Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama, Erotic
NC : PG
Part…6 ความสับสน / เมา(ไม่ตั้งใจ)
ตอนนี้โบอากลับไปแล้วคงเหลือไว้แต่เจ้าของบ้านที่ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ อารมณ์ที่ยังคงคลั่งค้างจากยากระตุ้นที่ได้กินเข้าไปก่อนหน้านี้ ยาปลุกเซ็กซ์ชนิดที่ไม่แรงจนเกินไปเพราะแจจุงมั่นใจในตนเองว่าคงจะมีอารมณ์ร่วมไปกับเรือนร่างของหญิงสาวแต่แจจุงคงจะลืมคิดไปว่าตนเองไม่ได้ปลุกง่าย??? เค้าคาดเดาตัวเองผิดไปถึงแม้จะได้แรงกระตุ้นจากยาที่ว่านี้แต่ยานี่มันอาจจะยังไม่แรงจนทำให้เค้าสามารถที่จะสำเร็วความใคร่ เอาชนะใจตนเองได้ มือเรียวชักรูดแท่งร้อนขึ้นลงรัวเร็วและในที่สุดน้ำกามก็ปลดปล่อยออกมาจนหมดเลอะเต็มฝ่ามือ
ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ว่างเปล่าทีละนิดจนแจจุงรู้สึกถึงความวังเวงดวงตากลมโตกวาดมองไรอบๆบริเวณบ้านราวกับกำลังมีใครจ้องมองเค้าจากภายนอก แต่เมื่อไม่พบอะไรจนเป็นที่น่าผิดสังเกตคนจิตไม่นิ่งก็โทษตัวเองว่าคงจะคิดมากเกินไป เดินไปหยิบกระปุกยาพลาสติกประจำตัวขึ้นมาก่อนจะเปิดฝาและเทเม็ดยาสีชมพูเข้มออกมากินสองเม็ดเพื่อช่วยบรรเทาความคิดที่ฟุ่งซ่านของตนเองลงได้บ้าง แล้วก็คิดว่าตนเองควรจะไปอาบน้ำเพื่อบรรเทาความร้อนรุ่มในจิตใจที่ว่านั้นสักที
ผ้าขนหนูขนาดกลางถูกนำพันรอบเอวแทนที่กางเกงที่ถูกถอดทิ้งออกไปจากร่างกายส่วนบนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบอบบางราวกับผู้หญิงที่แจจุงก็นึกไม่พอใจตัวเองอยู่หน่อยๆ ไม่ว่าจะพยายามทำทุกวิถีทางร่างกายก็ยังคงไร้กล้ามเนื้อดั่งชายชาตรีทั่วๆไป กระจกเงาแผ่นใหญ่สะท้อนภาพตนเองราวกับคนตรงหน้าเป็นฝาแฝดก็ไม่ปานหากมันก็เป็นแค่เพียงเงาสะท้อนก็เท่านั้น ดวงตาสีดำจ้องมองร่างกายของตนเองในกระจกอย่างสกัดกลั้นความรู้สึกที่แจจุงก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร?
ผ้าขนหนูผืนนุ่มถอดออกก่อนจะพาดไปยังราวเหล็ก ตอนนี้ร่างกายของแจจุงเปลือยเปล่าผิวขาวเนียนอมชมพูตัดกับสีผมดำเข้มที่ปกลงมาจากความเปียกชื้นและใบหน้าสวย ไล่ลงมายังลำคอระหง ไหล่ลาดที่ไม่ได้กว้างเหมือเด็กผู้ชายทั่วไป ติ่งไตสีชมพูระเรื่อที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเมื่อปะทะเข้ากับอากาศที่หนาวเย็นภายนอก หน้าท้องที่แบนราบ เนินสะโพกอวบอิ่ม สายตาของแจจุงสำรวจมองร่างกายของตนเองอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงยังอวัยวะแก่นตรงกลางลำตัว อวัยวะที่บ่งบอกถึงความเป็นชาย...อวัยวะที่แจจุงเห็นแล้วก็ไม่อยากจะเปรยตามอง ไม่อยากจะสัมผัสหรือแตะต้องมันเลยแม้เพียงสักนิดเดียว หากสิ่งที่เขาคิดก็ไม่สามารถทำได้ เขาไม่สามารถที่จะเลี่ยงความจริงที่น่ารังเกลียจที่ว่าตัวเค้าเป็นผู้ชาย
‘ผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศกับใครคนนั้น...คนที่เป็นผู้ชายเหมือนกันกับตัวเค้า
ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับนายด้วยแจจุง...ทำไมร่างกายนายมันถึงได้นายรังเกลียจแบบนี้
กำปั้นหนักๆชกไปยังบานกระจกหนาที่โชคดีที่ว่าแรงที่ปะทะเข้าไปนั้นไม่สามารถที่จะทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้เพราะไม่อย่างนั้นมือของแจจุงคงได้แหลกไปนานแล้ว
คฤหาสน์หลังโตที่บ่งบอกถึงระดับความร่ำรวยได้เป็นอย่างดีของคนตระกลูปาร์ค ที่แค่นอนอยู่เฉยๆนอนกระดิกเท้าเล่นไปวันๆ ทุกวินาที ทุกนาที เงินก็เข้าธนาคารเป็นว่าเล่น ทั้งๆที่ชายหนุ่มแทบจะไม่ต้องดิ้นรนทำอะไรเลยด้วยซ้ำแต่ยูชอนกลับเลือกที่จะออกไปทำงานตามวิถีอย่างคนปกติทั่วไปเพราะถ้าต้องให้เค้ามานั่งพึ่งใบบุญบารมีพ่อกับแม่มันดูจะเสียชาติเกิดลูกผู้ชายอย่างเค้ายังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
บันไดหินอ่อนที่ทอดยาวลงมายังตัวบ้านชั้นล่างสุดของคฤหาสน์พรมสีเลือดหมูปูเป็นทางยาวตรงไปที่ห้องอาหารที่บัดนี้ถูกจัดเตรียมไว้โดยเหล่าคนรับใช้รอให้ผู้เป็นนายได้ลงมารับประทานในมื้อเช้าของวัน ที่หัวโต๊ะมีพ่อและแม่บังเกิดเกล้านั่งรอพร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆมาให้กับลูกชายคนโตของบ้าน
“มาแล้วหรอลูก?”เสียงของคนเป็นแม่เอ่ยทักขึ้น
“อาหารน่าทานจังเลยครับ”พูดพรางสูดกลิ่นหอมอบอวลตรงหน้าเข้าไปเต็มปอด
“มีแต่ของโปรดของลูกทั้งนั้นเลยนะ”
“แล้วน้องล่ะฮะ?”
