2554/03/16

[Fic] หมอ..llจิตll Part…18 แจจุง...ชั้นรักนาย(?)

Title : [Fic] หมอ..llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC :  PG


Part…18  แจจุง...ชั้นรักนาย(?)


แจจุงพยายามขยับกายลุกขึ้นอย่างอึดอัด  ตาที่ยังคงปิดสนิทอย่างเกียจคร้านไม่ยอมเปิดออกดูว่าทำไมถึงลุกไม่ขึ้นสักทีหรือเป็นเพราะเขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนคนไข้ขึ้น น่าแปลกที่ไม่ยักจะมีอาการปวดหัวอย่างที่คิด กลิ่นกายหอมสะอาดที่เผลอสูดเข้าไปเต็มปอดทำเอาคนเกียจคร้านเบิกตาโพรง 

ภาพตรงหน้าดูจะทำให้เขาช็อกยิ่งกว่า  เมื่อใบหน้าคมของคนเจ้าเล่ห์ที่เขาแสนเกลียดอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก ชัดเจนเสียจนเขาเห็นไรหนวดเขียวครึ้มที่ขึ้นบางๆบริเวณสันคาง  ใบหน้ายามหลับของคนใจร้ายดูไร้เดียงสาราวกับเด็ก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับคนร้ายกาจคนนั้น

เสียงทุ้มเบสดังก้องอยู่ในหัว คำพูดเมื่อคืนที่เขาได้รับฟังมันคือความจริงใช่มั้ย มือบางแหวกสาบเสื้อตัวโคร่งดู ระทึกน้อยๆกับสิ่งที่เห็น ไม่ผิด แจจุงไม่ได้ฝันไป ตัวอักษรสีจางๆบริเวณหน้าท้องขาวเรียงเป็นชื่อของคนที่เขารู้สึกดีทุกครั้งที่นึกคิด
MY YUNHO เหตุผลให้หัวบอกให้เกลียดคนใจร้ายตรงหน้า กระทั่งเรื่องของจิตใจเขายังอุตส่าห์มาครอบงำ ปั่นหัวคนอื่นเล่นอย่างเลือดเย็น คนล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ เขาเกลียดที่สุดจริงๆ


แต่.. ทำไม สิ่งที่หัวใจรู้สึกกับตรงข้ามกัน
ดีใจที่คนๆนี้ คือ พี่ยุนโฮของเขา


เหตุผลกับความรู้สึกของเขามักส่วนทางกันเสมอ รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนเรียวหน้าสวย ไม่ควรจริงๆที่จะไปรู้สึกอย่างนั้น แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกเช่นกัน  


แปลกมั้ยถ้าเขาจะรู้สึกมีความสุข?


แจจุงจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กอย่างเผลอไผล อดอมยิ้มไม่ได้จริงๆเมื่อสังเกตว่าคนที่หลับอยู่นั้นนอนอ้าปากกว้างแค่ไหน...น่าเกลียดจริงๆ

ระหว่างที่ลอบมองพิจารณาใบหน้าหล่อเหลา คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกแปลกๆบริเวณเรียวขา...เหมือนมีอะไรไต่ขึ้นมา  ร่างบางสะดุ้งกับสัมผัสอุ่นที่เวียนวนไปทั่วปลีน่องคู่สวยคนตัวเล็กพึ่งตระหนักได้ว่าช่วงล่างของตนปราศจากอาภรณ์ใดๆแม้กระทั่งชั้นในตัวเก่ง  โดยไม่ทันระวังตัวฝ่ามืออุ่นลูบไล้ขึ้นมาจนถึงสะโพกสวยได้รูป ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  มือเรียวฟาดหนักๆไปที่แผงอกกำยำของคนตรงหน้า


