Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , Changmin
Genre : Drama, Erotic
NC : ?
Part…4 ปัจจุบัน
“ฮีชอลนายกดดันแจจุงมากไปหรือป่าวอย่าลืมที่คุณหมดพูดสิ บางทีจิตใจของแจจุงอาจจะ...”
“อาจจะไม่ปกติงั้นหรอ...ไม่...มี...ทาง!”สะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมแล้วตรงไปยังห้องของคุณหมอเจ้าของไข้ที่ดูแลแจจุง
ถ้าหากต้องมารับรู้ว่าน้องชายที่ตนเองรักและเฝ้าดูแลอย่างทะนุถนอมราวกับไขในหินต้องมามีอาการป่วยทางจิตแบบนี้คนเป็นพี่อย่างเขาก็คงจะยอมไม่ได้เหมือนกัน
“หัดยอมรับความจริงซะบ้างสิ!”เรียวขาบางหยุดชะงักในการก้าวเดินทันทีที่คำพูดแกมตะคอกของซีวอนลอยเข้ามากระทบโสตประสาท น้ำเสียงแบบนี้ยากนักที่จะหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มเพราะซีวอนเป็นคนนุ่มนวลบทจะดุขึ้นมาฮีชอลก็เลยรู้สึกกลัวไม่กล้าไปไหน ขาก็ก้าวไม่ออกไปซะเฉยๆ
“ที่นายเห็นอยู่ตอนนี้ชั้นไม่เชื่อหรอกว่านายยังมองไม่ออก...ยอมรับความจริงเถอะฮีชอลถ้านายยังขืนใจร้อน โวยวายไม่ได้สติอยู่แบบนี้คนที่กำลังจะเป็นบ้าคนต่อไปก็คือนาย...แจจุงกำลังแย่นะฮีชอลทำไมเราไม่มาช่วยกันหาทางออกล่ะ”
ฮีชอลหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่พูดให้เค้าได้คิด สายตาที่แสดงความท้อแท้และเหนื่อยอ่อนทอดมองไปยังร่างของน้องชายที่ยังคงนั่งร้องไห้ตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว อ้อมกอดจากซีวอนคงเป็นยาชูกำลังให้กับคนที่หมดหวังและหมดแรงอย่างฮีชอลในเวลานี้ น้ำตามากมายที่ไม่อยากจะให้มันไหลออกมาเลยสักนิดแต่ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในตอนนี้ช่างแสนเลวร้าย ฮีชอลไม่อาจเก็บกลั้นความรู้สึกอึดอัดนี้เอาไว้ได้
“ฮึก...ฮือๆๆ..เราจะทำยังไงกันดี”
‘พระเจ้าคงช่วยให้คำอธิฐานเป็นจริงขึ้นมาได้ แต่กลับไม่ครบสมบูรณ์อย่างที่เราต้องการทั้งหมด’
การได้ตัวน้องชายกลับมาเป็นสิ่งที่ฮีชอลปรารถนาแต่ในทางกลับกัน การที่ได้ตัวน้องชายคืนมากลับมาความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นตามมาด้วย ช่างทำใจยอมรับได้ยากเหลือเกิน
“หมอขอให้คุณยอมรับความจริงตรงนี้ให้ได้เถอะนะครับ น้องชายคุณไม่ได้บ้าแต่มีอาการทางจิตที่หวาดกลัวกับเรื่องเลวร้าย...แถมคนไข้ยังไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นั่นก็ถือว่าเป็นส่วนดีเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้สึกกับความคิดของคุณคิมกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง...”
“ยังไงครับคุณหมอที่ว่าสวนทางกัน?”
“ความรู้สึกในตัวของคนไข้ยังจดจำความหวาดกลัวกับเรื่องเลวร้ายนั้นอยู่แต่ในทางความนึกคิดคนไข้พยายามจะลืมและลบภาพติดตาที่เกิดขึ้นนั้นออกไปหรือแม้แต่ใบหน้าของคนที่ทำร้ายเค้าน่ะครับ”
“โถ่...แจจุง”
“ทั้งหมดที่หมอได้พูดไปมันเลยทำให้น้องชายคุณมีอาการอย่างที่เห็นน่ะครับ...ตอนนี้คนไข้กำลังสับสน”
“ไม่มีทางแก้เลยหรอครับคุณหมอ?”
“มันมีหนทางรักษาและแก้ไขแน่นอนครับแต่คงต้องใช้เวลา...”
“แล้วระยะเวลาที่ว่ามันนานมากมั้ยครับ?”
