วางตา
“จุนซูขี้โกงนี่ครับ เด็กดื้อ~”
“ไม่ได้ดื้อสักหน่อย อ๊ะ อะ อื้อออ….” ท่าทางที่เบะปากเชิดขึ้นอย่างงอนๆของคนตัวเล็กมัน น่าจูบซะจนเขาอดใจไม่ไหว ปากแดงที่บวมเจ่อนิดๆช่างเย้ายวนใจยูชอนซะจริง ไวพอกับความคิดยูชอนจับแก้มแดงปลั่งของคนน่ารักให้หันมาค่อยๆประทับรอยจุมพิตอย่างอ่อนโยน ถ่ายทอดความรักที่มีทั้งหมดออกมา อยากให้คนตัวเล็กรู้สึกว่า เขารัก รัก รัก… มากแค่ไหน จุนซูจับบ่าของพี่ยูชอนแน่น ตอบสนองรสสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติรู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็นอนเบียดกายแนบชิดกันอีกครั้ง รสสัมผัสที่อ่อนละมุ่นเริ่มร้อนแรงจนยากที่หยุดยั้ง มือหนาบีบเค้นยอดอกสีทับทิมอย่างเมามัน ร่างอวบนิ่มสั่นสะท้านด้วยความสยิว บิดกายไปมาหนีความเสียวซ่านที่ได้รับ คนตัวใหญ่ไล่ตามประกบไม่ลดละ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้ความเป็นชายของยูชอนถูไถผิวเนื้อขาวเนียนนุ่มของจุนซู ความรู้สึกบางอย่างมันก็เริ่มจะก่อตัวอีกครั้ง
ถ้าไม่มีเสียง….
ตุ๊บบบบ!!!!!!
ร่างคนสองคนที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียงกลิ้งตกลงมาเสียงดังสนั่น อารมณ์วาบหวิวหมดสิ้นไปแทบจะทันที ความเจ็บก็เริ่มเข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะคนที่ถูกทับอยู่ด้านล่าง “คิม จุนซู”
คนตัวใหญ่เด้งลุกแทบจะทันทีเขารีบสำรวจเนื้อตัวของคนตัวเล็กว่ามีอะไรบุบสลายไปหรือเปล่า จุนซูแตะเบาๆที่บริเวณสะโพกมันเจ็บแปลบไม่ซะหมด ไหนจะ “รัก” กับพี่ยูชอนจนสว่าง แล้วยังมาตกเตียงซ้ำรอยเดิมอีก มันสุดจะระบมจริงๆ ใบหน้าน่ารักแจกค้อนลูกใหญ่ให้คนรักอย่างเคืองๆ
ก็เล่นอะไรไม่รู้ เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า!?” ยังมีหน้ามาถาม จุนซูคิดในใจอย่างเคืองๆ
“เพราะพี่ยูชอนนั่นแหละ จุนซูลุกไม่ขึ้นแล้วแน่เลย” คนตัวเล็กดุกลับ
“มาให้พี่ดูหน่อยสิ จะหลบไปไหนล่ะครับ..คนดี” คำพูดเหมือนเป็นห่วงแต่สายตาที่มองมาเหมือนจะไม่ใช่ เรื่องอะไรจะต้องมาอยู่ในทางล่อแหลมให้คนตรงหน้าเอาเปรียบ คนตัวเล็กยันกายลุกขึ้นแต่ด้วยยังเจ็บตรงช่องทางรักอยู่มากทำให้จุนซูร้องออกมาเสียงหลง น้ำตาปริ่มจะหยดออกมาจากนัยน์ตาคู่งาม ร่างเล็กลดตัวนั่งลงกับที่ ใบหน้าเหยเกของคนรักทำเอาปาร์ค ยูชอนทำหน้าไม่ถูก เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างมากถ้าเขาไม่เอาแต่ใจกับจุนซูเกินไป คงไม่ทำให้คนตัวเล็กเจ็บมากขนาดนี้ ฝ่ามืออุ่นลูบเบาๆข้างแก้มใส
“พี่ยูชอนขอโทษนะครับ ที่ทำให้นางฟ้าน้อยของพี่เจ็บแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิด ใบหน้ากลมส่ายไปมาไม่อยากให้พี่ยูชอนโทษตัวเอง ไม่ชอบเลยที่เห็นคนที่ตัวเองรักทำหน้าแบบนี้ น้ำตาเม็ดโตค่อยๆไหลลงมาอาบสองข้างแก้ม ยูชอนเกลี่ยมันออกอย่างเบามือ ขาเรียวก้าวยาวๆหายไปหยิบอะไรบางอย่าง ครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลขนาดย่อมใบหนึ่ง เขาวางกล่องนั้นบนเตียงกว้างกว่าอุ้มร่างเล็กอย่างทะนุถนอมวางบนเตียง มือใหญ่จับขาคนตัวเล็กตั้งชันเข่าขึ้น