ไอ้บ้าแกล้งหลับก็ไม่บอก


“อย่ามาทะลึ่งนะ ตื่นแล้วก็ลุกสักที” คนสวยแกล้งพูดดุๆ
ใบหน้าขาวแดงก่ำไม่รู้จะสบตาคนตรงหน้ายังไงแล้ว ร่างบางทำท่าจะลุกออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดแต่ไม่อาจลุกหนีได้อย่างใจ เมื่อถูกกำแพงมนุษย์ร่างหนาลุกตามขึ้นมานั่งขวางทางอยู่แถมมือไม้ซุกซนก็จ้องจะลวนลามตัวเองอยู่ตลอด ทำเอาแจจุงได้แต่นั่งจ่อมอยู่กับที่ไม่กล้าขยับหนีไปทางไหน  เมื่อสายตาคมมองเรือนร่างที่อยู่ในสภาพหมิ่นเหม่เหลือเกินของตนไม่วางตา สองมือค่อยๆจัดเสื้อที่หลุดมาถึงไหล่ลาดเนียนขึ้นมาปิดถึงคอ จ้องกับคนตรงหน้าอย่างเคืองๆ


แต่แจจุงคงจะลืมไปว่า เมื่อตัวเองดึงเสื้อไปปิดข้างบน
ความยาวของเสื้อมันก็ไม่พอจะปกปิด..ด้านล่าง


คนโดนดุขยับหน้าเข้ามาแนบแก้มใสของคนตัวเล็ก ดวงตาคมดุจเหยี่ยวค่อยๆเปิดออกส่งยิ้มพร้อมสายตากรุ่มกริ่มใส่ดวงตาคู่สวย

“เธอทำให้ตื่นตั้งนานแล้ว”

คำพูดชวนสงสัยที่ทำให้เกิดอาการร้อนผ่าวทั่วใบหน้าสวย จากดวงตาคมดุจเหยี่ยวของยุนโฮที่จ้องตอบมา ก่อนเลื่อนสายตาไปถึงจุดอื่นที่ตั้งใจให้รู้ว่ากำลังตื่น


ไอ้โรคจิต ชั้นไม่ได้หมายถึงส่วนนั้นสักหน่อย


      เมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้วก็ชิงทำเป็นโกรธกลบเกลื่อนความเขิน ร่างเล็กดันร่างหนาที่ถือวิสาสะรั้งตัวเองเข้าไปในวงแขนกว้าง ดิ้นหนีขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดรัดแน่นดั่งปลอกเหล็ก จนกลายเป็นสงครามขนาดย่อม ด้วยความที่ยุนโฮรู้ว่าแจจุงพึ่งฟื้นจากพิษไข้ จึงไม่กล้าทำอะไรที่มันรุนแรงมาก แต่ดูเจ้าตัวจะไม่รู้ถึงความหวังดี ขยับหนีวุ่นวายไปหมด ยิ่งร่างบางดิ้นส่วนนั้นก็ยิ่งถูไถไปมากับต้นขาแข็งแรงของคนตัวใหญ่ จนน้องชายเขาเริ่มจะเรียกร้องความสนใจโดยขยายตัวใหญ่ขึ้นจนเขาอึดอัด ถ้าคนในวงแขนยังไม่ยอมอยู่นิ่งเข้าไม่แน่ใจว่าตัวเองจะอดทนได้ถึงเมื่อไหร่  ในที่สุดสงครามก็ยุติลงเมื่อร่างบางถูกจับกดลงกับที่นอนนุ่ม โดยมีร่างใหญ่คร่อมอยู่ด้านบน

“จะหยุดดิ้นได้หรือยัง...หืมมม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แกล้งสอดมือเข้าไปในเสื้อนอนตัวสวย ที่เขาเปลี่ยนให้เมื่อคืน เสื้อตัวนี้คงใหญ่ไปสำหรับแจจุงแต่ความยาวของมันที่คลุมปิดสะโพกมนลงมาละต้นขาออกจะรุ่มร่ามไปสักหน่อย แต่เมื่อสวมเพียงเสื้อตัวเดียว แถมเจ้าตัวยังดิ้นไปมาไม่ยอมหยุด เสื้อตัวยาวมันก็เปิดขึ้นมาอวดโชว์ผิวเนียนลื่นน่าสัมผัส แล้วใครจะไปทนไหว