“เห็นวันนี้บอกมีเรียนน่ะเลยรีบไปก่อน คงรออยู่รอพี่ชายไม่ไหว”
“อ่า...ผมก็ไม่ได้ช้าขนาดนั้นนะฮะ...ไม่เอาแล้วทานดีกว่า...หิวจะแย่”ไม่รอช้าที่จะตักอาการจานโปรดตรงหน้าขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย
“วันนี้กลับเย็นมากมั้ยลูก?...ครอบครัวของหนูโบมีจะมาที่บ้านเราน่ะ”เมื่อสิ้นสุดคำพูดของปาร์ค นายองมือหนาก็วางรวบช้อนและซ้อมลงข้างจานบอกให้รู้ว่าตอนนี้ตนได้ทานอาหารอิ่มแล้วพร้อมกับปรับสีหน้าเสียจนนิ่งเรียบ
“ผมติดประชุมครับ!”ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆจนคนเป็นแม่รู้สึกเหนื่อยใจกับความเย็นชาของลูกชายในเรื่องนี้เสียจริง เรื่องที่ว่าก็คือนายองพยายามจะหาหญิงสาวมาให้กับยูชอนเพื่อที่จะได้คบหาดูใจกัน หมั่นกันและแต่งงานกันในที่สุดแต่มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยัดเยียดเรื่องที่ยูชอนไม่ชอบหรือไม่อยากทำ...เรื่องหัวใจ
ตอนนี้ยูชอนอายุยี่สิบเจ็ดอีกสามปีก็จะครบสามสิบอยู่รอมร่อแต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้จะตกลงปลงใจคบใครเลย แล้วแบบนี้จะไม่ให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกข์ใจได้ยังไงกัน ลูกชายของเค้าออกจะเพียบพร้อมไปซะทุกอย่างแต่กลับไร้คู่ครอง และแบบนี้ปาป๊ากับมาม๊าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน...ยูชอน
“ยูชอนเดี๋ยวก่อนะ...ละ...”ก่อนจะได้เอ่ยอะไรไปมากว่านี้ร่างโปร่งก็ยอมเสียมารยาทเดินออกมาซะแล้ว
“ม๊าไม่ยอมหรอกนะ...ม๊าจะให้เวลาลูกอีกสักพักก็ได้...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
“เอาน่าคุณ...แค่นี้ลูกยังเครียดไม่พออีกหรือไง?”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องแต่แล้วคุณ”มินวอน สามีเลยต้องเป็นคนจบบทสนทนานี้เสียเอง
“แจจจุงตื่นรึยัง?”เสียงปลุกจากพี่ชายคนเดียวของตระกลูดังขึ้นข้างๆใบหูคนที่กำลังจมดิ่งจากห้วงนิทราแจจุงเลยต้องลืมตาขึ้นมาอย่างฝืนๆ
“มีอะไรฮะ...เรียกผมแต่เช้าเลย”
“ก็...วันนี้พี่จะไปสอบคัดตัวแล้วน่ะสิ...แจจุงว่าพี่จะผ่านมั้ยอ่า?”
“สอบคัดตัว...วันนี้หรอฮะ?”
“อื้ม...พี่จะไปแล้วด้วย”น้ำเสียงเศร้าสร้อย วันนี้เป็นวันที่ฮีชอลจะต้องไปแข่งคัดตัวเพื่อชิงทุนไปอบรมและถ้าทำผลงานได้ดีก็อาจจะมีสิทธิ์ได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก
“ผมไม่อยากให้พี่ไป”
“ฮะ...แจจุงว่าอะไรนะ?”
