2554/02/25

[Fic] หมอ...llจิตll Part…4 ปัจจุบัน


Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee  + KJW
Couple: YunJae , YooSu , Changmin
Genre : Drama, Erotic
NC :  ?
Part…4  ปัจจุบัน

   
ฮีชอลนายกดดันแจจุงมากไปหรือป่าวอย่าลืมที่คุณหมดพูดสิ  บางทีจิตใจของแจจุงอาจจะ...

อาจจะไม่ปกติงั้นหรอ...ไม่...มี...ทาง!”สะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมแล้วตรงไปยังห้องของคุณหมอเจ้าของไข้ที่ดูแลแจจุง 

ถ้าหากต้องมารับรู้ว่าน้องชายที่ตนเองรักและเฝ้าดูแลอย่างทะนุถนอมราวกับไขในหินต้องมามีอาการป่วยทางจิตแบบนี้คนเป็นพี่อย่างเขาก็คงจะยอมไม่ได้เหมือนกัน

หัดยอมรับความจริงซะบ้างสิ!”เรียวขาบางหยุดชะงักในการก้าวเดินทันทีที่คำพูดแกมตะคอกของซีวอนลอยเข้ามากระทบโสตประสาท น้ำเสียงแบบนี้ยากนักที่จะหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มเพราะซีวอนเป็นคนนุ่มนวลบทจะดุขึ้นมาฮีชอลก็เลยรู้สึกกลัวไม่กล้าไปไหน ขาก็ก้าวไม่ออกไปซะเฉยๆ

ที่นายเห็นอยู่ตอนนี้ชั้นไม่เชื่อหรอกว่านายยังมองไม่ออก...ยอมรับความจริงเถอะฮีชอลถ้านายยังขืนใจร้อน โวยวายไม่ได้สติอยู่แบบนี้คนที่กำลังจะเป็นบ้าคนต่อไปก็คือนาย...แจจุงกำลังแย่นะฮีชอลทำไมเราไม่มาช่วยกันหาทางออกล่ะ
     ฮีชอลหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่พูดให้เค้าได้คิด สายตาที่แสดงความท้อแท้และเหนื่อยอ่อนทอดมองไปยังร่างของน้องชายที่ยังคงนั่งร้องไห้ตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว  อ้อมกอดจากซีวอนคงเป็นยาชูกำลังให้กับคนที่หมดหวังและหมดแรงอย่างฮีชอลในเวลานี้ น้ำตามากมายที่ไม่อยากจะให้มันไหลออกมาเลยสักนิดแต่ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในตอนนี้ช่างแสนเลวร้าย  ฮีชอลไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกอึดอัดนี้เอาไว้ได้

ฮึก...ฮือๆๆ..เราจะทำยังไงกันดี

พระเจ้าคงช่วยให้คำอธิฐานเป็นจริงขึ้นมาได้ แต่กลับไม่ครบสมบูรณ์อย่างที่เราต้องการทั้งหมด

 การได้ตัวน้องชายกลับมาเป็นสิ่งที่ฮีชอลปรารถนาแต่ในทางกลับกัน การที่ได้ตัวน้องชายคืนมากลับมาความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นตามมาด้วย ช่างทำใจยอมรับได้ยากเหลือเกิน

หมอขอให้คุณยอมรับความจริงตรงนี้ให้ได้เถอะนะครับ  น้องชายคุณไม่ได้บ้าแต่มีอาการทางจิตที่หวาดกลัวกับเรื่องเลวร้าย...แถมคนไข้ยังไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นั่นก็ถือว่าเป็นส่วนดีเพียงอย่างเดียว  แต่ความรู้สึกกับความคิดของคุณคิมกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง...

ยังไงครับคุณหมอที่ว่าสวนทางกัน?

ความรู้สึกในตัวของคนไข้ยังจดจำความหวาดกลัวกับเรื่องเลวร้ายนั้นอยู่แต่ในทางความนึกคิดคนไข้พยายามจะลืมและลบภาพติดตาที่เกิดขึ้นนั้นออกไปหรือแม้แต่ใบหน้าของคนที่ทำร้ายเค้าน่ะครับ

โถ่...แจจุง

ทั้งหมดที่หมอได้พูดไปมันเลยทำให้น้องชายคุณมีอาการอย่างที่เห็นน่ะครับ...ตอนนี้คนไข้กำลังสับสน
ไม่มีทางแก้เลยหรอครับคุณหมอ?