ใบหน้าที่มองเขาอย่างกับจะหาเรื่อง ดูยั่วยวนกว่าที่เคยกว่าจะรู้ตัวอีกทีริมฝีปากได้รูปก็ทาบทับไปทั่วกลีบปากบวมเจ่อของแจจุงอย่างอดไม่อยู่ สัมผัสเนินนานราวกับจะดูดกลืนคนตัวเล็กไปทั้งตัว รสจูบหวานละมุนแบบที่แจจุงไม่คิดจะได้รับจากยุนโฮทำเอาแจจุงเผลอไผลลืมตัวไปชั่วขณะ 

มือที่ดันคนตัวใหญ่ไม่ให้เข้ามาใกล้เกินไปกับโอบล้อมรอบเอวหนา  มือไม้ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังแข็งแรงปล่อยเสียงครางไม่เป็นภาษาในลำคอ เมื่อลิ้นเล็กกำลังถูกไล่ต้อนกวาดความชุ่มชื้นในโพรงปากนิ่มอย่างหิวกระหาย  เป็นเวลายาวนานกว่าคนตัวใหญ่จะถอนริมฝีปากออก เมื่อเริ่มรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังขาดอากาศหายใจ  ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ก่อนใช้นิ้วเกลี่ยแผ่วเบาเช็ดคราบน้ำลายที่มุมปากสวย แจจุงปัดมือคนหวังดีออก เขายังตกใจเรื่องคนตรงหน้าไม่หาย แล้วอยู่ดีๆก็มาทำเป็นอ่อนโยนกับเขาแบบนี้ มันทำให้สับสนจริงๆ  ยิ่งทำแบบนี้แจจุงยิ่งหวั่นไหว  ยุนโฮชะงัก หน้าเสียเล็กน้อยแต่ก็ยังฝืนยิ้มกับคนตรงหน้า

“ทำแบบนี้ทำไม?” แจจุงถามใบหน้าหาเรื่อง ทั้งที่ในใจอ่อนยวบไปหมดแล้ว

“อยากทำ” เสียงทุ้มตอบกับสั้นๆ

….. อยากทำ หมายถึง อะไร? หรือแค่ต้องการเอาชนะ…..


ใจคอหล่นวูบทันทีกับคำตอบที่ได้รับรู้ ใบหน้าสวยถอดสี ก่อนระเบิดความรู้สึกกดดันในใจออกมาด้วยความน้อยใจระคนโมโห

“ไม่รู้หรือไง ว่าชั้นเกลียดนาย คนเลว ไม่ว่านายจะทำดีแค่ไหนมันก็ทดแทนความเลวในอดีตได้หรอก!!!” แจจุงตวาดกลับสุดเสียง กลบเกลื่อนความหวั่นไหวแปลกๆที่แทรกขึ้นมาในหัวใจของตัวเอง จากท่าทีเปลี่ยนไปของคนตรงหน้า คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับให้มันตอกย้ำในหัว เตือนตัวเองว่า เขาคือคนสาระเลว อย่าไปรู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขายื่นให้

“นั่นมันเรื่องของเธอ”

“นายหมายความว่ายังไง ชั้นเกลียดนายได้ยินมั้ย!

“ได้ยินสิ เธอจะเกลียดชั้นก็เกลียดไปเพราะมันเป็นสิทธิ์ของเธอ สิ่งที่ชั้นทำกับเธอชั้นไม่หวังให้เธอให้อภัยหรอกนะ...ขอโทษนะแจจุง...แต่ชั้นคงจะปล่อยเธอไปไม่ได้...มันสายไปแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่นพร้อมจ้องมองดวงตาหวานคู่สวยอย่างมีความหมาย ก่อนพูดประโยคที่ทำให้คนขี้โวยวายถึงกับเงียบสนิท

“เพราะชั้นคิดว่าชั้นรักเธอ...แจจุง”

“พะ...พูดอะไรของนาย อย่ามาพูดบ้าๆนะ ชั้นเป็นผู้ชาย”

“รู้แล้ว...เพราะนายเป็นผู้ชายไง”
“ไอ้โรคจิต อย่ามาทำแบบนี้นะ ชั้นไม่ได้ชอบผู้ชาย”

