Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : ?
Part…9 เสียงหัวใจ... ที่ไปไม่ถึง
วันนี้แจจุงไม่ได้มาเรียนพอจุนซูไปถามโบอาซึ่งหญิงสาวก็ให้คำตอบมาอย่างที่เขาพึ่งได้รับกับตัวเองเมื่อครู่คือ แจจุงไม่รับโทรศัพท์แต่แตกต่างตรงที่ว่าจุนซูได้รับข้อความตอบกลับมาแทน
‘ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์...พรุ่งนี้จะไปเรียนตามปกติ’
ถึงแม้จะโล่งใจที่แจจุงส่งข้อความตอบกลับมาแต่ข้อความที่ว่าดูผิดแปลกไปแจจุงไม่เคยส่งข้อความทำนองนี้มาเลยส่วนมากจะโทรมาหาเขาซะมากกว่าแล้วมีเรื่องอะไรทำไมถึงไม่บอกกันนะ จุนซูตัดสินใจลองโทรไปอีกครั้งแต่ก็กลายเป็นสัญญาณตอบรับอัตโนมัติของระบบ...ทำไมแจจุงต้องทำแบบนี้ด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“โอเคพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ แล้วเราจะให้ใครมาช่วยสอนวิชาเศรษฐศาสตร์กันล่ะเนี่ยTT”
นี่เบอร์พี่นะ ถ้าอะไรก็โทรหาได้แต่อย่าแอบเอาเบอร์ไปให้สาวๆที่ไหนล่ะ ^^”
จุนซูนึกถึงคำพูดของยูชอนแล้วก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว...จุนซูจะโทรหาพี่ยูชอนดีมั้ยนะ?
พยายามไม่คิดถึงอะไรอีกจิตใจยังคงจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือและตัวเลขมากมายตรงหน้าแต่แล้วความอดทนของจุนซูก็หมดลง ‘เฮ้ยยย’ เสียงถอนหายใจของจุนซูดังขึ้น ชีทและหนังสือเรียนเล่มหนาวางลงข้างลำตัวหนักใจกับวิชาเรียนที่ว่านี้ไม่น้อยเพราะไม่ว่าจะพยายามกับมันมากแค่ไหนผลที่ได้คือจุนซูก็ยังไม่เข้าใจกับมันอยู่ดี
“ไม่ไหวแล้วนะ!!!”
น้อยครั้งนักที่ยูชอนจะไม่อยากกลับบ้าน...หรือบางทีมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้ถ้าไม่ติดตรงที่...
‘ยูชอนวันนี้ลูกต้องทำตัวให้ว่างเพราะม๊านัดหนูเมียนจินมาทานข้าวกับเราเย็นนี้...ห้ามผิดนักนะรู้มั้ย?’
“กลับมาแล้วหรอลูก^^”คนเป็นแม่เอ่ยทักตรงโถงทางเข้า
“..........”
“น้องเค้ากำลังจะมาขึ้น...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะยูชอน”นายองพูดอย่างเอาใจยูชอนไม่ได้ตอบอะไรร่างโปร่งแค่เพียงพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
~ โต๊ะอาหาร ~
อาหารมากมายนานาชนิดที่ที่ถูกคัดสรรค์ในกรรมวิธีมาอย่างดีแล้วนั้นถูกนำมาเสิร์ฟยังโต๊ะไม้สักเรียงยาวจากหัวโต๊ะกินพื้นที่กลางโต๊ะ ซึ่งดูจากจำนวนคนแล้วเชื่อได้เลยว่าอาการมื้อนี้คงรับประทานกันไม่หมด
“เอาล่ะ...มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่านะ...นี่ลูกชายม๊าเองปาร์ค ยูชอนส่วนนี้หนูลี เมียนจินน้องเค้าน่ารักใช่มั้ยล่ะตาปาร์ค?”หญิงสาวทีอาการเขินอายที่ถูกเอ่ยชมซึ่งๆหน้าแบบนี้
“ทานข้าวกันเถอะครับ”ว่าจบก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างไม่ค่อยจะสนใจสิ่งรอบข้าง บรรยากาศดูอึดอัดไม่น้อยไม่มีเสียงอะไรเลนนอกจาก...เสียงโลหะกระทบกัน นายองเลยต้องเอ่ยอะไรออกมาบ้างเป็นการแก้ไขสถานการณ์
“ตัดอาหารให้น้องหน่อยสิยูชอน”มือหนาเอื้อมไปตักกับข้าวสองสามอย่างให้กับเมียนจินก่อนจะสนใจอาหารในจานของตนเองต่อ...ให้มันได้อย่างนี้สิเจ้าลูกชาย!