มันมีหนทางรักษาและแก้ไขแน่นอนครับแต่คงต้องใช้เวลา...

แล้วระยะเวลาที่ว่ามันนานมากมั้ยครับ?

ก็ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้และสิ่งแวดรอบๆตัวน่ะครับ คนไข้ต้องการคนดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ถ้าทุกอย่างเป็นไปในทางบวกคนไข้ก็อาจจะหายกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมครับ

จริงหรอครับ!...ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้น้องชายคนเดิมของผมกลับมา ขอบคุณมากๆเลยนะครับคุณหมอแววตาที่ดูโศกเศร้ากลับฉายแววของความหวังอันเปี่ยมล้นขึ้นมาแทนที่และวีวอนก็เชื่อเป้นอย่างมากว่าฮีชอลจะทำทุกวิถีทางให้แจ
จุงกลับมาเป็นเด็กที่น่ารักคนเดิมได้อย่างแน่นอน...เขาเชื่ออย่างนั้น

เมื่อพูดคุยถึงธุระต่างๆเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วฮีชอลจึงขออยู่ตามลำพังกับแจจุงซึ่งซีวอนก็ไม่ได้ขัดอะไร เวลานี้การดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและคนที่แจจุงรักมีอิทธิพลต่อตัวของเด็กน้อยคนนี้มากซีวอนเข้าใจดี

งั้นไว้พรุ่งนี้ชั้นจะมาเยี่ยมแจจุงใหม่แล้วกันนะ...ฮีชอลนายก็อย่าคิดมากนะ...เดี๋ยวไม่สวยคำพูดที่พยายามจะทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดทุเลาลงบ้างไม่มากก็น้อย แต่ซีวอนก็ยังอยากที่จะทำถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลเลยก็ตามแต่แค่เห็นรอยยิ้มของฮีชอลมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเค้าแล้ว

ครับ...ขอบคุณมากๆเลยนะครับคุณซีวอนพูดพร้อมกับก้มหัวตามมารยาทที่พึงกระทำ ฮีชอลไม่รู้จะตอบแทนเจ้านายที่แสนดีคนนี้ยังไงเพราะสิ่งที่เค้าได้รับจากชายหนุ่มตรงหน้ามันมากมายเหลือเกิน

อ่า...ไม่รับคำขอบคุณแต่ขอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสๆของนายไม่ได้หรอ?มือข้างที่ถนัดยกขึ้นลูบศรีษะกลมๆอย่างเอ็นดู
“”ไว้ถามผมรู้สึกดีกว่านี้แล้วผมจะยิ้มสวยๆให้คุณเลยฮะ

อืม...ชั้นจะรอดูนะ ดอกไม้ของชั้นไม่ควรจะเหี่ยวแห้งแบบนี้เลยดอกไม้ของชั้นต้องเบ่งบายสวยงามอยู่ตลอดเวลาสิถึงจะถูก...ชั้นไปนะ

ครับ...ขับรถดีๆนะครับคุณซีวอนเมื่อกล่าวคำล่ำลาและรอส่งชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วฮีชอลก็กดลิฟท์ไปยังชั้นที่น้องชายนอนพักรักษาตัวอยู่  แจจุงพึ่งหลับไปไม่นานจากคำบอกเล่าของพยาบาลสาวที่ทำหน้าที่ดูแลไข้

     เก้าอี้ตัวสีน้ำตาลเข้มถูกเคลื่อนมายังตำแหน่งประจำข้างเตียงนอนฮีชอลจดจ้องเรียวหน้าสวยราวกับเทพธิดาตัวน้อยๆแต่บัดนี้กลับดูซีดเซียวไร้สีเลือดซับใบหน้า ด้วยความที่แจจุงดูเหมือนกับเด็กผู้หญิง แบบนี้รึป่าวนะที่ทำให้น้องของเขาต้องกลายมาเป็นคนโชคร้ายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดแบบนี้  เสียงสะอื้นที่พยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้เล็ดลอดออกไปรบกวนร่างบางที่กำลังหลับใหลด้วยฤทธิ์ยา