      มือหนาโอบรั้งรอบเอวบางเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนได้ยินเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจคนทั้งคู่   ใบหน้าเล็กของยุนโฮก้มเข้าหาคนที่ซ่อนหน้าขึ้นสีแดงจัดไว้จนแนบชิดไปกับอก  ด้วยความตกใจที่มีลมหายใจอุ่นๆรดข้างแก้ม  คนสวยเงยหน้าขึ้นมามองพอดีกับริมฝีปากอิ่มซึ่งรอท่าอยู่แต่แรก รีบประกบทับกลีบปากแดงเจ่อ  ก่อนส่งลิ้นคว้านเข้าไปกวาดต้อนภายในช่องปากนิ่มลิ้มชิมรสหวานของคนตัวเล็กดูดกลืนมันทุกหยดหยาดลิ้นเปียกชื้นไล่ต้อนลิ้นเล็กที่เอาแต่ถอยหนี

      จนในที่สุดก็ตวัดเกี่ยวพันกันจนแยกไม่ออกว่าลิ้นใครเป็นลิ้นใคร รสชาติหอมหวานของคนตัวเล็กมันทำให้ยุนโฮลุ่มหลงแทบคลั่ง  ฝ่ามือใหญ่ร่นเสื้อนอนคนตัวเล็กจนขึ้นมาถึงยอดอกความงดงามของมันทำให้เขาไม่ลืมที่จะหยุดทักทาย ดื่มด่ำความหวานบนเม็ดสีชมพูเล็กๆที่แข็งเป็นไตรอรับสัมผัสทั้งสองข้าง ด้วยความลืมตัวร่างบางจึงแอ่นอกรับปลายลิ้นร้อนที่หมุนวน ตวัดเลียทั่วยอดอกสวย เสียงลมหายใจหอบจัดของคนทั้งคู่ดังแรงขึ้น จากความร้อนระอุของอุณหภูมิภายในร่างกายที่ทะยานสูงจนใกล้จะระเบิดออกมา

      ลูบไล้มือไปตามเนื้อเนียนละเอียด ตั้งแต่เอวค่อดเคลื่อนต่ำลงไปถึงข้อเท้าของร่างที่เริ่มอ่อนระทวย มือสวยจิกกำผ้าปูที่นอนผืนหนาจนยับยู่ยี่ไปหมดด้วยความเสียวซ่าน ด้วยความที่ยุนโฮไม่อยากรังแกร่างบางมากไปกว่านี้เพราะกว่าว่าอาการไข้ที่พึ่งจะทุเลาจะย้อนมาเล่นงานคนตัวเล็กอีก จึงพยายามหยุดความต้องการสัมผัสแจจุงให้ลึกซึ้งกว่านี้ ค่อนข้างอาศัยความอดทนมากมายสำหรับเขาเหลือเกิน เมื่อร่างเล็กตรงหน้านั่นดูเย้ายวนเหลือเกิน ทั้งแววตาที่ฉ่ำเยิ้มด้วยแรงอารมณ์ เสียงครางหวานหู แถมมือไม้ซุนซนก็ปัดป่ายไปทั่วกล้ามเนื้อกำยำของเขา...แล้วเขาต้องทำยังไงดี?

      ก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เขาต้องจัดการหยุดมันซะก่อน  ยุนโฮค่อยๆดึงเสื้อคนตัวเล็กลงมาปิดสิ่งสงวน ก่อนช่วยปัดปอยผมที่กระเซอะกระเซิงให้เข้าที่ กริยาของคนตัวใหญ่ทำให้เรียกสติของแจจุงกับคืนมาทั้งหมด ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงจัดด้วยความเขิน เมื่อกี้เขาเคลิ้มไปกับคนตรงหน้าได้ยังไง แล้วยังแอบรู้สึกขัดใจที่จู่ๆยุนโฮก็หยุดการกระทำเพียงแค่นั้น

เป็นอะไรไปแจจุง  น่าเกลียดจริงๆ

      ด้วยความละอายใจและก็โมโหตัวเองทำเอาคนสวยไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมา ใช้นิ้วเขี่ยปลายเสื้อที่ยาวลงมาเล่นแก้เก้อ ก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อพบว่าตัวเองได้ถูกยกลอยขึ้นมาในวงแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม  มือทั้งสองรีบคล้องเกี่ยวคอคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาณ

“ปล่อยนะ!...นายจะทำอะไร?” แจจุงเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อช่วงยาเรียวยาวพาเดินไปใกล้ระเบียง จากชั้นลงมองลงไปข้างล่างมันดูน่าหวาดเสียวไม่น้อย เขาว่าแล้วว่าไอ้โรคจิตมันบ้า มันก็แค่หลอกล่อเขาให้ตายใจก่อนจะโยนร่างเขาลงไปข้างล่าง

“จับดีๆล่ะ เดี๋ยวตกไม่รู้นะ” ชายหนุ่มแกล้งทำท่าจะปล่อยร่างบางในวงแขนให้หล่นตุ๊บลงไปข้างหน้า

“อ๊ะ...อย่านะ...อย่าปล่อย” แจจุงโวยวายเสียงสั่น เรียกรอยยิ้มละมุนจากคนขี้แกล้งอีกจนได้

“จะเอายังไง...เดี๋ยวให้ปล่อย...เดี๋ยวไม่ให้ปล่อย”ยุนโฮก้มหน้าเข้าไปกระซิบติดใบหูเอ่ยคำพูดแกมบังคับ

 “เรียกพี่ว่าพี่ยุนก่อนสิ แล้วพี่จะพาไปส่งที่โรงเรียน”เมื่อเห็นว่าคนถูกแกล้งนิ่งเฉยไม่เอ่ยถ้อยคำตามใจ ยุนโฮจึงกระตุ้นด้วยคำพูดประกาศิต

“หรือว่าแจจุงติดใจพี่ จนไม่อยากกลับบ้านไปอยู่กับพี่ฮีชอลซะแล้ว”ได้ผลแจจุงละล่ำละลักพูดชื่อยุนโฮอย่างไว เขาอยากกลับไปหาพี่ฮีชอล ไม่ได้อยากอยู่กับไอ้บ้านี่สักหน่อย แต่ดูเหมือนคนขี้แกล้งจะทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น

“อะไรนะ พี่ไม่ได้ยินเลย”

“พะ...พี่ยุน”

“แค่นี้เองเหรอครับ”

      ชายหนุ่มพูดลอยๆ แต่พอเห็นแววตาดุของแจจุงเข้าก็รีบวางร่างบางลงกับพื้น เขาหัวเราะเบาๆก่อนรวบคนเจ้าเล่ห์ที่พอเขาปล่อยตัวปุ๊บก็รีบตั้งทางหนี แต่ก็ช้ากว่ายุนโฮอยู่ดี ร่างบางจึงปลิวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย ยุนโฮดันร่างบางชิดราวระเบียงโลหะ โอบกอดเอวบางในวงแขนอุ่นหลวมๆ คนที่ตอนแรกทำท่าจะโวยวายอีกหน กับตะลึงมองภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าอย่างกับถูกมนต์สะกด ความงดงามของทัศนียภาพยามเช้า มันเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด ใบหน้าสวยยิ้มรับเช้าวันใหม่อย่างมีความสุข เปลือกตาสีมุกปิดลงรับสัมผัสสายลมอ่อนที่พัดผ่านผิว ก่อนลืมตาขึ้นมาดื่มด่ำกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าด้วยความประทับใจ


ดวงตะวันกำลังขึ้นสู่ท้องฟ้า


แสงสีส้มค่อยๆกระจายความสว่างเต็มท้องฟ้า สีสวยเสียจนไม่อาจละสายตาออกจากภาพตรงหน้าได้ พึ่งรู้ว่าดวงตะวันเวลาค่อยๆขึ้นสู่แผ่นฟ้า ชั่วขณะที่ความมืดซึ่งปกคลุมรอบด้าน แปรเปลี่ยนเป็นความสว่างรอบทิศทาง เป็นภาพที่ดูทั้งอบอุ่นและก็งดงามไปพร้อมกัน แจจุงหันมาส่งยิ้มกว้างให้คนที่โอบกอดด้านหลังอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบหันหน้าหนีทันควันเมื่อได้รับรอยยิ้มตอบ