“อะ...เอ่อ ผมขอให้พี่สอบผ่านนะฮะพี่ชายผมต้องทำได้อยู่แล้ว^^”รอยยิ้มบวกกับกำลังใจจากน้องชายดูจะยังไม่เพียงพอ แก้มป่องพองลมแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆน้องชายตัวแสบก่อนจะส่งสายตาสื่อความหมายแทนความต้องการอยู่ในที
“ก็ได้ฮะ...นี่ผมถือว่าโอกาสพิเศษเลยนะ”แจจุงออกจะมีอาการเขินอายที่จะแสดงความรักกับพี่ชายแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเรียวปากสีสดเงยขึ้นจุมพิตที่ปรางใสของฮีชอลเพียงเท่านั้นฮีชอลก็มีกำลังใจขึ้นมาแล้วล่ะ ถึงจะอยากให้พี่ชายสอบคัดเลือกไม่ผ่านก็ตามทีเพราะถ้าฮีชอลสอบได้เค้าก็คงต้องห่างจากพี่ชายหลายเดือนแถมยังไม่ได้เจอหน้ากันอีกซึ่งคนติดพี่ชายอย่างแจจุงไม่ค่อยจะชอบใจแต่ถึงอย่างนั้นแจจุงจะทำอะไรได้ในเมื่อมันคือสิ่งที่พี่เค้ารักที่สุด
“อ่า...ชื่นใจจังแบบนี้ค่อยมีแรงหน่อย...พี่ไปนะ”
“โชคดีนะครับ”กล่าวลากันเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนต่อเพราะเมื่อคืนก็มัวแต่นั่งทำรายงานจนดึกดื่นโชคดีที่วันนี้มีเรียนตอนบ่ายแจจุงเลยขอนอนต่ออีกสักหน่อย
โรงพยาบาลใจกลางกรุงโซลที่ใหญ่ที่สุดแถมยังมีชื่อเสียงในเรื่องแพทย์รักษาที่เก่งที่สุดรวมตัวกันอยู่แทบจะทุกแผนกเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์การแพทย์ที่ครบครันล้ำสมัยจึงไม่แปลกที่ผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมเข้ามาใช้บริการในการรักษา การได้รับให้เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะง่ายตรงกันข้ามกลับยากและหินที่สุด แต่ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนอาชีพหมอแผนกจิตแพทย์ก็ไม่สามารถที่จะหลุดลอยไปจากคนเก่งมีฝีมือดีอย่างชอง ยุนโฮไปได้ ทางโรงพยาบาลตอบรับให้เค้าเข้ามาทำงานหลังจากที่ชายหนุ่มไฟแรงดีกรีนักเรียนนอกพึ่งกลับมายังบ้านเกิดได้ยังไม่ครบอาทิตย์
“ฮัลโหล...เรื่องที่ชั้นสั่งไปถึงไหนแล้ว”เสียงทุ่มเอ่ยถาม
“อื้ม...ดีชั้นอยากได้รายละเอียดอะไรอีกสักหน่อย ให้เร็วที่สุดได้ยิ่งดี...แล้วชั้นจะโอนเงินไปให้”กดตัดสายรอยยิ้มชวนมองยกยิ้มยังมุมปากได้รูปหากแต่ถ้าลองสังเกตดีๆแล้วทั้งแววตา สีหน้าและรอยยิ้มพิมใจที่สาวๆต่างหลงใหลในตอนนี้มันช่างดูน่ากลัวและเจ้าเล่ห์ซะจริงๆ...แต่ก็เพียงไม่นานยุนโฮก็ปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบตามแบบฉบับคุณหมอหนุ่มตามเดิม
“ไอ้ยุน!”เสียงตะโกนของเพื่อนคนสนิทที่คบกันมานานนมอย่างชิม ชางมินก็ดังขึ้นข้างหลังทำเอาคนที่กำลังใช้ความคิดหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยุนโฮปรับสีหน้าให้เป็นปกติตามเดิมหลังจากที่หลุดเฟรมเผลอแสดงท่าทีตกใจออกไป
“ชางมินเล่นบ้าอะไรว่ะเนี่ย!...นี่โรงพยาบาลนะรักษาภาพพจน์หน่อย”ในเมื่อตอนนี้ยังคงอยู่ในหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานและที่สำคัญเค้าเป็นหมอควรจะวางตัวให้ดูเหมาะสมและเคารพกับสถานที่ ถ้านอกเหนือจากนั้นก็ว่าไปอย่าง
“คร้าบบบ...ไอ้คุณหมอยุน...ผมขอโทษคร้าบบ”เอ่ยคำขอโทษแต่สีหน้าและน้ำเสียงช่างห่างไกลจากคำว่าสำนึกผิด
“ไอ้ตอนเป็นหมอกับตอนเมาเหมือนหมา...มันช่างต่างกันลิบลับ”ชางมินประชด
“แกมีไร?...ชั้นไม่ว่างที่จะมาคุยเรื่องไร้สาระกับแกตอนนี้หรอกนะ!”ยุนโฮรีบตัดบทด้วยความไม่พอใจ
“งานยุ่งมากเลยหรอไง...เดี่ยวมีให้ยุ่งมากกว่านี้แน่ๆ”
“อะไรอีกว่ะ?”เรียวคิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวจะมีนักเรียนแพทย์มาศึกษาดูงานกับเรา...ชั้นล่ะจะบ้าตายพวกเราก็พึ่งจะเป็นหมอกันได้ไม่นานประสบการณ์ก็ยังมีไม่มากยังมายัดเยียดเด็กพวกนั้นให้เรามาดูแลอีก...เซ็งหว่ะ”
“อืม...เซ็งแต่มันก็น่าตื่นเต้นดีนะโว้ย”
“เชิญแกตื่นเต้นไปคนเดียวเถอะชั้นไม่เอาด้วยหรอก”
“ไม่เอา...แล้วมันหนีพ้นหรอคุณหมอชิม?”