“ก็ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้และสิ่งแวดรอบๆตัวน่ะครับ คนไข้ต้องการคนดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ถ้าทุกอย่างเป็นไปในทางบวกคนไข้ก็อาจจะหายกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมครับ”
“จริงหรอครับ!...ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้น้องชายคนเดิมของผมกลับมา ขอบคุณมากๆเลยนะครับคุณหมอ”แววตาที่ดูโศกเศร้ากลับฉายแววของความหวังอันเปี่ยมล้นขึ้นมาแทนที่และวีวอนก็เชื่อเป้นอย่างมากว่าฮีชอลจะทำทุกวิถีทางให้แจ
จุงกลับมาเป็นเด็กที่น่ารักคนเดิมได้อย่างแน่นอน...เขาเชื่ออย่างนั้น
เมื่อพูดคุยถึงธุระต่างๆเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วฮีชอลจึงขออยู่ตามลำพังกับแจจุงซึ่งซีวอนก็ไม่ได้ขัดอะไร เวลานี้การดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและคนที่แจจุงรักมีอิทธิพลต่อตัวของเด็กน้อยคนนี้มากซีวอนเข้าใจดี
“งั้นไว้พรุ่งนี้ชั้นจะมาเยี่ยมแจจุงใหม่แล้วกันนะ...ฮีชอลนายก็อย่าคิดมากนะ...เดี๋ยวไม่สวย”คำพูดที่พยายามจะทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดทุเลาลงบ้างไม่มากก็น้อย แต่ซีวอนก็ยังอยากที่จะทำถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลเลยก็ตามแต่แค่เห็นรอยยิ้มของฮีชอลมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเค้าแล้ว
“ครับ...ขอบคุณมากๆเลยนะครับคุณซีวอน”พูดพร้อมกับก้มหัวตามมารยาทที่พึงกระทำ ฮีชอลไม่รู้จะตอบแทนเจ้านายที่แสนดีคนนี้ยังไงเพราะสิ่งที่เค้าได้รับจากชายหนุ่มตรงหน้ามันมากมายเหลือเกิน
“อ่า...ไม่รับคำขอบคุณแต่ขอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสๆของนายไม่ได้หรอ?”มือข้างที่ถนัดยกขึ้นลูบศรีษะกลมๆอย่างเอ็นดู
“”ไว้ถามผมรู้สึกดีกว่านี้แล้วผมจะยิ้มสวยๆให้คุณเลยฮะ
“อืม...ชั้นจะรอดูนะ ดอกไม้ของชั้นไม่ควรจะเหี่ยวแห้งแบบนี้เลยดอกไม้ของชั้นต้องเบ่งบายสวยงามอยู่ตลอดเวลาสิถึงจะถูก...ชั้นไปนะ”
“ครับ...ขับรถดีๆนะครับคุณซีวอน”เมื่อกล่าวคำล่ำลาและรอส่งชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วฮีชอลก็กดลิฟท์ไปยังชั้นที่น้องชายนอนพักรักษาตัวอยู่ แจจุงพึ่งหลับไปไม่นานจากคำบอกเล่าของพยาบาลสาวที่ทำหน้าที่ดูแลไข้
เก้าอี้ตัวสีน้ำตาลเข้มถูกเคลื่อนมายังตำแหน่งประจำข้างเตียงนอนฮีชอลจดจ้องเรียวหน้าสวยราวกับเทพธิดาตัวน้อยๆแต่บัดนี้กลับดูซีดเซียวไร้สีเลือดซับใบหน้า ด้วยความที่แจจุงดูเหมือนกับเด็กผู้หญิง แบบนี้รึป่าวนะที่ทำให้น้องของเขาต้องกลายมาเป็นคนโชคร้ายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดแบบนี้ เสียงสะอื้นที่พยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้เล็ดลอดออกไปรบกวนร่างบางที่กำลังหลับใหลด้วยฤทธิ์ยา
“หลับซะแจจุง...ต้องพักผ่อนให้เยอะๆนะพี่จะอยู่ตรงนี้ข้างๆแจจุงเอง...อย่ากลัวไปเลย”ศรีษะกลมฟุบลงบนฝ่ามือของน้องชายที่วางไว้ข้างลำตัว เปลือกตาบางเคลื่อนบดบังดวงตากลมโตอีกครั้งและเพียงเวลาไม่นานฮีชอลก็เข้าสู้ห้วงนิทราไปอีกคน
…เวลาที่เดินไปอย่างช้าๆหากแต่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้และไม่เคยคอยใคร นำพาความสุขมาให้กับเราและไม่นานก็พาความสุขที่ว่าจากเราไปสิ่งที่เข้ามาทดแทนกลับเป็นความทุกข์อย่างนั้นหรอ?...