ด้วยความเนียนยุนโฮจึงถือวิสาสะวางคางกับซอกคอสวย ลมหายใจอุ่นจัดถูกส่งออกมารดผิวขาวใสบริเวณต้นคอ ทำเอาแจจุงไม่กล้าขยับตัวหนี แต่ยุนโฮก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้นจริงๆ แค่นี้แจจุงก็เกลียดเขาจนไม่อยากจะมองหน้าอยู่แล้ว

ตลอดระยะทางมาโรงเรียน คนตัวเล็กไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งมองนิ้วมือของตัวเองอยู่ได้ มันก็มีสิบนิ้วเท่าเดิมนั่นแหละ คนขี้แกล้งอดไม่ได้ที่จะแยกมือเรียวนุ่มมากุมไว้เอง คนขี้โวยวายทำได้แต่ส่งสายตาดุที่มองเท่าไหร่เขาก็ไม่เห็นแววดุในแววตาคู่นั้น จนแจจุงเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่างรถอีกข้าง ปล่อยให้เขากอบกุมมือนิ่มจนพอใจ
“ตอนเย็นพี่มารับนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

“ไม่ต้อง...ชั้นกลับเองได้” พูดจบร่างบางก็เปิดประตูรถลงไปทันที ก่อนจะรีบวิ่งเลาะไปทางห้องน้ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง ริ้วรอยแห่งความกังวลปรากฎบนใบหน้าสวย


จะไม่ให้เขากังวลได้ยังไง  ในเมื่อตอนเช้ากว่าเขาจะออกจากห้องน้ำได้ ก็โดนไอ้บ้านั่นมัน…. คิดแล้วหงุดหงิด ทำไมวันนี้ห้องน้ำมันดูเหมือนอยู่ไกลนักนะ







      เสียงดังเตือนของนาฬิกาเรือนหรูส่งเสียงเตือนผู้เป็นเจ้าของบ้านว่ายามนี้ นั้นอยู่ในห่วงเวลาใด  สองเท้าเล็กเร่งก้าวลงจากบันไดชั้นบนสุดของบ้านด้วยความเร่งรีบโดยที่ไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลยสักนิด  เมื่อลงมาถึงขั้นบันไดขั้นสุดท้ายได้แล้ว สองแขนเรียวเล็กไขว่คว้าหาสัมภาระที่จะเตรียมไปมหาลัยโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาด้วยความร้อนรนคนตัวเล็กเลยไม่ทันได้มองเห็นร่างโปร่งที่มายืนรออยู่หน้าบ้านเพื่อต้อนรับอรุณสวัสดิ์ในยามเช้า

อ๊ะจุนซูอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อหันมาชนเข้ากับอาจารย์หนุ่มสุดหล่อที่ควบตำแหน่งว่าที่แฟนในอนาคตสำหรับจุนซูแต่ถ้าเป็นยูชอนแล้วล่ะก็...ชายหนุ่มอาศัยความเนียนเป็นแฟนไปก่อนหน้านั้นเสียแล้ว - -+

หวัดดีจุนซู^^”ใบหน้าขาวใสเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

พี่ยูชอน...มาได้ไงฮะ?

ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะก็ชั้นรู้จักบ้านนายแล้วนี่...แถมจำได้แม่นยำเลยล่ะ แล้วต่อไปนี้ชั้นจะมารับนายไปส่งที่มหาลัยทุกวัน...ดีใช่มั้ยล่ะ^^”

เอ๋?จุนซูเอียงคอมองอย่างสงสัย ยูชอนต้องการจะบอกอะไรกับเขากันแน่?

นายสายแล้วไม่ใช่หรอ...ชั้นว่าเรารีบไปกันเถอะนะชายหนุ่มรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ก็จะให้เขาบอกว่าอะไรล่ะ...หัวใจพี่เรียกร้องงั้นหรอ???