“พะ...พี่ยูชอน ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวจุนซูทาเองฮะ” จุนซูเอ่ยห้ามเสียงสั่นด้วยความอาย ยูชอนส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้าก่อนพูดให้สบายใจขึ้น
“ไม่ต้องอายหรอกครับคนดี พี่ทาให้แหละดีแล้ว จุนซูจะรู้เหรอว่าต้องทาที่ตรงไหน พี่เป็นคนทำ...พี่รู้ดี”
“คนบ้า พูดแบบนี้ได้ยังไง อ๊ะ..” จุนซูอุทานอย่างตกใจเมื่อยูชอนแตะยาที่ตรงส่วนนั้น นิ้วแข็งแรงที่ชโลมตัวยาสมานแผลชนิดเย็นแตะแผ่วเบาบริเวณรอบช่องทางอุ่น ก่อนแทรกนิ้วเรียวยาวเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มวนนิ้วแช่ไว้อย่างนั้น ความเย็นจากตัวยาซึบซาบเข้าไปในผิวเนื้ออ่อนมันทั้งแสบแปล๊บๆระคนเย็นซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก มือน้อยจิกกำผ้าปูที่นอนสีหวานจนยับยู่ยี่ไปหมด เสียงครางหวานๆดังระงมไปทั่วห้องเรียกรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์จากคนปฐมพยาบาลขี้แกล้งได้ไม่น้อย จุนซูนอนหอบแฮ่กๆอย่างหมดแรง มันไม่น่าจะเป็นแค่การทายาให้แล้วมั้ง คนขี้เล่นทิ้งตัวลงมานอนกอดร่างนิ่มอย่างรักใคร่ ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์โน้มลงมาจูบริมฝีปากจุนซูเบาๆก่อนเอ่ยถามขึ้น
“เสียใจมั้ยครับ ที่เป็นภรรยาของพี่?” ยูชอนกระซิบข้างหู คำถามของเขาทำเอาคนน่ารักถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าขาวร้อนผ่าวไปหมด ลมหายใจร้อนจัดของยูชอนรดผิวแก้มบางจนจุนซูไม่กล้าขยับหน้าหนี ได้แต่นอนตัวเกร็งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก
“ไม่รู้ฮะ ปล่อยจุนซูนะฮะ” คนตัวเล็กก้มหน้างุด ใบหน้าแดงก่ำราวกับเลือดสูบฉีดมาที่พวงแก้มอิ่มจนหมดตัว ท่าทางแบบนี้น่าแกล้งชะมัด ยูชอนคิด ค่อยๆหอมแก้มนวลที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความหมั่นเขี้ยวไปฟอดใหญ่ สงสัยเขาจะติดใจกลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็กของคนในอ้อมแขนซะแล้ว...อาการแบบนี้เขาเรียกหลงเด็กหรือเปล่า? เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนิ่งไม่ตอบโต้อะไรจึงพูดบางอย่างออกมาเพี่อให้จุนซูมั่นใจว่าเขาไม่มีทางจะทอดทิ้งจุนซูแน่นอน
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่จะรับผิดชอบเราเอง”
“รับผิดชอบ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างหงอยๆคำนี้อีกแล้วเหรอ น้ำตาไหลลงมาอีกครั้งด้วยความเสียใจ พี่ยูชอนทำไมพี่ถึงได้พูดคำนี้
เวลาห่างกันไม่ถึงหนึ่งนาทีคนที่เขารักทำให้เขารู้สึกทั้งเขินอายด้วยความสุขกับเย็นยะเยือกไปทั้งหัวใจด้วยความเจ็บปวด จุนซูปัดมือที่เอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาออกพยายามประคองตัวเองลุกออกมาให้เร็วที่สุด ไม่อยากอยู่ใกล้คนใจร้ายนานกว่านี้แต่คนตัวเล็กไม่อาจทำได้อย่างที่คิดเมื่อถูกรวบเข้ามาในวงแขนแข็งแรงร่างเล็กนั่งบนตักของชายหนุ่ม ยูชอนวางคางบนไหล่ลาดเนียนทีนี้จะหนีไปไหนได้ล่ะ จุนซูก้มหน้านิ่งเมื่อคิดได้ว่ายิ่งขยับหนีก็ยิ่งถูกพี่ยูชอนกอดรัดแน่นยิ่งไปอีก น้ำตาเม็ดโตไหลลงมาช้าๆอย่างน้อยใจ คำว่า “รัก” ของพี่มันแปลว่าอะไร จุนซูไม่เห็นจะเข้าใจเลย