หลับซะแจจุง...ต้องพักผ่อนให้เยอะๆนะพี่จะอยู่ตรงนี้ข้างๆแจจุงเอง...อย่ากลัวไปเลยศรีษะกลมฟุบลงบนฝ่ามือของน้องชายที่วางไว้ข้างลำตัว เปลือกตาบางเคลื่อนบดบังดวงตากลมโตอีกครั้งและเพียงเวลาไม่นานฮีชอลก็เข้าสู้ห้วงนิทราไปอีกคน

       เวลาที่เดินไปอย่างช้าๆหากแต่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้และไม่เคยคอยใคร  นำพาความสุขมาให้กับเราและไม่นานก็พาความสุขที่ว่าจากเราไปสิ่งที่เข้ามาทดแทนกลับเป็นความทุกข์อย่างนั้นหรอ?...
     ... และความสุขก็มักจะอยู่กับเราไม่นาน วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นแค่เรื่องโกหก หลอกลวง ความทุกข์ก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพบและเจอกับสิ่งไหนมากกว่ากันก็เท่านั้น
      ...แล้วเมื่อไหร่ จะได้พบสักที ความสุขที่เราวิ่งตามหา ความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่มีความทุกข์มาพรากจากไปตลอดกาล...


~ 7ปี ผ่านไป ~

แจจุงวันนี้พี่ไม่กลับบ้านดูแลบ้านๆดีๆนะ...อ้อ...แล้วพี่จะโทรหานะ...บายจะคำพูดที่รัวเร็วฟังดูรีบร้อนอยู่ในทีทำให้เด็กหนุ่มพยักหน้าให้คนพูดรู้ว่าเจ้าตัวรับทราบเป็นอันเข้าใจแล้ว  พี่ฮีชอลพูดแบบนี้ทุกวันประโยคซ้ำๆเดิมๆจะเปลี่ยนก็แต่เวลาในการกลับบ้านก็เท่านั้น ริมฝีปากอิ่มสวยอ้าและรับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มยุ้ย ฮีชอลที่เดินผ่านไปแล้วอดที่จะวกกลับมาขโขยหอมและหยิกแก้มใสนั้นแรงๆไม่ได้

โอ้ย!...ผมเจ็บนะฮะพี่ฮีชอลหอมแก้มผมอีกแล้วนะ...ผมโตเป็นหนุ่มแล้วน้า~”พองลมจนแก้มป่องแสดงถึงความโกรธเล็กๆที่พี่ชายยังคงปฏิบัติกับตัวเค้าในวัย 21 ปีเหมือนกับเด็กน้อยไม่รู้จักโต

ฮ่าฮา...แจจุงอยากทำตัวน่ารักให้พี่หมั่นเขี้ยวทำไมล่ะ...ตั้งใจเรียนด้วยน้า

ไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว...พี่ก็ตั้งใจทำงานด้วยนะครับ...บายกว่าจะพูดจบประโยคฮีชอลก็วิ่งออกไปก่อนซะแล้ว

พี่เคยฟังผมจบก่อนบ้างมั้ยเนี่ยTT”อดน้อยใจไม่ได้แต่ก็อมยิ้มน้อยๆให้กับความน่ารักของพี่ชาย 

     แจจุงรู้ดีว่าพี่ชายของเขาต้องทำงานหนักตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตวันๆแทบจะไม่มีเวลาขยับตัวไปไหนได้เลย เช้าก็มาทำงานที่ร้านกาแฟตกเย็นก็ไปหัดเรียนการชงเหล้าที่ตนแสนจะชื่นชอบและหลงใหลในน้ำสีอำพันเมนูต่างๆที่คิดค้นก็ต่างเป็นที่ถูกใจ  พอช่วงค่ำก็ไปทำงานที่บาร์เหล้าตามปกติเป็นอย่างนี้ทุกวัน 

แจจุงพยายามจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระ ร่างเล็กจึงตั้งใจเรียนเอามากๆเพราะถ้าเค้าได้ทุนแสดงว่าค่าเทอม ค่าใช้จ่ายรายวันฮีชอลก็จะไม่ต้องจ่ายเพราะทางมหาลัยจะเป็นธุระจัดการให้แทนทั้งหมดและแจจุงต้องคว้าโอกาสทองมาให้จงได้ ส่วนเรื่องทำงานพาสไทม์อะไรทำนองนั้นเลิกคิดไปได้เลยเพราะฮีชอลยื่นคำขาดไว้ว่าจะไม่ให้น้องชายคนนี้เตะงานอะไรสักอย่างขอแค่แจจุงตั้งใจเรียนแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับพีชาย  แจจุงเลยไม่กล้าที่ตะไปดื้อหรือขัดใจอะไร แต่ก็ยังดีที่มีพี่ซีวอนคอยดูแลเอาใจใส่อยู่ไม่ห่างถึงพี่ฮีชอลและพี่ซีวอนทั้งสองจะตกลงคบกันเป็นแฟนแล้วก็ตาม(หลังจากที่หยอดคำหวานมานาน55+)แต่ด้วยความที่พึ่งคบกันได้ไม่นานถึงจะรู้จักกันมานานแล้วก็เถอะแต่ฮีชอลก็ยังคงปฏิเสธในเรื่องความช่วยเหลือต่างๆ ซีวอนก็รู้ดีว่าฮีชอลเป็นคนขี้เกรงใจก็เลยได้แต่คอยช่วยเหลืออยู่ห่าง(อย่างห่วงๆ55+)แต่ความรักและกำลังใจที่มีให้ยังคงเปี่ยมล้นอยู่เสมอ

~                   ~ 

ฮัลโหล...ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไปน้ำเสียงหวานกลับถูกทดแทนด้วยน้ำเสียงของบุคคลที่โทรมา เสียงใสๆแสดงอาการขุ่นเคืองอยู่ในทีรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

แจจุง!...นายอยู่ไหนแล้วนี่มันจะขึ้นเรียนอยู่แล้วนะ!”

อ่ะ...คือนายรอชั้นก่อนนะจุนซู...พอดีว่า...

ว่าอะไร...เกิดอะไรขึ้นกับนายหรอ???จากน้ำเสียงที่ดุดันกลับอ่อนลงแสดงถึงความห่วงใยออกมาทันที

“”พอดีว่า...ชั้นตื่นสายอ่ะ...ฮ่าฮา

ตื่นสาย!...นายทำให้ชั้นเป็นห่วงอีกแล้วนะตื่นสายงั้นหรอ!”ไม่บอกก็รู้ว่าจุนซูคงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความโกรธไปแล้วแน่ๆ

เอาน่าเหลือเวลาอีกนิดหน่อย...รอแป๊ปเดียวจะไปถึงแน่นอนครับผม...แค่นี้นะไม่รอช้าที่จะตัดสายคู่สนทนาและตรงดิ่งออกจากบ้าน

ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเท้าเล็กก็ก้าวฉับๆมายังโต๊ะประจำของตนเอง จุนซูและโบอาแฟนสาว  แต่เรียวคิ้วกลับขมวดมุ่นเมื่อเห็นเพียงจุนซุเพื่อนคนสนิทหากกลับไร้ร่างของควาน โบอา

มาแล้วหรอ?จุนซูเอ่ยทัก

อืม...จุนซูแล้วโบอาล่ะ

แหม...มาปุ๊ปก็ถามถึงศรีภรรยาก่อนเลยนะ...โบอาบอกว่าวันนี้ทีสอบก็เลยขอตัวขึ้นไปก่อน...นายอ่ะมัวแต่ชักช้าพูดพรางยื่นคุกกี้ชิ้นเล็กน่าทานที่ถูกจัดเรียงอย่างตั้งใจในห่อขนมสีใสไปให้กับคนตรงหน้า