จริงด้วย...ไม่ทันแน่เลยฮะจุนซูร้องโวยวาย

ทันสิ...นี่ชั้นยูชอนนะ...ขึ้นรถเถอะเปิดประตูไว้อยู่รอก่อน จุนซูไม่รอช้าที่จะขึ้นไปนั่งเพราะไม่มีหนทางไหนที่จะทำให้เค้าไปถึงมหาลัยได้เร็วเท่านี้อีกแล้ว...ด้วยรถของพี่ยูชอนไง

     บรรยากาศในรถเป็นไปตามแบบที่คุณครูหนุ่มคาดไว้คือทั้งเงียบและน่าอึดอัด จุนซูเพียงแค่ก้มหน้านิ่งไม่ก็แค่เงยหน้าขึ้นมองวิวข้างทางโดยไม่คิดจะหันมาคุยกับเค้า พอชวนคุยก็กลายเป็นถามคำตอบคำ  เป็นครั้งแรกที่ยูชอนรู้สึกว่าอยู่กับจุนซูแล้วอึดอัด...เพราะอะไร?  คนที่วางแผนมาดีโดยการคิดหาเรื่องคุยเอาไว้ก่อนหน้านี้ ยูชอนกลับนึกโมโหตัวเองอยู่ในใจเพราะถึงจะวางแผนมาดียังไง แต่ตอนนี้เรื่องราวที่ต่างคบคิดมานั้น...เค้าลืมมันไปหมดแล้วล่ะTT

คือว่า...ชั้น...

มีอะไรหรือเปล่าฮะ?ใบหน้าหวานหันกลับมาถามคนที่เอาแต่พูดตะกุกตะกัก


คิดออกแล้ว!

วันเสาร์นี่นายไปไหนหรือเปล่า?อีกสองวันก็จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์  ยูชอนอยากพาจุนซูไปเที่ยวหรือจะเรียกว่าเดทดีล่ะ?

ไม่ฮะ...จุนซูอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน

คือว่า...ชั้น...จะว่าไงดีล่ะเกาหัวแก้เก้อ รอยยิ้มเขินอายของชายหนุ่มกับดวงตาคู่นั้นที่หยีเล็กลงจนดูน่ารักมากมายเลยในความคิดของจุนซู

จะพาจุนซูไปไหนหรอฮะ...พี่ยูชอนจะบอกว่าอยากพาจุนซูไปเที่ยว...แบบนี้ใช่หรือเปล่าฮะ?ตัดสินใจถามออกไปเพราะรู้ดีว่ายูชอนอายเกินกว่าที่จะพูดออกมา

เอ่อ...นายรู้ด้วยหรอ>//<”ร่างโปร่งที่ทำหน้ายุ่งเพราะถูกจับได้ หันมาถามคนข้างกายที่รู้ทันเค้าไปซะทุกเรื่อง

คิคิ...ใช่มั้ยล่ะฮะ^^”จุนซูอดหัวเราะออกมาไม่ได้  พี่ยูชอนเวลาทำหน้าแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ>//<

อืม...นายจะไปกับชั้นหรือเปล่า?ดวงตาคมมุ่งตรงไปข้างหน้าตามเส้นทางถนนที่ทอดยาว ไม่กล้าหันไปถามเองตรงๆ กลัวว่าจุนซูจะตอบปฏิเสธ...เค้าคงเสียใจ  จุนซูไม่ได้ตอบอะไรกลับมาใบหน้าน่ารักรอบยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหัวไปตามจังหวะเพลงแสร้งทำเป็นไม่รับรู้อะไรและเป็นเวลาเดียวกับที่วงล้อทั้งสี่ขับเคลื่อนเข้ามายังเขตสถานศึกษา

ถึงแล้ว...จุนซูขอตัวไปเรียนก่อนนะฮะว่าเพียงเท่านั้นก็รีบเปิดประตูรถออกไปโดยไม่คิดจะหันมามองหรือฟังสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยพูด

ดะ...เดี๋ยวสิจุนซูไม่ทันซะแล้วร่างเล็กที่พึ่งลงจากรถไป ตอนวิ่งหายเข้าไปในตัวอาคารเสียแล้ว

นายยังไม่ได้ตอบชั้นเลย...จุนซู!”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น