“ก็ไม่พ้นอ่ะดิ!...ไม่เอาและไปหาไรกินดีกว่าเลิกงานพอดีเลย...ไปกันไอ้ยุน”เอ่ยปากชวนเพื่อน พอพูดถึงเรื่องกินชางมินคนนี้ค่อยมีแรงขึ้นมาหน่อย...เรี่ยวแรงและพละกำลังในการกินอ่ะนะ^^
การเรียนในวันนี้ดูจะไม่ค่อยหนักหนาสักเท่าไหร่แต่สำหรับงานที่อาจารย์ประจำวิชามอบหมายนี่สิมันช่างดูจะเป็นอะไรที่เยอะแยะและก็มากมาย จนทำให้จุนซู แจจุงและโบอาเพื่อนสาวคนสนิทยังคงนั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำในยามที่พระอาทิตย์จะตกดินแบบนี้ เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้องยังคงกองอยู่เต็มโต๊ะ
“โอ้ย!...ยุงบ้า...นี่แหน่ะๆๆ”และแล้วความอดทนของจุนซูก็หมดลงเพราะยุงเจ้ากรรมไม่หยุดกัดเค้าสักที เลือดจะหมดตัวตายอยู่แล้ว
“แจจุงเรากลับบ้านกันเถอะพรุ่งนี้ค่อยทำต่อนะ”จุนซูพูด
“อืม...ก็ดีเหมือนกันนะโบอาว่านี่มันก็มืดมากแล้ว”หญิงสาวกล่าวอย่างเห็นด้วย
“เอางั้นก็ได้”หลังจากที่ตกลงกันเสร็จข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆก็ถูกจัดเก็บใส่ถุงเรียบร้อย
“จุนซูเดี๋ยวชั้นไปส่ง^^”
“อะ...พอเลยไม่ต้องเดี๋ยววันนี้พี่จุนโฮมารับ^^”
“หรอ...ไหนอ่ะยังไม่เห็นวีแวว?”
“คือพี่เค้าบอกว่าอีกสักพักน่ะ...นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกไปส่งโบอาแล้วก็รีบกลับบ้านซะ...พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“เอางั้นก็ได้...ไปเถอะโบอา...บายจุนซู”
“บาย”โบกมือล่ำลากันพอเป็นพิธีดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็ไล่มองจนเพื่อนรักลับตาไป
ก่อนจะพาตัวเองไปยังป้ายรถเมล์ที่ต้องโกหกแจจุงก็เพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าคนอย่างแจจุงเป็นห่วงเค้ามากแค่ไหนแต่จุนซูเป็นผู้ชายไม่เห็นจะต้องเป็นห่วงอะไรมากขนาดนั้นเลย คงเพราะแจจุงมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อนเรื่องเล็กๆแบบนี้แจจุงเลยไม่อยากมองข้ามไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีกแล้ว แต่มันคงเป็นไปไม่ได้โลกใบนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี อยู่ที่ว่าเราจะไปพบเจอกับคนแบบไหนซะมากกว่า...แต่นายก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ แจจุง
~ ปริ๊น ~
เสียงแตรรถราคาแพงลิบทำให้จุนซูตกใจกระโดดหลบเข้ามายังฟุตบาทแต่เท้าเจ้ากรรมกลับพันกันเอง ร่างเล็กเลยก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
“อะ...โอ้ย!...ฮือ...เจ็บ”
“เป็นอะไรมั้ยจุนซู?”
“เจ็บสิฮะTT”เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มเจ้าของรถคันหรูที่ทำให้เค้าต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“ยูชอน...คะ...คุณครู”
“ส่งมือมาสิ...ลุกไหวมั้ย?”ส่งฝ่ามือหนายื่นไปให้คนตัวเล็กสัมผัสก่อนจะดึงร่างนั้นขึ้นมา
“ผมจุกนิดหน่อย...แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะฮะ”
“บ้านนายอยู่ไหนเดี่ยวชั้นขับรถไปส่งดีกว่า”ดูเหมือนว่ายูชอนจะไม่ได้สนใจในคำตอบของจุนซูเลย ออกแรงฉุดแขนเล็กแต่จุนซูกลับขืนตัวไว้ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ
“ไม่...ไม่เป็นไรฮะ”จุนซูพูด กลัวว่าหัวใจของตัวเองจะเต้นแรงจนหยุดเต้นไปเลยก็ได้หากได้อยู่ใกล้กับคนคนนี้