แฟนนายเค้าฝากมา...รับไปสิ

อ่า...โบอานี่น่ารักจัง...มองชั้นแบบนี้หมายความว่าไง?นายอิจฉาชั้นหรอจุนซู?เอ่ยปากแซวคนตัวอวบข้างๆที่มองมาด้วยสายตาอิจฉาที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด จุนซูออกจะเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีทำไมถึงยังไม่มีแฟนแจจุงเองก็ไม่เข้าใจ

ทำไมชั้นต้องอิจฉานายด้วย...รอให้ชั้นมีแฟนก่อนเถอะแม่จะเอาให้หวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลยคอยดูขึ้นเสียงสูงพร้อมกับท่าทางมั่นใจเกินร้อย

หาให้ได้ก่อนเถอะ

คิม แจจุง!...นาย

ฮ่าฮา...ชั้นไม่ล้อนายแล้วก็ได้  ไปเร็ววันนี้วิชาเศรษฐศาสตร์คาบแรกเลยนี่นาเห็นว่าอาจารย์ที่มาสอนใหม่พึ่งจบจากอเมาริกามาหมาดๆชักจะอยากเห็นแล้วสิ

แหว่ะ...ชั้นไม่เห็นจะตื่นเต้นเลยวิชานี้น่าเบื่ออ่ะชั้นไม่ชอบ...ขอไม่ขึ้นได้มั้ย?

อะไรกันนายเป็นคนโทรเร่งให้ชั้นมาพอมาถึงก็จะไม่ขึ้นเรียน...ไม่ได้นะเดี่ยวก็ติดเอฟกันพอดีฉุดกระชากลากถูกันอยู่นานกว่าจะพาโลมาจอมดื้อมาถึงคลาสเรียนแต่ก็ยังทันเวลาและอาจารย์ผู้สอนก็ยังมาไม่ถึง

นายทำชั้นเหนื่อยแต่เช้าเลย...จุนซู

ก็ชั้นไม่อยาก.....คำพูดงอแงที่ยังไม่จบประโยค ริมฝีปากสีสดก็ต้องอ้าค้างเหมือนเป็นหุ่นที่ต้องคำสาบไปโดยปริยายเพียงแค่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย

ใบหน้าที่มีรอยยิ้มละมุนแต่งแต้มยังมุมปากได้รูป สันจมูกโด่ง ดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาลเข้มช่างดูเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามผู้นี้  จุนซูเผลอหลุดคำพูดที่ตนเองก็ไม่รู้ตัวและก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาจากกลีบปากสีสวยของตนเองได้

หล่อจังทั้งห้องเหมือนหยุดนิ่งฉากต่างๆถูกลบออกไปจนหมดเหลือไว้แค่เพียงตัวเค้าและผู้ชายคนนั้น...แต่ทว่า ผู้ชาย!’มือบางออกแรงตบเบาๆที่แก้มใสของตนเอง  ถึงจุนซูจะเป็นเคะก็จริงแต่จะมาทำตัวเปิดเผยออกไปขนาดนั้นมันไม่ได้        แจจุงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในการกระทำของเพื่อนตัวเล็ก

จุน...จุนซู...คิม จุนซู!”

ห๊ะ...โอ้ยแจจุงนายจะตะโกนทำไมเนี่ย?

แล้วนายล่ะเป็นอะไรพูดอยู่คนเดียว ตบหน้าตัวเองแบบนี้ๆอยู่ได้

ชั้นหรอ?...ป่าวสักหน่อย

ก็เนี่ย...เห็นๆกันอยู่ในเมื่อคนตัวเล็กช่างเจรจายังคงเถียงต่อไปอย่างสุดความสามารถแจจุงก็ไม่ยอมแพ้เลยรีบต้อนลูกแกะน้อยขนปุยตัวนี้ให้จนมุม

อย่าบอกนะว่า.....หยุดทิ้งคำพูดเอาไว้ให้คนฟังอารมณ์ค้างเล่นๆแต่ดวงตากลับสื่อความหมายโดยนัยต์ออกมาแทนด้วยการกรอกดวงตาสุกใสไปยังบุรุษนิรนามผู้นั้นและกรอกกลับมายังเพื่อนคนสนิทแจจุงทำแบบนี้ไปมาอยู่หลายรอบเลยทีเดียว

แจจุง...จะบ้าหรอนายคิดอะไรอยู่เนี่ย...นี่ถามหน่อยทำแบบนี้ไม่ปวดตาบ้างหรือไงกัน

แบบไหนอ่ะ???