“ร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหน บอกพี่ยูชอนสิครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความร้อนรน อยู่ดีๆนางฟ้าของเขาก็มีน้ำตาเขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของจุนซูจริงๆ คนๆนี้เหมาะกับใบหน้าประดับรอยยิ้มสดใสมากกว่า...เกิดอะไรขึ้นกับจุนซูของเขา
พี่ยูชอน รู้มั้ยว่า จุนซูเจ็บที่ในห้วใจ คำว่ารับผิดชอบ แปลว่าพี่ไม่ได้รัก ใช่มั้ยฮะ
หัวทุยส่ายไปจนผมยุ่งแทนคำตอบว่าไม่เป็นอะไร วงแขนแข็งแรงกระชับกอดร่างนุ่มนิ่มให้แน่นขึ้นโน้มหน้าหล่อ จูบซับน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตาช้ำ คนตัวเล็กร้องไห้หนักเกินไปแล้ว ทำไมอยู่ดีๆก็ร้องไห้ขนาดนี้หรือจะเป็นเพราะคำพูดเมื่อสักครู่ของเขา
“จุนซูครับ คำว่า รับผิดชอบ ของพี่ไม่ได้หมายถึง พี่ต้องทำไปตามหน้าที่นะครับ ทำไมถึงทำเหมือนเสียใจแบบนั้นล่ะ คนดี หืมม์…”
“แล้วพี่ยูชอนต้องการให้จุนซูเข้าใจว่ายังไง จุนซูเป็นเด็กโง่เรื่องแบบนี้ จุนซูไม่เข้าใจหรอกฮะ” จุนซูพูดเสียงสั่นจากแรงสะอื้น
“คนดี หยุดร้องไห้เถอะครับ สำหรับคนอื่นพี่ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงนะ แต่สำหรับพี่ถ้าพี่บอกว่าจะรับผิดชอบคือพี่จะรับผิดชอบ คนคนนั้นทั้งตัวและก็หัวใจ แล้วคนคนนั้นของพี่ก็คือคนที่ให้พี่กอดอยู่ตรงนี้ ไม่รู้..ว่าเขาจะพร้อมให้พี่ดูแลหรือยังครับ?”
ไม่มีคำตอบจากคนตัวเล็ก เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้นก่อนหันมาทุบพลั๊กๆที่อกกว้างของคนใจร้าย
“นี่พี่แกล้งจุนซูใช่มั้ย คนใจร้าย ฮืกกก จุนซูก็คิดว่าพี่ไม่รัก...ฮื่อออออ เค้าเสียใจมากรู้มั้ยยย”
ยูชอนรวบคนขี้แยไว้ในอ้อมกอดลูบแผ่นหลังอย่างปลอบโยน จับมือที่ประทุษร้ายตัวเองเมื่อครู่มาจุมพิตทีละข้าง ยูชอนสบนัยน์ตาแดงก่ำที่ทำเป็นเมินหน้าหนี “พี่ขอโทษครับ เจ็บมือมั้ยครับไหนขอพี่ดูหน่อยสิแดงหมดเลย เจ็บมากมั้ย? คราวหลังอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกนะ มือของจุนซูเล็กนิดเดียวแถมตัวพี่แข็งจะตายไป มือเราก็เจ็บหมดล่ะสิทีนี้” คนตัวใหญ่พ่นลมออกมาเป่าเบาๆบนมือเล็กที่ประทุษร้ายตนเมื่อครู่
“ฟู่ว์~~ หายเจ็บแล้วนะครับ” คำอธิบายของพี่ยูชอนบวกการกระทำที่แสดงออกถึงความห่วงใย ทำเอาจุนซูใจอ่อนยวบ
พี่ยูชอนฮะ พี่มีอิทธิพลกับหัวใจจุนซูมากเกินไปแล้วนะ
“ถ้าคำพูดของพี่ทำให้จุนซูเสียใจพี่ขอโทษนะครับ อย่านิ่งแบบนี้อีกเลย...คนดี” คนตัวใหญ่พูดอย่างรู้สึกผิด
“..............”
“..............”
ต่างฝ่ายต่างก็เงียบงัน กันอย่างกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่ง..
“ให้โอกาสพี่ดูแลทั้งตัวและหัวใจจุนซู...ได้มั้ยครับ”
“หัวใจของพี่ยูชอนยกให้จุนซูดูแลได้มั้ยฮะ”
บทจะพูดก็ดันพูดขึ้นมาพร้อมกันอีก แต่เมื่อกี้…. พี่ยูชอนพูดว่าอะไรนะ
จุนซูลอบมองใบหน้าที่ระบายยิ้มบนเรียวปากสวยได้รูปอย่างเขินๆ แล้วเมื่อกี้เขาพูดอะไรออกไปแบบนั้นก็ไม่รู้
ช่างกล้าซะจริง จุนซู
ไม่ต่างเท่าไหร่กับคนตัวใหญ่ซึ่งเกาหัวตัวเองอย่างเคอะเขิน บางครั้งความรักก็ต้องอาศัยความเข้าใจซึ่งกันและกัน มากกว่าที่คิด ถ้าเขาไม่พูดและจุนซูไม่ถาม ความเข้าใจของเราทั้งสองคนอาจส่วนทางกัน
การมีความรัก มันก็มีความสุขแบบนี้นี่เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น