... และความสุขก็มักจะอยู่กับเราไม่นาน วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นแค่เรื่องโกหก หลอกลวง ความทุกข์ก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพบและเจอกับสิ่งไหนมากกว่ากันก็เท่านั้น…
...แล้วเมื่อไหร่ จะได้พบสักที ความสุขที่เราวิ่งตามหา ความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่มีความทุกข์มาพรากจากไปตลอดกาล...
~ 7ปี ผ่านไป ~
“แจจุงวันนี้พี่ไม่กลับบ้านดูแลบ้านๆดีๆนะ...อ้อ...แล้วพี่จะโทรหานะ...บายจะ”คำพูดที่รัวเร็วฟังดูรีบร้อนอยู่ในทีทำให้เด็กหนุ่มพยักหน้าให้คนพูดรู้ว่าเจ้าตัวรับทราบเป็นอันเข้าใจแล้ว พี่ฮีชอลพูดแบบนี้ทุกวันประโยคซ้ำๆเดิมๆจะเปลี่ยนก็แต่เวลาในการกลับบ้านก็เท่านั้น ริมฝีปากอิ่มสวยอ้าและรับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มยุ้ย ฮีชอลที่เดินผ่านไปแล้วอดที่จะวกกลับมาขโขยหอมและหยิกแก้มใสนั้นแรงๆไม่ได้
“โอ้ย!...ผมเจ็บนะฮะพี่ฮีชอลหอมแก้มผมอีกแล้วนะ...ผมโตเป็นหนุ่มแล้วน้า~”พองลมจนแก้มป่องแสดงถึงความโกรธเล็กๆที่พี่ชายยังคงปฏิบัติกับตัวเค้าในวัย 21 ปีเหมือนกับเด็กน้อยไม่รู้จักโต
“ฮ่าฮา...แจจุงอยากทำตัวน่ารักให้พี่หมั่นเขี้ยวทำไมล่ะ...ตั้งใจเรียนด้วยน้า”
“ไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว...พี่ก็ตั้งใจทำงานด้วยนะครับ...บาย”กว่าจะพูดจบประโยคฮีชอลก็วิ่งออกไปก่อนซะแล้ว
“พี่เคยฟังผมจบก่อนบ้างมั้ยเนี่ยTT”อดน้อยใจไม่ได้แต่ก็อมยิ้มน้อยๆให้กับความน่ารักของพี่ชาย
แจจุงรู้ดีว่าพี่ชายของเขาต้องทำงานหนักตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตวันๆแทบจะไม่มีเวลาขยับตัวไปไหนได้เลย เช้าก็มาทำงานที่ร้านกาแฟตกเย็นก็ไปหัดเรียนการชงเหล้าที่ตนแสนจะชื่นชอบและหลงใหลในน้ำสีอำพันเมนูต่างๆที่คิดค้นก็ต่างเป็นที่ถูกใจ พอช่วงค่ำก็ไปทำงานที่บาร์เหล้าตามปกติเป็นอย่างนี้ทุกวัน
แจจุงพยายามจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระ ร่างเล็กจึงตั้งใจเรียนเอามากๆเพราะถ้าเค้าได้ทุนแสดงว่าค่าเทอม ค่าใช้จ่ายรายวันฮีชอลก็จะไม่ต้องจ่ายเพราะทางมหาลัยจะเป็นธุระจัดการให้แทนทั้งหมดและแจจุงต้องคว้าโอกาสทองมาให้จงได้ ส่วนเรื่องทำงานพาสไทม์อะไรทำนองนั้นเลิกคิดไปได้เลยเพราะฮีชอลยื่นคำขาดไว้ว่าจะไม่ให้น้องชายคนนี้เตะงานอะไรสักอย่างขอแค่แจจุงตั้งใจเรียนแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับพีชาย แจจุงเลยไม่กล้าที่ตะไปดื้อหรือขัดใจอะไร แต่ก็ยังดีที่มีพี่ซีวอนคอยดูแลเอาใจใส่อยู่ไม่ห่างถึงพี่ฮีชอลและพี่ซีวอนทั้งสองจะตกลงคบกันเป็นแฟนแล้วก็ตาม(หลังจากที่หยอดคำหวานมานาน55+)แต่ด้วยความที่พึ่งคบกันได้ไม่นานถึงจะรู้จักกันมานานแล้วก็เถอะแต่ฮีชอลก็ยังคงปฏิเสธในเรื่องความช่วยเหลือต่างๆ ซีวอนก็รู้ดีว่าฮีชอลเป็นคนขี้เกรงใจก็เลยได้แต่คอยช่วยเหลืออยู่ห่าง(อย่างห่วงๆ55+)แต่ความรักและกำลังใจที่มีให้ยังคงเปี่ยมล้นอยู่เสมอ
~♪ ♫ ♪ ♫ ♪ ~
“ฮัลโหล...”ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไปน้ำเสียงหวานกลับถูกทดแทนด้วยน้ำเสียงของบุคคลที่โทรมา เสียงใสๆแสดงอาการขุ่นเคืองอยู่ในทีรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“แจจุง!...นายอยู่ไหนแล้วนี่มันจะขึ้นเรียนอยู่แล้วนะ!”