แบบนี้ไงนี่ๆๆๆๆๆออกแรงหยิกแก้มกลมๆอย่างหมั่นเขี้ยว  ไม่ว่ายังไงจุนซูก็ไม่สามารถที่จะเก็บความลับไว้กับตัวเองได้เลยแจจุงอ่านใจเค้าออกทุกครั้งไปสินะ  ผิกับเค้าที่ไม่สามารถอ่านใจใครออกได้เลยแม้กระทั่งแจจุง 

     การสนทนาที่คล้ายจะเป็นการทะเลาะกันขนาดย่อยๆของทั้งสองต้องเป็นอันหยุดลงชั่วขณะเมื่อชายหนุ่มคนดังกล่าวที่เป็นประเด็นในการสนทนาเมื่อครู่เดินมาหยุดยืนบนแท่นไม้ซึ่งเป็นที่ประจะของอาจารย์ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องขนาดใหญ่ช้าและเอ่ยเสียงนุ่มๆเพื่อเป็นการแนะนำตัว

เอ่อ...สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน ผมเป็นครูสอนวิชาหลักเศรษฐศาสตร์นะครับ พึ่งจบจากอเมริกามาหมาดๆเลยแล้วก็พึ่งได้เข้าสอนที่นี่เป็นที่แรกด้วย รู้สึกตื่นเต้นมากๆเลยครับ แต่ผมก็หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดี ปาร์ค ยูชอนยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับเมื่อกล่าวจบรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ก็ยกยิ้มยังมุมปากอีกหน  รอยยิ้มที่เรียกเสียงปรบมือจากเล่านักศึกษาและเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าหนุ่มน้อย สาวน้อยราวกับงานแสดงคอนเสิร์ตก็ไม่ปานและคนที่ดูจะลืมตัวจนออกนอกหน้าก็คงหนีไม่พ้นคิม จุนซูเจ้าเก่า

แจจุงเค้าเป็นอาจารย์ล่ะหวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีนะครับให้ตาย!...นี่เค้าทำเหมือนกันว่ากำลังจะสารภาพรักและกำลังขอเดทกับใครสักคนในนี้อยู่เลย...แกว่างั้นมั้ยอ่ะ?ใบหน้าของจุนซูที่กำลังบานเป็นจานดาวเทียมบวกกับสีหน้าที่แดงระเรื่ออย่างเด่นชัดเลยเผลอให้แจจุงต้องยิ้มตามออกมาอย่างอดไม่ได้ จุนซูช่างดูสดใสราวกับดอกไม้ที่ได้รับไอน้ำค้างบริสุทธิ์ดวงตาสีดำขลับเปลี่ยนมาจ้องจับผิดคนที่แสดงพิรุธออกมามากมาย

จุนซูนายหน้าแดงมากๆเลยรอยยิ้มของจุนซูถูกลบหายออไปจากใบหน้าทันทีเมื่อคนตัวเล็กนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองนั้นได้หลุดมาดคุณหนูผู้น่ารักและเรียบร้อยออกไป

ชั้นหน้าแดงหรอ?...สงสัยอากาศจะร้อนน่ะ

ร้อนหรอ?...ตรงไหนนี่ห้องแอร์ออกจะหนาวตอบกลับออกไปอย่างรู้ทัน

 งั้นชั้นคงจะไม่สบาย^^”

ไหน...แจจุงเอามือแตะหน้าผากตนเองกับคนที่พูดจาขี้ปดได้ไม่เนียนเอาเสียเลย

ก็ปกติดีนี่ อย่ามาหาข้ออ้าง...ชั้นรู้ทันนายหนอกน่า

อะ...เอ่อ...แล้วอะไรล่ะที่นายคิดว่าทำให้ชั้นหน้าแดงอ่ะ?

