Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…17 ความรับผิดชอบของยูชอน
สถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการกดดันทั้งตัวเค้าแล้วก็จุนซูอยู่ไม่น้อย ยูชอนรู้ดีว่าทุกคนในครอบครัวของเขาเป็นคนจิตใจดีแต่ที่ต้องมานั่งตีหน้ายักษ์ใส่แบบนี้ก็แค่จะดูท่าทีของจุนซูก็เท่านั้น
“ป๊า ม๊าชั้นเป็นคนใจดี...อย่ากลัวไปเลยชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะอยู่ข้างๆนายแบบนี้”กระชับฝ่ามือบางให้แน่นขึ้นไปอีกต้องการลดความกดดันในใจของจุนซูถึงแม้ว่ามันจะช่วยไม่ได้มากก็ตาม
ห้องรับแขกถูกแบ่งเป็นสองฝั่งด้วยกันคือ ฝั่งของยูชอนและจุนซูกับอีกฝั่งตระกูลปาร์ค เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานายองจึงเริ่มเปิดประเด็นคำถามขึ้น
“ม๊าคงไม่ต้องถามอะไรลูกมากใช่มั้ย...ยูชอน”
“เอ่อ...คือผมอธิบายได้นะฮะ”
“ไม่ต้องหรอก ทุกอย่างที่ม๊าเห็นมันเป็นคำตอบที่ชัดเจนพออยู่แล้ว”นายองตัดบทลูกชายโดยการหันทิศทางมายังจุนซูที่นั่งก้มหน้าจนคางแนบชิดกับบอก
“แล้วหนูล่ะ...ชื่ออะไร?”จุนซูสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
“ผมชื่อจุนซู...คิม จุนซูฮะ”
“เด็กที่น่ารัก ความหมายเป็นแบบนี้สินะ...แล้วพ่อแม่เธอล่ะทำงานอะไร”
“ม๊า...อย่ากดดันจุนซูแบบนี้สิฮะ”ยูชอนยอมรับว่าตัวเค้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่นายองทำแบบนี้ จุนซูตัวสั่นมากขึ้นจนยูชอนรู้สึกได้ อ้อมแขนแข็งแรงโอบประคอบไหล่บางพร้อมกับคอยตบมันเบาๆให้จุนซูรับรู้ว่าเขาจะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
“ทำไมชั้นจะถามไม่ได้ล่ะ...แล้วนี่คบกันมานานหรือยัง...ถึงได้กล้ามานอนกับลูกชายชั้นแบบนี้!”วาจาที่เหมือนจะเป็นการเฉียดเฉียนจิตใจของจุนซู น้ำตาเม็ดใสที่คลออยู่ในดวงตา ค่อยๆหยดลงยังแก้มสีชมพูช้าๆ
นายองพอจะได้ฟังเรื่องราวของจุนซูจากยูฮวานมาบ้างแล้วเพราะยูชอนเวลามีอะไรก็มักจะไปพูดคุยหรือปรึกษากับน้องชายอยู่บ่อยๆ ถึงยูชอนจะไม่ได้บอกว่าคนที่ยูชอนรู้สึกดีด้วยนั้นคือจุนซูแต่ยูฮวานก็พอจะเดาออก เด็กน่าตาน่ารักคนนี้ถูกใจนายองไม่น้อยและก็คงจะมีอะไรดีเพราะไม่อย่างนั้นไอ้เจ้าลูกชายตัวแสบจอมเลือกสรรคงไม่ออกโรงปกป้องกันขนาดนี้หรอก...ลูกพลาดแล้วล่ะยูชอน
“อย่าพูดแบบนี้นะครับ...จุนซูไม่ใช่คนแบบนั้น เค้าเป็นเด็กน่ารักเวลาอยู่ด้วยแล้วผมมีความสุข จุนซูไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ม๊าพยายามจะยัดเยียดให้เป็นแฟนกับผม...ไม่เหมือนกันเลยสักนิด”เสียงทุ่มฟังดูแข็งกร้าวหากแต่ก็ไม่ได้ฟังดูก้าวร้าว
ยูฮวานกระซิบอะไรบางอย่างกับนายองแล้วก็อมยิ้มน้อยๆ เพราะเค้าสังเกตเห็นสีหน้าของคนข้างกายพี่ชายที่ นั่งก้มหน้าจนคางแทบจะชิดกับอก แต่ใบหน้าขาวผ่องกับขึ้นสีแดงไปถึงคอ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นปูด ด้วยความที่จุนซูกำลังเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
“...........”