...คุณเคยรู้สึกอึดอัดบ้างมั้ยที่ต้องทำอะไรฝืนใจตัวเอง
ตอนนี้ผมรู้สึกแบบนั้น ถ้ามีอะไรมาฉุดผมออกไปจากที่นี่ได้ก็คงจะดี...
~เสียงโทรศัพท์~
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นหรือบางทีมันอาจจะเป็นเสียงสวรรค์ของยูชอนก็เป็นได้ มือหนารีบหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมารับถึงแม้จะเป็นเบอร์แปลกก็ตามทีแต่เวลานี้มันคงจะไม่สำคัญอะไร
“ฮัลโหล”
“...พะ...เอ่อ...พี่...”
“ฮัลโหล!”
“นี่พี่ยู่ชอนหรือป่าวฮะ?”
“ครับ”
“...........”
“โอเค...เดี๋ยวพี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”ราวกับมีเรื่องเร่งด่วนร่างโปร่งหยัดตัวขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะอาหารไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้อีกสองคนที่เหลืองงไปกับท่าทีของร่างโปร่ง ยูชอนยอมหักหน้ามารดาสักครั้ง
“เดี๋ยว...นั่นลูกจะไปไหนยูชอน!”ไม่ทันแล้วยูชอนสตารท์รถได้ก็ขับออกไปถึงหน้าประตูรั้งก่อนที่มารดาและเมียนจินจะวิ่งตามมาทัน
เสียงพลุที่บ่งบอกถึงชัยชนะจากกลุ่มใดสักกลุ่มหนึ่งไม่ได้ทำให้ยูฮวานและแทมินรู้สึกยินดีตามไปด้วย รุ่นพี่จะรู้มั้ยนะว่ามีรุ่นน้องตกหล่นไปถึงสองคนด้วยกันและถ้ารุ่นพี่ไม่ทันได้สังเกตก็เท่ากับว่าการออกตามหาคงไม่มีทางเกิดขึ้นและทุกคนก็คงจะกลับขึ้นห้องพักกันหมดทิ้งเค้าสองคนไว้ในป่าที่ที่น่ากลัวอย่างนั้นน่ะหรอ
“เพราะนาย!!!...เพราะนายชั้นถึงได้คลาดกับรุ่นพี่”
“ฮ่าฮา...นายเองต่างหากอยากมาชวนชั้นทะเลาะแล้วเป็นไงล่ะ”
“นาย...”
“หยุดเลยนะ...ถ้านายยังแหกปากโวยวายอยู่แบบนี้มีหวังได้ตกเป็นเหยื่อของพวกเสือไม่ก็หมีป่ากันพอดี”คำพูดของยูฮวานทำให้แทมินคิดได้
“แล้วทีนี้จะเอาไง?”