“ทำไมล่ะ?...นายทำแบบนี้ชั้นยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เลย...บ้านนายไปทางนั้นสินะ”ไม่รอช้าให้ใครได้ตอบยูชอนจับร่างเล็กยัดเข้าไปในรถก่อนที่จะเดินมานั่งยังฝั่งตรงข้ามแล้วขับรถออกไป จุนซูมีอาการเขินอายอย่างปิดไม่มิดในรถยังคงมีแต่เสียงคลอเบาๆจากเพลงแจ๊สที่เจ้าตัวชอบฟังก่อนจะเอ่ยพูดชวนคุยทำลายความเงียบของคนข้างกายที่ดูจะอึดอัดไม่น้อย
“ที่ชั้นบีบแตรก็เพื่อจะทักนาย...ไม่คิดว่าจะทำให้นายตกใจขนาดนั้น...ขอโทษนะ^^”ใบหน้าหล่อที่ปกปิดดวงตาอันทรงเสน่ห์ด้วยแว่นตาสีชาหันมามองทางจุนซู เมื่อดวงตาเรียวเล็กสบเข้ากับอาจารย์หนุ่มหัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวเร็วอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของเขาคงแดงไปถึงใบหูแล้วมั้งป่านนี้>//< จุนซูอยากเห็นดวงตาที่ถูกซ่อนเอาไว้ในยามนี้เสียจริง...ว่าจะน่ามองแค่ไหน
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ...ครูไม่ได้ผิดสักหน่อยจุนซูซุ่มซ่ามสะดุดขาตัวเองต่างหากฮะ>//<”
“ฮ่าฮา...ดูนายขวัญอ่อนมากเลยนะเนี่ย”
“หรอฮะ...ครูฮะนั่นมันไม่ใช่ทางกลับบ้านผม”
“อ่าวหรอ...ฮ่าฮา...ชั้นลืมถามนายเลยมัวแต่ขับไปเรื่อยเปื่อย”
“ผมก็พึ่งจะสังเกตุเหมือนกันฮะ”รอยยิ้มขิงจุนซูดูสดใสจนยูชอนยังต้องเผลอยิ้มตาม
~ อ่อยๆๆ ~ (เสียงท้องร้องค่ะ55+)
ดวงหน้าหวานแดงซ่านเมื่อน้ำย่อยในท้องเริ่มทำงานส่งเสียงร้องประท้วงจนได้ยินไปถึงคนข้างๆ มือเล็กกุมที่ท้องของตัวเองเพียงเพื่อหวังจะหยุดการส่งเสียงที่น่าอายแต่จุนซูจะรู้มั้ยนะว่าการกลั้นหรือหยุดเสียงท้องร้องมนุษย์เราไม่สามารถฝืนมันได้
“อืม...เอ่อ...”ยูชอนพยายามเป็นอย่างมากที่จะกลั้นเสียงหัวเราะ ตอนแรกก็มีเรื่องให้เค้าต้องคิดแล้วก็เครียดอยู่บ้างแต่พอมาอยู่กับจุนซูในตอนนี้กลับทำให้ยูชอนดูผ่อนคลายลืมความเครียดไปได้ชั่วขณะ
“หิวหรอ?...ท้องร้องซะดังเชียว”อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแซว
“ก็...นิดหน่อยฮะ”ก็ตั้งแต่เที่ยงจุนซูยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา
“ไม่หน่อยแล้วมั้ง...แวะทานอะไรก่อนเถอะ”
“ไม่เป็นไรฮะ...แค่คุณครูมาส่งผมแค่นี้ก็รบกวนมากพอแล้วล่ะครับ”
“ได้ไง...ถ้าจุนซูเกิดมาเป็นลมในรถครู ครูก็เดือดร้อนแย่สิ...อ่า...นั่นร้านโปรดชั้นเลย...ไปกันเถอะ”หักเลี้ยวจอดรถยังข้างทาง จุนซูออกจะแปลกใจเล็กน้อยกับรสนิยมแบบง่ายๆของยูชอนแทนที่จะเป็นร้านอาหารราคาแพงหูฉีกแต่ชายหนุ่มกลับเลือกร้านอาหารริมทางที่ราคาถูกกว่ามากแต่รสชาติไม่เป็นรอง
“เอาต๊อกโบกิ ตีนไก่ ไก่ผัดเผ็ด ราเมน แล้วก็โซจูครับ”เอ่ยปากสั่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องดูเมนูเลยคงจะเป็นร้านประจำอย่างที่ปากว่าจริงๆนั่นแหล่ะในความคิดของจุนซู
เพียงมานานอาหารมากมายก็ถูกเสริฟยังโต๊ะของทั้งคู่ ยูชอนยังคงความเป็นสุภาพบุรุษตักอาหารให้คนที่ดูจะหิวโซจนล้นพูนจาน
“ทานเยอะๆนะ”
“ขอบคุณครับ”คนที่บอกว่าไม่ค่อยหิวลงมือจัดการอาหารตรงหน้า ยูชอนแอบลอบยิ้มกับคนที่พูดปดที่แสดงละครได้ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย
“ป้าฮะ...ผมขอกิมบัพด้วยฮะ”จุนซูสั่งป้าคนขายทั้งที่ในปากยังคงเคี้ยวอาหารตุ้ยๆจนแก้มยุ้ย-0-
“นายก็ชอบหรอ?...คิมบัพน่ะ”
“ก็ใช่สิฮะ...ใครๆก็ชอบทั้งนั้นร้านนี้อร่อยจะตายไป”ก้มหน้าก้มตาจิ้มแป้งต๊อกเข้าปาก
“นายก็มาทานที่ร้านนี้เหมือนกันหรอ?”