“เอ่อ...คือ...”ยูชอนดูเหมือนจะหลุดปากสารภาพอะไรออกมาจนหมดเปลือก
“ลูกพูดเองนะยูชอน”
ม๊าให้โอกาสลูกมากมาแล้ว...เวลาของลูกหมดแล้วล่ะ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะหนูจุนซู...บ้านนี้ต้อนรับลูกเสมอจะ^^”ท่าทีของนายองเปลี่ยนไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของวัยดูอ่อนโยนอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“แต่ม๊าฮะ”ยูชอนเอ่ยรั้งเอาไว้อีกครั้งจนนายองเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาจริงๆซะแล้วในตอนนี้
“อะไรอีก!”
“ปะ...ป่าวฮะ”
“ม๊าจะขึ้นไปเอนหลังสักหน่อย”พูดจบก็เดินขึ้นไปพร้อมๆกับมินวอนที่หันมาส่งยิ้มใจดีให้กับเด็กๆทั้งสาม
“ผมว่าบททดสอบนี้...ลูกเราสอบผ่านนะ”หันกลับมากระซิบเบาๆที่ข้างหูภรรยาก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
“จุนซูไม่เป็นไรใช่มั้ย?”ยูฮวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงจุนซูเพียงส่ายหน้าไปมาเท่านั้น จริงๆแล้วก็รู้สึกแย่อยู่มากแต่ยูชอนกุมมือเค้าเอาไว้ตลอดเวลาแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กเลยไม่รู้สึกตื่นกลัวอะไรมากนัก
ชั้นจะอยู่ข้างๆนาย...จุนซู
“พี่มิค...ริคว่าพาจุนซูกลับบ้านเถอะนายดูเหมือนไม่สบายเลย”
“อืม...ริคกี้นายเข้าใจพี่ใช่มั้ย?”ยูชอนหันมาถามน้องชายสุดที่รักที่รู้ใจเขามากที่สุด
“เข้าใจสิฮะ...ก็เราเป็นพี่น้องกันหนิ...อีกอย่างจุนซูน่ารักจะตายไป^^”คำพูดของยูฮวานเล่นเอาคนฟังยืนบิดไปบิดมาทำอะไรไม่ถูก
“จุนซูกลับบ้านกันเถอะ...ชั้นจะไปส่งนายเอง”
“บายนะจุนซู”ยูฮวานบอกลา
“บาย”
ยูชอนขับรถมาตามทางที่จุนซูบอก ชายหนุ่มชะลอรถให้ช้าลงเมื่อผ่านมาถึงสนามเด็กเล่นที่จุนซูชอบมา ความทรงจำที่ดีในวันเก่าๆก็เริ่มไหลย้อนเข้ามาในหัวของคนทั้งคู่อีกครั้ง
“จอดรถทำไมฮะ?”คนตัวเล็กเอ่ยถามหลังจากที่นั่งเงียบมานาน
“นายกำลังไม่สบายใจชั้นรู้...ชั้นอยากพานายมาที่นี่ ที่ที่นายชอบมา”ปลดเข็มขัดเปิดประตูออกไปก่อนจะเดินอ้อมไปยังฝั่งที่จุนซูนั่ง
“ลงมาสิ”เท้าเรียวค่อยๆก้าวออกมาตามคำสั่งของชายหนุ่ม
“อยากเล่นชิงช้ามั้ย?”ใบหน้าหล่อของยูชอนหันมาถามจุนซู ศีรษะเล็กพยักขึ้นลง แล้วความเงียบก็บังเกิดไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นยูชอนรู้ดี แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วเราก็คงจะย้อนกลับไปไม่ได้ วิธีที่ทำได้ในตอนนี้คือแก้ไขมันไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่าเก่า
“รู้อะไรมั้ย...ชั้นชอบนายในแบบที่นายร่าเริงมากกว่าจุนซู...ชั้นไม่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้เลย”
“............”