ก็อาจารย์หนุ่มคนนั้นไง...ปาร์ค ยูชอนดวงหน้าหวานของคนพูดดูเจ้าเล่ห์จนจุนซูที่เหมือนว่าตนเองจะหมดข้อแก้ตัวและถูกจับได้ต้องรีบผลันหน้าหลบสายตา

นายพูอะไรของนายเค้าเป็นอาจารย์นะ...แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหากคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของจุนซูกลับทำให้คนที่ฟังดูเครียดขึ้นมาทันทีรอยยิ้มและแววตาขี้เล่นหายไปกลับแทนที่ด้วยความว่างเปล่าแลดุเจ็บช้ำ จุนซูเริ่มจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่ว่า

อะ...แจจุง...ชั้นไม่ได้ตั้งใจ...

ไม่เป็นไรหรอก นายก็แค่พูดไปตามที่นายก็รู้สึกแบบนั้นชั้นเข้าใจ...การที่ผู้ชายอย่างเราจะไปชอบหรือรักในเพศเดียวกันมันเป็นอะไรที่.....หยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะน้ำเสียงมันสั่นจนเกินจะระงับไว้ได้

แจจุงหยุดพูดเถอะ...จุนซูขอโทษจุนซูไม่ได้ตั้งใจ

     เมื่อเห็นแจจุงมีอาการไม่ดีจุนซูก็รู้สึกผิดที่ตนเองนั้นเผลอพรั้งปากพูดไม่คิดแถมยังไปกระทบจิตใจของแจจุงอีกต่างหาก ถึงไม่ตั้งใจแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนของเขาต้องมาคิดมากแบบนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว...ความทรงจำที่ไม่ดี เลวร้าย  จุนซูเป็นเพื่อน  จุนซูเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ที่ยังเรียนอยู่ด้วยกันตอนประถมจึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะล่วงรู้ความลับของกันและกัน...แม้กระทั่งเรื่องเรื่องนั้น

จุนซูฟังที่ชั้นพูดนะการที่เรารู้สึกดีๆหรือมีความรักมันไม่ผิดหรอกแม้กระทั่งเราจะรักในเพศเดียวกันก็ตาม...นายควรจะทำในสิ่งที่นายอยากทำนะ

ถึงแม้ว่าคำพูดที่ฟังดูดีนั้น...จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับผม
แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทำตามสิ่งที่ผมพูดออกไปได้
ทางออกที่ดีที่สุด...มันอยู่ตรงไหนหรอครับ
ช่วยพาผมออกไปที...ได้โปรด

แจจุงคือ.....

แต่ชั้นไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอก  ชั้นไม่อยากทำให้พี่ฮีชอลต้องผิดหวัง...และก็ตัวชั้นเอง

..........

ชั้นว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะพูดพรางปาดรอยน้ำตาพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาสดใสดังเดิม

จุนซู...ถ้านายรู้สึกกับอาจารย์ปาร์คแบบรักแรกพบจริงๆ...บางทีชั้นอาจจะช่วยนายได้ก็ได้นะ^^”

     เมื่อไม่รู้ว่าจะไปจมปรักอยู่กับอดีตที่เลวร้ายและไม่ได้ทำให้ชีวิตของคนที่น่าสงสารคนนี้ดีขึ้นมาได้เลย แจจุงก็ได้แต่ปล่อยความทรงจำนั้นเอาไว้ข้างหลัง  ภายใต้การควบคุมของจิตใจและมาเริ่มต้นนับหนึ่งไปกับชีวิตข้างหน้า   อนาคตข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคงจะดีซะกว่า...ถ้าคนอ่อนแออย่างเขาจะทำมันได้

แจจุง!”ก้มหน้างุดอย่างคนรู้สึกผิดในคราแรกและรู้สึกเขินอายในคราต่อมาก็เพราะว่าแจจุงยังคงไม่เลิกจ้องเค้าด้วยสายตาล้อเลียนแกมคนรู้ทัน

ชั้นดีใจนะที่ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่าความรักเกิดขึ้นกับนายสักที...จุนซู...เพื่อนชั้นคนนี้จะได้มีแฟนกะเค้าบ้างแล้ว...คิ^^”
ไปใหญ่แล้ว >//<”




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น