“ไม่รู้...ชั้นก็ไม่รู้”ถึงจะอุ่นใจขึ้นมาแล้วเพราะอย่างน้อยต่างคนก็ต่างมีเพื่อนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวทั้งสองเคยเป็นเพื่อนรักกันในอดีตและเป็นเพื่อนแค้นกันในปัจจุบันก็ตามที แทมินและยูฮวานเดินไปตามทางที่คิดว่าน่าจะเจอจุดที่รุ่นพี่นัดพบ แต่ก็ไร้วี่แววนั่นก็เท่ากับว่าเค้ายังหลงทางอยู่และหาทางออกไม่เจอ
“อ๊ะ~~~”ยูฮวานสะดุดเข้ากับกิ่งไม้จนข้อเท้าแพลง
“นายเป็นอะไรมั้ย?”แทมินรีบวิ่งเข้าไปถามด้วยสีหน้าตกใจ
“ก็เห็นอยู่จะถามทำไม”
“ชริ...คนเค้าอุตส่าห์หวังดี”
“หรอ?...แล้วนายจะแบกชั้นไปหรือไง”
“เท้าแพลงแล้วยังจะปากดีอีก...เดี๋ยวแม่ก็ปล่อยให้อยู่ตรงนี้ซะเลย”แทมินขู่
“ก็เอาสิ...ไปเลย ชั้นก็ไม่อยากมีเพื่อนร่วมทางอย่างนายเหมือนกัน”สะบัดหน้าหนี
“ส่งมือมาสิ”
“..........”ไร้การตอบรับ
“นี่!...อย่าลีลาได้มั้ย”
“...ฮึก...”
“ยูฮวาน”คนตัวเล็กเสียงอ่อนลงเมื่อเค้าได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆจากร่างที่นั่งตัวงออยู่ตรงหน้า
“ลุกไม่ไหวหรอ...เจ็บมากมั้ย?”มือขาวเอื้อมไปนวดเบาๆเป็นเชิงปลอบขวัญแต่ยูฮวานกับชักเท้ากลับทั้งๆที่เจ็บอยู่ก็ตาม
“ไม่ต้องมาสนใจชั้น”
“ได้ยังไงถึงแม้ว่านายกับชั้นเราจะไม่ถูกกันแต่...ในเวลาแบบ...”
“หยุดพูดไปเลย...นายไม่ต้องมาเวทนาสงสารชั้นทั้งๆที่คำพูดกับการกระทำมันขัดกัน...แทมิน!”ยูฮวานเริ่มร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก เรื่องราวเก่าๆเริ่มย้อนเข้ามาในหัวและความรู้สึกเก่าๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คนจิตใจเข้มแข็งอ่อนล้าลง
“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง...นี่มันคนละเรื่องกันแล้วนะ”
“คนละเรื่องหรอ...มันเรื่องเดียวกันต่างหาก”
“นายมันทำตัวเหมือนเด็ก...ชั้นจะถามนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ ลุกไหวมั้ยถ้าไม่ไหวชั้นจะช่วยพยุงเราจะได้ไปกันต่อ”
“นายคงกลัวอดตายอยู่ที่นี่ล่ะสิ...ไม่ต้องมายุ่งกับชั้นจะไปไหนก็ไป!”ยูฮวานระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับเอ่ยวาจารุนแรง กับผู้หวังดีอย่างแทมิน เรื่องราวที่ว่าทำให้ทั้งคู่มีอคติต่อกันในเมื่อแทมินยอมลดทิฐิแต่ยูฮวานไม่ใช่...แทมินคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่ใจเย็นความอดทนที่มีก็หมดลงได้เหมือนกัน
“งั้นก็ตามใจ”พูดจบก็เดินออกไปตามธารน้ำตกที่ตัวเค้าพึ่งค้นพบแล้วก็แสดงว่ามันคงไม่ไกลจากจุดนัดเจอสักเท่าไหร่
“ฮึก...นายไม่เข้าใจชั้น...แทมิน”
เมื่อทั้งสองกลุ่มกลับมาจากการเล่นเกมส์ค้นหาขุมทรัพย์แทนที่ทุกคนจะดีใจกับคะแนนที่ได้รับและแยกย้ายกันไปพักผ่อน เปล่าเลยตอนนี้รุ่นพี่ทั้งสามคนกำลังออกตามหารุ่นน้องที่หายไปถึงสองคนพร้อมกับกำชับให้คนที่เหลืออยู่รวมกันในห้องห้ามออกไปไหนจนกว่าพวกเขาจะกลับมา ชางมิน กึนซอกและจุงกิเดินกันไปเป็นกลุ่มเพราะคงจะไม่ดีนักถ้าแยกย้ายกันออกตามหาเกิดมาใครหลงทางขึ้นมาอีกคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ตลอดระยะทางที่เริ่มเดินมาจุงกิก็ทำตำหนิและร่องรอยเอาไว้กันพลาด