“จุนซูของชั้น(?)ไม่ร่าเริงแล้วชั้นจะมีความสุขได้ยังไงถ้านายยังเป็นแบบนี้?”คำพูดของยูชอนเรียกต่อมน้ำตาจุนซูให้ไหลได้ไม่ยาก ใบหน้าหวานแดงก่ำทั้งรู้สึกดีกับคำพูดของยูชอน แต่ก็ยังมีความสับสนอยู่หลายอย่าง ก่อนที่หยาดน้ำใสจะค่อยๆหยดลงช้าๆอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับมองไม่เห็น มือหนายังคงไกวชิงช้าด้วยความเร็วที่พอเหมาะไปเรื่อยๆ
จุนซูยังคงมีเรื่องให้ต้องขบคิดอยู่มากพอมาเจอเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง คนที่เก็บความรู้สึกเก่งๆอย่างเขาก็ใช่ว่าจะร้องไห้ไม่เป็น มันอึดอัดจนอยากระบายออกมาแต่ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนจะระบายออกมาไม่หมดสักที จุนซูยังคงร้องไห้ออกมาไม่หยุดแรงสะอื้นทำให้ยูชอนพอจะมองออกมาจุนซูกำลังร้องไห้ออกมามากแค่ไหน มือหนาปล่อยโซ่เหล็กที่จับอยู่ออกก่อนจะเดินมานั่งยองๆตรงหน้าเอื้อมฝ่ามือไปจับข้อมือบางที่เอาแต่ขยี้ตาจนตอนนี้เริ่มบวมช้ำ จุนซูก้มหน้าหลบสายตาจากยูชอนแต่ชายหนุ่มกลับเชยคางขึ้นเพื่อที่จะได้เช็ดน้ำตาออกได้ถนัดยิ่งขึ้น ความอ่อนโยนจากคนตรงหน้ายิ่งทำให้จุนซูที่จิตใจอ่อนไหวสะอื้นไห้ออกมาไม่หยุด
“นายคงเสียใจ...ทั้งๆที่นายไว้ใจชั้นมากแต่เรื่องแบบนี้ก็ยังเกิดขึ้น...ใช่มั้ยจุนซู?”
“.............”
“ชั้นมันแย่...ชั้นทำลายความไว้วางใจของนาย...ชั้นผิดเอง”ยูชอนก่นด่าตัวเองอย่างโมโห ถ้าเมื่อวานเค้าไม่เมาเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“ฮึก...ไม่นะฮะ...พี่ยูชอน...ฮึก..ไม่ผิด...ฮึก”จุนซูเอ่ยแย้งขึ้น
“ผิดสิ...ชั้นจะไม่บังคับนายนะจุนซู...ถ้านายจะปฏิเสธการคบกันของเรา”
“...........”
“แต่ชั้นก็แค่อยากจะบอกนาย...ว่าชั้น...”
“ฮึก...ว่าอะไรฮะ?”
“ชั้นรู้สึกดีกับนายนะ...ถ้าเราจะคบกัน...คือชั้นหมายถึง...”มือหนายกขึ้นเกาศีรษะแก้เก้อไม่รู้ว่าจะพูดออกไปยังไง ตอนนี้จุนซูหยุดร้องไห้ไปแล้วดวงหน้าหวานที่เปื้อนคราบน้ำตาเงยขึ้นมามองชายหนุ่มอย่างคนตั้งใจฟัง
“ถ้านายไม่ปฏิเสธจะคบกับชั้น...งั้นเราก็...มาคบกันมั้ย?”
คำพูดคำนี้ที่จุนซูอยากได้ยินมันมากที่สุด วินาทีคงไม่มีอะไรวิเศษไปกว่านี้อีกแล้วสินะ คนตัวเล็กนั่งตัวแข็งทื่ออ้าปากค้าง ความรู้สึกในจิตใจหลั่งไหลออกมามากมาย เสียงโห่ร้องดีใจ ความว่างเปล่า ความรัก ความเศร้า ความรู้สึกเหล่านี้วิ่งชนผสมปนเปกันมั่วไปหมดในหัวใจดวงน้อย จุนซูไม่ได้เอ่ยปากตอบรับหรือปฏิเสธ เขาแค่บอกกับชายหนุ่มว่าอยากกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดใจอะไร ระหว่างทางขับรถก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ยังคงมีแต่เสียงเต้นบอกถึงการมีชีวิตของหัวใจดวงน้อยๆสองดวง ความเงียบเชียบยังคงเกิดขึ้นไปเรื่อยๆจนเมื่อมาถึงยังที่หมาย...บ้านของจุนซู
“ขอบคุณนะฮะพี่ยูชอน”บอกเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินลงจากรถ ตอนนี้จุนซูคงจะเหนื่อยซึ่งยูชอนก็เข้าใจดี ร่างโปร่งเปิดประตูรถอีกด้านก่อนจะเอ่ยคำพูดที่นั่งคิดมานานตลอดระยะทางที่ขับมา
“จุนซู...ชั้นอาจจะดูเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแต่ชั้นรู้สึกได้ว่านายเองก็มีความรู้สึกดีๆกับชั้นเหมือนกัน”
หัวใจของชั้นมันไม่เคยคาดเดาอะไรผิด
“..........”