“อ่า...ฮะ^^”
“ฮ่าฮา...เรานี่ใจตรงกันเลย”คำพูดที่ไม่ได้แฝงความหมายที่ลึกซึ้งหากแต่คนฟังไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย
เขินจะตายอยู่แล้ว>//<
“จุนซู...ตรงนั้นน่ะ”ใบหน้าของครูหนุ่มพยักเพยิดบอกใบ้ให้ว่าปากของจุนซูเปื้อนซอสรสเผ็ดสีแดงแต่จุนซูก็ยังคงเช็ดไม่ถูกที่สักที - -+
“ตรงนี้ต่างหาก”เมื่อเห็นว่ามันยุ่งยากนักยูชอนเลยเอื้อมมือไปเช็ดปากให้แทน จุนซูได้แต่ทำหน้านิ่งๆเพราะคงจะตัวไม่ถูก
“ขอบคุณฮะคุณครู”
“ขอบคุณฮะคุณครู”
“นี่ตอนนี้มันนอกเวลาเรียนแล้วนะไม่ต้องเรียกชั้นว่าครูแล้วก็ได้”
“ถ้าไม่ให้ผมเรียกว่าครูแล้วจะให้ผมเรียก...”
“ก็เรียก...พี่ยูชอนสิ”(เดี่ยวพี่จะให้หมื่นห้า55+...เชยเนอะ)
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น...ก็แค่เวลาเรียนเฉยๆไงจุนซู”หยิบโซจูแก้วแล้วแก้วเล่าขึ้นมาดื่ม ทำอย่างกับว่าน้ำเมาชนิดรุนแรงเป็นเพียงแค่น้ำเปล่า
“ฮะ”พยักหน้าหงึกๆ
“เลิกทำตัวเกร็งแบบนี้ได้แล้วชั้นมันดูเหมือนครูใจร้ายขนาดนั้นเลยหรอ?”น้ำเสียงฟังดูน้อยใจ
“ไม่ใช่นะฮะ...แต่จุนซูว่ามันไม่เหมาะ”
“ไม่หรอก...แล้วรู้อะไรมั้ยเรียกชื่อตัวเองว่าจุนซูน่ารักกว่าที่นายแทนตั้วเองว่าผมเยอะเลย^^”
เล่นมาชมกันตรงๆแบบนี้ไม่ขอผมคบเป็นแฟนไปเลยล่ะฮะ...พี่ยูชอน>//<
(แว๊กกก...จุนซูนายกำลังคิดอะไรอยู่???)
“ดื่มเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ”ยื่นแก้วใบใสไปให้พร้อมกับเทโซจูจนล้นเต็มแก้ว
“ผม...จุนซูไม่ดื่มหรอกฮะ”
“ทำไมล่ะ???”
“ถ้าจุนซูดื่ม...ตื่นขึ้นมาทีไรจุนซูก็จะตัวร้อนไม่สบายฮะ”
“อ่า...แย่จังนายแพ้เหล้าหรอ?”
“ไม่รู้สิฮะ”
นี่หรือป่าวฮะที่เค้าเรียกกันว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย คุณครูยูชอนที่ผมรู้จักไม่ใช่แบบนี้นี่นาเวลาไม่เมาครูดูมีเสน่ห์มากเลยแต่ตอนนี้ที่ยูชอนเริ่มมีอาการเมา บอกได้คำเดียวว่าน่ารักกว่าเดิมหลายเท่าเลยฮะ>.< ชวนผมคุยไม่หยุดเลยจากที่เกร็งๆตอนนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายแถมยังเหมือนมาเดทกับแฟนเลยล่ะฮะ...วะฮิยะฮ่าฮา
‘จุนซู...นายบ้าไปแล้ว!’
“พี่...พี่ยูชอน...มีเรื่องไม่สบายใจหรือป่าวฮะ”
“อะ...เอ๋?”
“ก็เวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจเค้าก็มักจะหาทางออกด้วยการมากินเหล้าแบบนี้ไม่ใช่หรอฮะ?”
“ฮ่าฮา...ใครบอกจุนซูแบบนี้กัน?...ก็คงงั้นมั้ง”อย่างนั้นก็เท่ากับว่ายูชอนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจแล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ?
“ถ้ามันอึดอัดก็เล่าให้จุนซูฟังได้นะฮะ”
“ช่างมันเถอะ...พี่ไม่ทำซะอย่างใครจะทำไม...พี่ยังไม่อยากหมั่นตอนนี้...อึก...ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนของม๊าผมจะไม่ยอมให้ใครมาบังคับจิตใจของผม...อึก”และในที่สุดยูชอนก็ฟุบหลับคาโต๊ะอาหารไปเรียบร้อยทิ้งให้จุนซูนั่งงงเป็นไก่ตาแตก0.0
“เดี่ยวฮะ...พี่ยูชอน...อย่าพึ่งหลับ...ตื่นสิฮะ”ในเมื่อปลุกเท่าไหร่ก็ยังคงได้คำตอบเดิมกลับมาคือยูชอนยังคงหลับใหลไปพร้อมๆกับคำที่พูดบ่นจับใจความไม่ได้...น่าสงสารจังพี่ยูชอน ร่างเล็กจัดการจ่ายเงินและแบกร่างสูงมาที่รถด้วยสภาพที่ไม่ค่อยหน้าดูเท่าใดนัก...ทุลักทุเล
“นอนในนี้ไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวจุนซูไปหาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้นะฮะ”ใช้เวลาเพียงไม่นานข้อมือเล็กก็ถือถุงพลาสติกที่บรรจุขวดน้ำและผ้าเย็นแถมพวงมาด้วยเครื่องดื่มสำหรับแก้แฮงค์ที่ยูชอนตื่นขึ้นมาคงต้องมีอาการแบบนี้ชัวร์ๆ
ผืนผ้าที่ชุบน้ำเปล่าจนชุ่มค่อยๆซับบนใบหน้าที่แดงระเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เรียวคิ้วดำเข้ม แพรขนตางอน สันจมูกโด่งรั้นได้รูป เรียวปากอิ่มสีสด พอรู้ตัวอีกทีใบหน้าของจุนซูก็อยู่ใกล้เกินความจำเป็น เพียงแค่ก้มลงไป ริมฝีปากของเราสองคน...คงได้สัมผัสกัน
เปลือกตาหนักอึ่งปรือขึ้นช้าๆ ราวกับความฝันคนตรงหน้าช่างดูน่ารัก งดงามดั่งนางฟ้าตัวน้อยๆที่ชวนให้ชายหนุ่มธรรมดาอย่างเขาหลงใหล ฝ่ามือหนาค่อยๆโอบประคองยังท้ายทอยของคนที่ยังไม่ตื่นจากภวังค์ให้โน้มเข้ามาแนบชิดกันมากขึ้นรับรสจูบที่แสนอ่อนโยนแลกเปลี่ยนความหอมหวานจากริมฝีปากของทั้งคู่...แม้จะเป็นเพียงความฝันของปาร์ค ยูชอนแต่มันคือเรื่องจริงสำหรับคิม จุนซู
“อะ!...อุ๊บ!...จุ๊บ!”