~ แกร๊บ ~
“เสียงอะไรอ่ะ?”กึนซอกหันไปถามเพื่อนอีกสองคน
“ไม่รู้สิ”
“เดี๋ยวนะ...ชั้นว่าชั้นเจออะไรแล้วล่ะ...ตามมาเร็ว”
เวลาผ่านเลยไปยูฮวานก็เริ่มที่จะหมดแรงอากาศที่หนาวเย็นเริ่มกัดกินผิวหนังบอบบางให้แสบเล่น หยาดน้ำใสที่เกิดจากความเสียใจ ความกลัวเริ่มเอ่อคลอที่หน่วยตา สองแขนเรียนโอบกอดตัวเองเพื่อคลายความหนาวเหน็บเปลือกตาบางค่อยๆปิดลง เค้าไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้เพราะความเจ็บที่ข้อเท้ามันบวมแดงจนน่ากลัว ถึงแม้จะเอ่ยปากไล่แทมินไปแบบนั้นแต่ใจจริงกลับตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าคนเรายอมลดทิฐิหันหน้าเข้าหากันบางทีเขาอาจจะไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ สติที่มีอยู่น้อยนิดค่อยๆดับลงเสียงจากการเดินเท้าของสัตว์ชนิดใดยูฮวานก็ไม่อาจล่วงรู้ เปลือกตาหนักอึ่งเกินกว่าจะลืมขึ้นมองและยูฮวานก็หมดสติไป
สนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยโลหะหลากสีสันถูกจัดแต่งให้เป็นรูปทรงต่างๆตามแต่ใจต้องการ เครื่องเล่นมากมายในยามนี้กลับให้ความสนุกกับคนที่มาใช้งานไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำไปเพราะเวลาที่ล่วงเลยเข้าสู่ยามเย็นเหล่าเด็กตัวน้อยๆก็เริ่มทยอยกันกลับบ้านกันหมดผู้คนสนามจึงดูบางตา ร่างเล็กกำลังไกวชิงช้าเบาๆใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อแรงที่แกว่งพาตนเองลอยขึ้นสูงกลางอากาศสร้างความเสียววูบในช่องท้อง มันให้ความรู้สึกมีความสุข ตลอดช่วงเวลาที่ลอยตัวอยู่บนอากาศแม้เพียงเสี้ยววินาที กับวินาทีที่ค่อยๆดิ่งลงมาจากที่สูง เครื่องเล่นนี้สามารถสร้างรอยยิ้มประดับใบหน้าน่ารัก พร้อมกับเสียงหัวเราะด้วยความสุขดังเป็นระยะๆ ร่างโปร่งที่พึ่งมาถึงได้สักพักหยุดยืนมองภาพตรงหน้ายูชอนสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปรับสีหน้าให้อยู่ในโหมดปกติ
นายยิ้มอะไร...ยูชอน
“ให้ชั้นช่วยไกวให้เอามั้ย?”เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นข้างหลังเบาๆ
“อ๊ะ...มาแล้วหรอฮะพี่ยูชอน”
“อืม”
“เล่นชิงช้ากันมั้ยฮะ^^”
“อะไรกันไหนบอกว่าเรียนไม่เข้าใจไง...ชั้นพอจะรู้ถึงสาเหตุของเรื่องนี้แล้วล่ะจุนซู”
“โถ่...พี่ยูชอน จุนซูแค่มานั่งพักเหนื่อยเฉยๆเองฮะ”ฝ่ามือหนาขยี้กลุ่มผมคนตัวเล็กที่หาข้ออ้างมาเถียงเขาร้อยแปด
“แล้วไหนล่ะ...ที่ไม่เข้าใจน่ะ”
“พี่ยูชอน...จุนซูเกรงใจพี่ยูชอนจังฮะ”จุนซูหน้าเศร้าขึ้นมาทันทีแต่เขาหมดตัวช่วยแล้วจริงๆยูชอนคือตัวช่วยสุดท้าย
“เกรงใจอะไรกัน...วันนี้ชั้นต้องขอบคุณนายต่างหาก”ริมฝีปากอิ่มเอ่ยตอบพร้อมกับยกยิ้มยังมุมปาก
“ขอบคุณจุนซูทำไมหรอฮะ?”