“คำตอบจากนายชั้นจะรอนะ...ชั้นจะรอ”เน้นย้ำอีกครั้งว่าตัวเค้าไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆหรือว่าเห็นเป็นเรื่องล้อเล่น
ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“เอ๋?”
“เอาละ...คนดีนายควรพักผ่อนให้เยอะๆนะ...นายบอกเองไม่ใช่หรอว่านายแพ้เหล้าน่ะ”
พี่ยังจำมันได้ด้วยหรอฮะ
เรื่องเล็กน้อย...
“แต่นายก็กินมันเข้าไปซะเยอะเลย^^”ยูชอนลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นอย่างเอ็นดูก่อนจะกดจูบลงไปยังหน้าผากมนโดยที่จุนซูเองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโผล่งขึ้นอย่างตกใจและเขินอายไปพร้อมๆกัน
“เข้าไปสิ...ชั้นจะรอส่งนาย”เมื่อจุนซูเดินเข้าไปแล้วยูชอนก็กลับเข้ามาที่รถ พาหนะคันหรูเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่นานคนที่แอบมองอยู่ตรงหน้าต่างบานหรูมือเล็กแหวกม่านออกมองไปตามถนนที่ทอดยาวออกไป
“บายฮะ...พี่ยูชอน”
สองขาเรียวยาวเร่งฝีเท้าในการก้าวเดินเด็กหนุ่มที่มีท่าทีเร่งรีบหอบของพะรุงพะรังในชุดกราวด์สีขาวดูจะเป็นที่คุ้นตากันไปแล้ว ยูฮวานหายใจเหนื่อยหอบวันนี้เป็นอีกวันที่เขามาสายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทันคลาสเรียนแรกของวันกำลังจะเริ่มในอีกห้านาทีข้างหน้า...ยังพอมีเวลา ก่อนใช้ลำตัวดันประตูเข้าไปแทนการเปิด ท่าทีรีบร้อนนี้อยู่ในสายตาของคุณหมอหนุ่มรุ่นพี่
“ลมอะไรหอบนายมาเรียนทันได้เนี่ย?”ยุนโฮเอ่ยถามขึ้น น่าแปลกที่อดีตรุ่นน้องคนนี้จะเข้าเรียนทันเหมือนนักศึกษาแพทย์คนอื่นๆ
“แฮ่กๆ...ไม่ดีหรอไงฮะ?”กองเอกสารพร้อมรายงามเล่มหนาอีกสองเล่มวางลงยังโต๊ะ ยุนโฮมองมันอย่างฉงน
“อะไรอีกล่ะเนี่ย”
“อ่าว...ก็งานที่ทำเสร็จแล้วไงล่ะฮะพี่รู้มั้ยว่าริคอ่ะรีบทำแทบตาย”ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ยังคงผุดขึ้นตามใบหน้าใสเรื่อยๆ
“แล้วนี่หายดีแล้วหรอ...เจ้าตัวแสบ”
“ฮะ...ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ^^”
“เอ่อ...ลืมบอกไปไม่ต้องเอางานมาส่งที่พี่แล้วนะ...พี่ไม่ได้เป็นรุ่นพี่ของนายแล้วล่ะ...เสียใจด้วย”
“อะไรนะฮะ...พี่หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่านายถูกยกให้กับรุ่นพี่ชางมินเรียบร้อยแล้ว^^”เสียงใสของคนที่เข้ามาใหม่เอ่ยแทรกขึ้น
“พูดอะไรของนายแทมิน”ยูฮวานค้อนร่างบางด้วยสายตาดุๆอย่างไม่สบอารมณ์
“หวัดดีฮะพี่ยุนโฮ...ผมมารายงานตัวกับพี่แล้วนะฮะ”
“ครับผม...ก็คืองี้นะนายจำวันนั้นได้มั้ยล่ะ?”