ร่างเพรียวที่นั่งอยู่ตรงบาร์เหล้าด้วยท่าทีสบายๆดวงไฟสีชาปรับให้คนที่นั่งอยู่ดูโดดเด่น ผับที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปถูกตกแต่งด้วยสไตร์เมลเบิร์นแบบคลาสสิค การออกแบบและสีสันเปรียบเสมือนเมืองแห่งศิลปะบ่บอกรสนิยมของผู้มาเยือน เรียวปากบางเอ่ยสั่งแอลกอฮอล์อีกครั้งหลังจากแก้วใสในมือเหลือแต่ความว่างเปล่า หลายคนคงคิดว่าเค้าคออ่อน ดื่มไม่เก่งบ้า งบางคนก็ว่าเค้าดื่มไม่เป็นเลยด้วยซ้ำแต่เปล่าเลยตรงกันข้ามกันทุกประการ
เมื่อเหล้าที่สั่งถูกเสิร์ฟลงตรงหน้ามือบางยกขึ้นจิบช้าๆก่อนจะวางลง ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยเพื่อระบายความร้อนในตัว โยกตัวไปตามจังหวะเพลงเบาๆก่อนจะเปรยสายตาไปยังชายหนุ่มที่นั่งจ้องเค้ามาได้สักระยะแล้ว สายตาที่เหมือนจะเป็นการเชิญชวนร่างโปร่งลุกขึ้นเดินมายังคนเจ้าเสน่ห์ที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อดูน่ารัก
“ขอพี่นั่งด้วยคนนะครับ”เอ่ยถามอย่างมีเลศนัย ร่างเพรียวไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่ส่งยิ้มกลับไปเท่านั้น
“ดื่มแบบนี้ไม่กลัวเมาหรอ?”
“ฮะ...ผมยังไม่เมาเลย”
“คนเมามักจะบอกว่าตัวเองไม่เมานะ...รู้มั้ย?”
“หรอฮะ”
“พี่ชื่อคิม ฮยอนจุงยินดีที่ได้รู้จักนะครับแล้วน้อง...”
“ผมปาร์ค ยูฮวานยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันฮะ” ใช่แล้วเค้าคือกวางน้อยผู้ทรงเสน่ห์ปาร์ค ยูฮวาน! มือนุ่มยื่นออกไปสัมผัสกับฝ่ามือหนาที่ยื่นมาตรงหน้าก่อนจะชวนกันพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระ
“เรามาแข่งกันหน่อยดีกว่ามั้ยว่าใครจะคอแข็งกว่ากัน?”ฮยอนจุงเอ่ยคำท้าทายแล้วยูฮวานก็ตอบรับแทบจะในทันทีโดยไม่มีความลังเลงแม้แต่น้อย เมื่อเหล้าถูกนำมาเสิร์ฟยูฮวานก็เอ่ยปากต่อรองสักเล็กน้อย
“ต่อให้ผมสักสามแก้วสิฮะ”
“ไม่มีปัญหา”แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ผลัดกันดื่มน้ำสีอำพันเป็นว่าเล่นราวกับน้ำเปล่า
~ แกร๊ง ~
เมื่อแก้วที่แปดหมดลงร่างเพรียวก็คอพับคออ่อนศรีษะกลมซบลงยังอกแกร่ง ฮยอนจุงเผยรอยยิ้มพอใจเมื่อนึกถึงความสุขที่รอเค้าอยู่ไม่ไกล
“เฮ้ย...แกว่าไอ้นั่นมันแปลกๆป่าวว่ะ?”ชางมินถามขึ้นหลังจากที่สังเกตคนทั้งสองที่ทำตัวเป็นเป้าสายตาซะเหลือเกิน
“อะไรว่ะ...ไอ้มิน?”