“ก็วันนี้คุณแม่นัดผู้หญิงมาให้ชั้นดูตัว”
“พี่ยูชอนจะแต่งงานแล้วหรอฮะ?”คนถามที่อยู่ดีๆก็เข้าโหมดเศร้าน้ำตาเริ่มเอ่อล้มขอบตาสวยหากแต่ร่างโปร่งคงไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะยูชอนมองตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เหม่อลอย
“นั่นมันก็แค่ความต้องการของคุณแม่ชั้นน่ะ”
“งั้นก็แปลว่า...”
“ใช่ชั้นโดนบังคับให้แต่งงานน่ะคุณแม่บอกว่าโตป่านนี้แล้วแต่ชั้นยังไม่มีแฟนกับใครเค้าเลย...ตลกใช่มั้ยล่ะ?”
“ไม่ตลกนะฮะ...เรื่องนี้น่ะซีเรียสสุดๆ”จุนซูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“หรอ?”
“ก็ใช่สิฮะ”
เพราะจุนซูก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกัน
“แต่ยังไงชั้นก็ขอบใจนายนะตอนที่ชั้นกำลังนั่งเบื่ออยู่ที่โต๊ะอาหารกับยัยคุณหนูอะไรนั่นนายก็โทรมาจุนซู...ขอบใจนายมากจริงๆ^^”
“คึคึ...ไม่เห็นจะเกี่ยว >< ”คนตัวเล็กรู้สึกดีขึ้นมามากกว่าเก่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยูชอนบอกว่ายังไม่คิดเรื่องแต่งงาน แต่ก็ใช่ว่าโอกาศของจุนซูจะมีมากขึ้นหนิ...นายจะดีใจไปทำไมกัน?
“มา...เดี๋ยวชั้นสอนให้...ตรงนี้ใช่มั้ย?”
“เอ่อ...ฮะ”อาจารย์หนุ่มที่ผลันตัวเองมาเป็นพี่ชายนอกเวลาเรียนค่อยๆอธิบายในสิ่งที่จุนซูไม่เข้าใจ
“SlopของTRเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของTRหารด้วยการเปลี่ยนแปลงของQเท่ากับMR...”ยูชอนจดรายละเอียดพร้อมกับการแสดงกราฟและตารางเพื่อให้จุนซูเข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ใช่...จุนซูเห็นอย่างชัดเจนเลยจากระยะปะชิดแบบนี้ สิ่งที่จุนซูเห็นก็คือใบหน้าที่หล่อเหลาของพี่ยูชอนแพรขนตาดำ เรียวปาดอิ่มสีสดที่เอ่ยสอนในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจออกมาไม่หยุดแต่สิ่งที่ยูชอนสอนกลับไม่ได้เข้าหัวจุนซูเลยแม้แต่น้อย ก็จะไปเข้าใจได้ยังไงล่ะ ลมหายใจร้อนๆของพี่ยูชอนเป่ารดแก้มใสของจุนซูจนคนตัวเล็กไม่มีสมาธิอยู่กับตัวใบหน้าแดงก่ำก้มลงต่ำจนติดแนบไปกับหน้าอก บรรยากาศโดยรอบก็ช่างเป็นใจอะไรอย่างนี้เหมือนแค่ในโลกนี้มีเพียงเราสอง >//<
~ ตึก ตึก ตึก ~
เสียงหัวใจของจุนซูเต้นเร็วขึ้น ดังขึ้นเหมือนกับทำนองกลองที่ให้จังหวะ กลัวว่าบางทียูชอนอาจจะได้ยินเสียงหัวใจดวงน้อยๆนี้ของเขา...แต่ยูชอนก็ไม่ได้ยินเพราะต่อให้จุนซูตะโกนออกไปดังแค่ไหนแต่จุนซูก็ได้แต่ตะโกนมันอยู่ในใจ
เสียงหัวใจที่ไปไม่ถึงพี่สักที...ยูชอน
มันคงเบาเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น