“จำได้ฮะ..ริคจำได้ดีเลยล่ะ”สีหน้าดูจริงจัง
“เฮ้ยยย...ชั้นขี้เกียจเล่าแล้วถ้านายอยากรู้ก็ไปถามชางมินเอาเองแล้วกัน...พี่ต้องรีบไปสอนแล้ว”ตัดบทเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาซะอย่างนั้น บทยุนโฮจะไม่เล่าก็ไม่เล่าขึ้นมาเฉยเลย แต่ยูฮวานคงไม่ยอมง่ายๆหรอกคนตัวเล็กรีบวิ่งไปขวางประตูทางออกเอาไว้
“เล่ามาก่อน...ไม่งั้นผมไม่ให้พี่ไป”
“อะไรของนายเนี่ย...เอาไว้ก่อนแล้วกันชั้นจะรีบไปสอน นายไม่ไปเรียนหรอไงเนี่ย?”
“ก็ได้ฮะ...จำไว้เลยนะรุ่นพี่...ผมโกรธพี่แล้วด้วย”ใบหน้าง้ำงอของยูฮวานดูน่าเอ็นดูมากกว่าน่าสงสาร ดังนั้นยุนโฮจึงไม่ได้เอ่ยห้ามปรามหรือยอมปริปากเล่าอะไรออกไปมองดูเด็กขี้งอนแบบนี้มันสนุกกว่าเยอะเลย แต่ทว่าตอนที่ยูฮวานกำลังเปิดประตูนั้นใครคนนึงก็ผลักบานประตูเข้ามาซะก่อน...รุ่นพี่ชางมิน คนที่กำลังมีเรื่องค้างคาใจไม่รอช้าเดินตรงเข้าไปถามทันที
“นาย...ทำไมชั้นถึงกลายมาเป็นรุ่นน้องของนายได้ล่ะ”ยิงคำถามเข้าใส่ชางมินทันที
“อะไรของนายเนี่ย...ไปโกรธใครมาจากไหนลืมไปแล้วหรอว่าชั้นรุ่นพี่นายเชียวนะ”เลิกคิ้วขึ้นอย่างคนยียวนกวนประสาท
ยูฮวานคงหายจากไข้แล้วถึงได้มายืนด่าเขาปาวๆแบบนี้
“ก็นายนั่นแหล่ะ...นายคนเดียว”จมูกโด่งรั้นขึ้นสีด้วยความโมโห
“คำก็นายสองคำก็นาย...ได้ชั้นเป็นรุ่นพี่มันเสียหายตรงไหนไม่ทราบ”ยื่นใบหน้าคมเข้มเข้าไปใกล้คนที่ตัวเล็กกว่า
“ก็ชั้นไม่ชอบขี้หน้านายหนิ”พูดออกไปโดยไร้ความยั้งคิด ชางมินที่หน้าระรื่นเมื่อครู่ตอนนี้กลับมีแค่สีหน้านิ่งเฉยฉายผิดหวังเล็กน้อยกับคำพูดของยูฮวาน
“นี่ริคนายพูดแบบนี้ได้ไง”แทมินที่สังเกตเห็นสีหน้าผิดหวังเพียงเสี้ยววินาทีของชางมินพูดขึ้น
“นายไม่เกี่ยว”หันมาดุใส่แทมินอย่างร้ายกาจ
“เอาล่ะชั้นจะให้โอกาสเธออีกสักครั้งก็ได้บอกมาสิว่าใครคือรุ่นพี่ของนาย...คิดให้ดีๆนะ”
โอกาสที่ชางมินหยิบยื่นมาให้นั้นยูฮวานพยามยามคิดไตร่ตรองเป็นอย่างดี ถ้าตอบผิดครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเขาเองที่พลาดโอกาสที่จะได้อยู่กับรุ่นพี่ที่ใจดีอย่างยุนโฮคงหมดไป แล้วเค้าก็คงจะมาสายไม่ได้อีกแล้วถ้าพลาดไปอยู่กับชางมินคนที่เคร่งคัดในกฏระเบียบเอามากๆ TT