“แกดูดิมันมีอะไรไม่ชอบมาพากล...ไอ้หัวทองนั่นเหมือนจะมอมเหล้ายัยเด็กคนนั้นเลย”เรียวปากได้รูปยังคงเอ่ยสิ่งที่ขัดข้องใจออกไปไม่หยุด
“แล้วแกจะทำไม...เรื่องของเค้าเราอย่าไปยุ่งเลย”ยุนโฮเอ่ยห้ามเมื่อชางมินทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นไป
“ปล่อยไอ้ยุน!...ชั้นชางมินนะโว้ย...อย่าห่วงเลย”สะบัดแขนออกก่อนจะก้าวเดินออกไป
“ยูฮวาน”
“..............”
“หลับไปแล้วหรอครับ...อย่างนี้ก็แปลว่าพี่ชนะน่ะสิ?”
“ยูฮวานๆๆ”
“..............”
“พี่ลืมบอกไปสำหรับรางวัลของผู้แพ้...หึ”
ก้มลงจุมพิตยังกลีบปากสีสวยก่อนจะซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนเมื่อหยอกล้อจนพอใจแล้วฮยอนจุงก็ค่อยๆพยุงร่างที่สลบไสลแต่เหมือนจะไม่ง่ายเพราะตัวเค้าเองก็เริ่มที่จะเสียการทรงตัว
“ให้ผมช่วยดีกว่าครับ”เสียงของผู้หวังดีเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไร”ฮยอนจุงปฏิเสธในทันที
“เดินยังไม่ไหวเลย...แค่หน้าร้านนี่จะไปรอดมั้ยเนี่ย55+”พูดจบก็ก็ดึงร่างของคนที่หมดสติมาไว้ข้างกาย
“นี่แกจะทำอะไร?”
“ถามผมหรอครับ?...ถามตัวเองดีกว่ามั้ยผมเห็นคุณมอมเหล้าน้องเค้าจนหลับไปแล้วเนี่ย”ประโยคหลังที่ตั้งใจจะพูดให้ได้ยินกันทั่วทั้งร้านแล้วผู้คนก็เริ่มหันมาให้ความสนใจ ฮยอนจุงเริ่มหน้าถอดสี
“ถ้าคุณยังไม่ไปผมจะแจ้งตำรวจจับคุณ!”
“ก็ได้...ฝากไว้ก่อนเถอะ”ยกมือขึ้นชี้หน้าหล่อๆของชางมินก่อนจะเดินปึงปังออกไปจากร้าน เปลือกตาบางที่ทำทีเป็นหลับเมื่อครู่ลืมขึ้นก่อนจะสะบัดอ้อมแขนของชางมินออกเมื่อเห็นว่าฮยอนจุงขับรถออกไปแล้ว
“ปล่อยชั้นนะ!”เสียงใสตะโกนลั่นด้วยความโมโห ฮยอนจุงคือคนที่ยูฮวานเกลียดครั้งนึงฮยอนจุงเคยมาตามจีบเพื่อนของเค้าแล้วก็บอกเลิกไปหน้าตาเฉยทำให้เพื่อนของเค้าเสียใจไม่เป็นอันทำอะไร แถมยังเกิดเรื่องราวมากมายขึ้น ความเป็นเพื่อนของคนสองคนที่รักกันมากต้องขาดสะบั้นลงเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว ที่ยูฮวานต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงแบบนี้ก็เป็นเพียงแค่แผนการที่วางเอาไว้และก็ต้องมาสะดุดเพราะชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเกินความจำเป็นในความคิดของยูฮวาน
“สร่างเมาแล้ว...เร็วจังนะครับ^^”เกาหัวแก้เก้อชางมินออกจะงงๆด้วยซ้ำเมื่อกี้ยังเมาๆอยู่เลยไหงเปลี่ยนโหมดเร็วจัง
“ชั้นไม่ได้เมา!”
“อ่าว...แล้วเมื่อกี้ล่ะ...ผมเห็นคุณ...”
“ชั้นแกล้งเมา...ชัดมั้ย?”ตอบออกไปหน้าตาเฉย
“คุณ...แกล้งเมา...เพื่ออะไร???”
“จะ...เพื่อ...อะไร...ก็ช่าง...นายทำแผนชั้นพังไม่เป็นท่า!”ออกแรงผลักอกแกร่งแรงๆพร้อมกับคำพูดที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด
“หมายความว่าผมผิดหรอไงเนี่ย???”
“ใช่...นายนายผิดเต็มประตูขอร้องเถอะอย่ามาทำเป็นพวกรักในความเป็นสุภาพบุรุษไปหน่อยเลย...เห็นแล้วมันหมั่นไส้น่ะ”
“อ่าว...คุณพูดแบบนี้ได้ไงเนี่ย...ผมหวังดีนะ!”
“แต่ชั้นไม่ต้องการ!...หลบไป!”ไหล่บางกระแทกร่างของชางมินแรงๆจนร่างสูงโปร่งถึงกับเซก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปกปิด
“อะไรของยัยเด็กนี่...บ้าชะมัดเลย...ชั้นผิดอะไรหรอว่ะไอ้ยุน???”หันไปถามร่างสูงที่พึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“ไม่ผิดหรอก...แต่แกมันแส่ไม่เข้าเรื่องหวะ55+”คำพูดที่เหมือนจะเป็นการปลอบใจแต่สุดท้ายก็แค่คำซ้ำเติมที่ทิ่มแทงใจชางมินสุดๆ ยุนโฮเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมก่อนจะหัวเราะกับท่าทีของเพื่อนรักที่ดูจะเหวอทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว ณ จุดนี้ โถ่...ชางมินผู้น่าสงสารTT
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น