“คนที่มาช่วยชั้น...กับคนที่นัดชั้นไปที่ห้องดับจิตจะต้องเป็นคนคนเดียวกันอย่างแน่นอนแล้วคนคนนั้นก็คือ...นายไง”
“อืม...ฉลาดดีหนิ...นายตอบถูกแล้วล่ะ”
“คิคิ...งั้นชั้นก็อยู่กับพี่ยุนโฮได้เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย”ยิ้มด้วยความดีใจจนตาแทบปิด
“ช้าก่อน...มันก็จริงที่นายตอบถูกนะยูฮวานแต่นายคงลืมอะไรบางอย่างไปคะแนนของนายมันติดลบอยู่...จำไม่ได้จริงๆหรอ?”คนที่เหนือกว่าเอ่ยออกมานิ่งๆแต่น้ำเสียงฟังดูสะใจไม่น้อย
“คะแนน!...ไม่จริงอ่ะ”ยูฮวานเริ่มโวยวายขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงคะแนนที่โดนชางมินหักจนติดลบเหลือศูนย์
“ยอมรับความจริงหน่อยสิ...ฉะนั้นแล้วไม่ว่านายจะตอบถูกหรือผิดนายก็แพ้อยู่ดี...ฮ่า”หัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“นายมันขี้โกง”
“ฮ่าฮา...ชั้นไม่ได้ขี้โกงสักหน่อยนะ...นายต่างหากที่พลาด^^”
เหตุผลที่ผมแลกรุ่นน้องกับยุนโฮก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมก็แค่อยากใกล้ชิดกับยูฮวานให้มากยิ่งขึ้นก็เท่านั้นเอง...เฮ้ยยยไม่ใช่ๆ...ก็ไอ้เรื่องเรื่องการมาสายเป็นชีวิตจิตใจนี่ต่างหากที่ผมได้ยิ่งมาบ่อยๆถึงจะรักเรียนแต่ไอ้นิสัยตื่นสายเนี่ยที่ยูฮวานยังแก้ไม่หายสักที ผมเลยขอรับอาสามาดูแลเรื่องนี้แทนยุนโฮที่เอาแต่ตามใจจนยัยเด็กนี่เคยตัว ถ้ายูฮวานยังปรับตรงนี้ไม่ได้ก็ถือว่ายังขาดคุณสมบัติการเป็นหมอที่ดี วินาทีแต่วินาทีมีค่ามากสำหรับหมอและตัวของคนไข้ ผมอยากถ่ายทอดตรงนี้ให้กับเค้า ไอ้เรื่องอยากใกล้ชิดตามที่เป็นข่าว? ไม่มี๊ไม่จริ๊งงงง (ขึ้นเสียงสูง - -+)
“ฮึ่ย!!!”เมื่อไม่ว่าจะเถียงยังไงงานนี้ยูฮวานก็รู้ว่าตัวเองคงจะเถียงสู้ชางมินไม่ได้ อย่างเดียวในตอนนี้คือก้มหน้ายอมรับความผิดพลาดของตัวเค้าเอง กระทืบเท้าปึ้งปั้งให้รู้ว่าตนนั้นไม่พอใจก่อนกระเดินกระแทกไหล่ชางมินอย่างที่เคยทำเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกก่อนจะเปิดประตูออกไปตามด้วยแทมิน
“ฮ่าฮา...ไอ้ยุนแกดูยัยเด็กนั่นดิ”หัวเราะจนตัวงอ
“ยั่วโมโหริคกี้สนุกมากมั้ยยล่ะห๊ะ?”
“สนุกไม่สนุกนายก็ดูหน้าชั้นดิ -0-”
“ปากก็บอกว่าไม่มีอะไรไม่คิดอะไรแต่ไอ้ท่าทางแบบนี้ กวนประสาทแบบนี้หาดูได้ยากจากสุภาพบุรุษอย่างชิม ชางมินยิ่งนัก ถ้าไม่ใช่กับคนที่ถูกใจแล้วล่ะก็นายก็คงไม่ทำแบบนี้...อย่าปิดบังชั้นเลย...ชั้นดูนายออกตั้งแต่แรกแล้วไอ้เพื่อนรัก”
“เฮ้ย...ไอ้หน้าหมีอย่ามาแซวชั้นแบบนี้น่ะโว้ย...เสียหายหมด”ใบหน้าคมเข้มขึ้นสีแดงระเรื่อ
“หรือไม่จริงอ่ะ...อย่าคิดจะปิดบังคนอย่างชั้นนะโว้ยยย”
“อะไรของแกอีกเนี่ย...อย่ามามั่วนิ่ม ว่าแต่แกเหอะเดี๋ยวนี้ชอบโดดงานจังเลยนะ โยนงานมาให้ไอ้เพื่อนคนนี้ตลอดอ่ะ เอาเวลาไปทำไรว่ะ...ห๊ะ”คนฉลาดหัวไวรีบเปลี่ยนเรื่องเอาตัวรอดทันทีเมื่อตนเองเริ่มมาถึงทางตัน
“ฮ่าฮา...เปลี่ยนเรื่องเลยนะไอ้มิน...ไม่บอกก็ไม่บอกแต่อย่ามาปรึกษาปัญหาหัวใจกับชั้นทีหลังก็แล้วกัน”คนที่เนียนกว่าอย่างยุนโฮเมื่อพูดจบปุ๊ปก็เดินออกไปปั๊ป จะบอกว่าเอาเวลาไป...เฮ้ยยยใครเค้าพูดกันล่ะเรื่องแบบนี้ >//<
นายพูดถูก...ชั้นเก็บความรู้สึกตัวเองไม่เก่ง...แต่ยูฮวานก็ยังไม่รู้อยู่ดี
ยูฮวานเดินออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวหัวเสียไม่น้อยกับเรื่องในเช้าวันนี้แต่พอนึกไปนึกว่าคำพูดเมื่อกี้ของเขาก็ดูจะแรงไปสำหรับชางมิน สีหน้าที่แสดงออกมาเพียงเสี้ยววินาทีนี้มันทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ ร่างเล็กอีกคนของแทมินที่วิ่งตามมาติดๆเอ่ยเรียกยูฮวานจากข้างหลัง
“นี่...เดี๋ยวรอชั้นก่อน...ริคกี้”
“มีอะไรอ่ะ”น้ำเสียงฟังดูเบื่อๆ
“โอ้ย...หยุดเดินทำไมไม่บอกกันก่อนเล่า”แผ่นหลังบางที่แทมินวิ่งตามหยุดเดินขึ้นมากะทันหันจนคนที่เดินตามมาเสียหลัก จับหน้าผากตัวเองเบาๆ เมื่อศีรษะกลมชนเข้ากับหลังของยูฮวานคนใจร้อน
“นายพูดแบบนั้นกับพี่ชางมินได้ยังไง...นายมันใจร้าย”ยู่ปากว่า อดน้อยใจแทนรุ่นพี่ของตัวเองไม่ได้
“แล้วนายจะมาเดือนร้อนแทนตานั่นทำไมกัน?” แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว แทมินยังจะมาตอกย้ำกันอีก
“ชั้นก็แค่รู้สึกไม่ดีที่ได้ยินนายพูดแบบนั้น...นายไม่รู้หรอว่าพี่ชางมินหวังดีกับนายแค่ไหน?”
“พอแล้วชั้นไม่อยากฟัง”
จะพูดให้ชั้นรู้สึกแย่ไปถึงไหน
“นายต้องฟัง...เพราะชั้นยังพูดไม่จบ”สีหน้าคนตัวเล็กดูจริงจังจนยูฮวานไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธหรือเดินหนีไปไหน
“พี่ชางมินเค้าห่วงนายมากเลยนะยิ่งตอนที่นายหลับไปในห้องดับจิตเอาแต่เพ้อเพราะพิษไข้”
“ใช่สิ...ก็มันเป็นความผิดของนายนั่นหนิที่ทำให้ชั้นต้องเป็นแบบนั้น คงจะกลัวชั้นเป็นอะไรตายไปก่อน...อ๊ะ”ยังพูดไม่ทันจบประโยคคนที่แอบฟังมานานก็หมดความอดทน ชางมินรวบข้อมือบางก่อนจะออกแรงทั้งยื้อทั้งฉุดให้เดินตามตนเองไป แทมินได้แต่มองตามเท่านั้น...เคลียกันเองก็แล้วกันนะ
~ ปัง ~
คุณหมอหนุ่มเหวี่ยงยูฮวานเข้าไปในห้องพักส่วนตัวแผ่นหลังบางแนบชิดติดกับกำแพง ก่อนจะตรงเข้าประชดร่างเพรียวปิดกั้นทางหนีรอด ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้เสียงหน้าหวานที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ยูฮวานตกใจไม่น้อยที่คนมาดนิ่งๆอย่างชางมินจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาแบบนี้
แค่กับนายคนเดียว...ยูฮวาน
“นี่...นายบ้าไปแล้วหรอไงห๊ะ...ปล่อยชั้นนะไอ้บ้า!”ถึงจะมีความกลัวอยู่เต็มอกแต่คนตัวเล็กก็ยังปากดีไม่เลิก
“ปล่อยนายไปหรอ...ทำไมชอบมองชั้นในแง่ลบนักนะยูฮวาน!”ความรู้สึกที่ชางมินพยายามมอบมันให้กับคนคนนี้แต่...
มันส่งไปไม่ถึงนายหรือไง...ไม่รู้สึกบ้างเลยหรอ?
“ก็นายมันมีแต่แง่ลบเต็มไปหมด”
“ทั้งๆที่ชั้นก็คอยช่วยนายมาตลอดเนี่ยนะ”สายตาที่แข็งก้าวก้มต่ำลง ไม่อยากให้ยูฮวานเห็นมันเลยแววตาที่ผิดหวัง
“ทวงบุญคุณหรอ?”คนตัวเล็กยื่นหน้ายื่นตาเข้าไปใกล้ใบหน้าคมอย่างท้าทาย แต่หารู้ไม่ว่าทำแบบนี้มันเหมือนจะเป็นการยั่วกิเลสชางมินซะมากกว่า ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเผยอขึ้นอย่างคิดว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ ไม่ได้รู้เลยว่าคนสูงโปร่งมองมันด้วยสายตาแบบไหน ดูเหมือนว่าสติยั้งคิดของคนขี้ใจน้อยจะเหลือน้อยจนเลือนราง เมื่อกลีบปากสวยน่าสัมผัสอยู่แค่ตรงหน้า ก่อนจะเคลื่อนที่ตรงเข้าประกบปิดกลีบปากสวยสดที่คอยแต่เอื้อนเอ่ยคำพูดให้เค้าน้อยใจเล่น
“อะ...อื้มมม...ปล่อยยย”ยูฮวานทั้งหลบและหลีกหนีจากสัมผัสที่จาบจ้วงนี้โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้คนตรงหน้าหยุดตัวเองไม่อยู่ การดิ้นรนของตัวเองไม่ได้ทำให้คนกระทำผิดรู้สึกตัวสักนิด ชางมินบ้าแล้วหรอไงที่ทำกับเขาแบบนี้
~ เพี๊ยะ ~
เมื่อหลุดจากพันธนาการของร่างหนา ฝ่ามือเรียวไม่รอช้าที่จะฝากรอยนิ้วมือทั้งห้าไว้ยังใบหน้าหล่อเข้ม ยูฮวานไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกร่างเพรียวผลักคนที่ฉวยโอกาสให้ออกห่างก่อนจะเปิดประตูออกไป ชางมินเมื่อได้ดึงสติกลับมาได้ก็รู้ทันทีว่าตนเองได้ทำเผลอทำอะไรที่ไม่ทันได้ยั้งคิด ปล่อยให้ความรู้สึกที่แอบซ่อนไว้ในจิตใจเป็นใหญ่กว่าเหตุผล ยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ ยูฮวานต้องโกรธเขามากแน่ๆ
“ชางมินเอ้ย...ชางมินTT”
ไม่รู้ว่าวิ่งออกมาไกลแค่ไหนแต่ตอนนี้ยูฮวานไม่สามารถห้ามน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว รู้สึกเสียใจที่ชางมินทำแบบนี้ ถ้าอยากฟังคำขอบคุณหรือขอโทษจากเขานัก เขาก็ยินดีที่จะพูดมันออกไปแต่ช่วยทำตัวให้มันเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่นายชอบทำกับคนอื่นๆบ้างได้มั้ย...ไม่ใช่คอยหาเรื่องชวนทะเลาะกับชั้นแบบนี้
“นายนั่นแหล่ะที่ใจร้าย...ชางมิน...ฮึก”ทรุดกายลงนั่งยังขั้นบันไดก่อนจะปล่อยโฮออกมา เสียงสะอื้นที่คล้ายเป็นเพื่อนคอยปลอบใจยังคงดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ
กวางน้อยตัวนี้กำลังตกใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น