“อ่ะ...คือนายรอชั้นก่อนนะจุนซู...พอดีว่า...”
“ว่าอะไร...เกิดอะไรขึ้นกับนายหรอ???”จากน้ำเสียงที่ดุดันกลับอ่อนลงแสดงถึงความห่วงใยออกมาทันที
“”พอดีว่า...ชั้นตื่นสายอ่ะ...ฮ่าฮา
“ตื่นสาย!...นายทำให้ชั้นเป็นห่วงอีกแล้วนะตื่นสายงั้นหรอ!”ไม่บอกก็รู้ว่าจุนซูคงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงด้วยความโกรธไปแล้วแน่ๆ
“เอาน่าเหลือเวลาอีกนิดหน่อย...รอแป๊ปเดียวจะไปถึงแน่นอนครับผม...แค่นี้นะ”ไม่รอช้าที่จะตัดสายคู่สนทนาและตรงดิ่งออกจากบ้าน
ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเท้าเล็กก็ก้าวฉับๆมายังโต๊ะประจำของตนเอง จุนซูและโบอาแฟนสาว แต่เรียวคิ้วกลับขมวดมุ่นเมื่อเห็นเพียงจุนซุเพื่อนคนสนิทหากกลับไร้ร่างของควาน โบอา
“มาแล้วหรอ?”จุนซูเอ่ยทัก
“อืม...จุนซูแล้วโบอาล่ะ”
“แหม...มาปุ๊ปก็ถามถึงศรีภรรยาก่อนเลยนะ...โบอาบอกว่าวันนี้ทีสอบก็เลยขอตัวขึ้นไปก่อน...นายอ่ะมัวแต่ชักช้า”พูดพรางยื่นคุกกี้ชิ้นเล็กน่าทานที่ถูกจัดเรียงอย่างตั้งใจในห่อขนมสีใสไปให้กับคนตรงหน้า
“แฟนนายเค้าฝากมา...รับไปสิ”
“อ่า...โบอานี่น่ารักจัง...มองชั้นแบบนี้หมายความว่าไง?นายอิจฉาชั้นหรอจุนซู?”เอ่ยปากแซวคนตัวอวบข้างๆที่มองมาด้วยสายตาอิจฉาที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด จุนซูออกจะเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีทำไมถึงยังไม่มีแฟนแจจุงเองก็ไม่เข้าใจ
“ทำไมชั้นต้องอิจฉานายด้วย...รอให้ชั้นมีแฟนก่อนเถอะแม่จะเอาให้หวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลยคอยดู”ขึ้นเสียงสูงพร้อมกับท่าทางมั่นใจเกินร้อย
“หาให้ได้ก่อนเถอะ”
“คิม แจจุง!...นาย”
“ฮ่าฮา...ชั้นไม่ล้อนายแล้วก็ได้ ไปเร็ววันนี้วิชาเศรษฐศาสตร์คาบแรกเลยนี่นาเห็นว่าอาจารย์ที่มาสอนใหม่พึ่งจบจากอเมาริกามาหมาดๆชักจะอยากเห็นแล้วสิ”
“แหว่ะ...ชั้นไม่เห็นจะตื่นเต้นเลยวิชานี้น่าเบื่ออ่ะชั้นไม่ชอบ...ขอไม่ขึ้นได้มั้ย?”
“อะไรกันนายเป็นคนโทรเร่งให้ชั้นมาพอมาถึงก็จะไม่ขึ้นเรียน...ไม่ได้นะเดี่ยวก็ติดเอฟกันพอดี”ฉุดกระชากลากถูกันอยู่นานกว่าจะพาโลมาจอมดื้อมาถึงคลาสเรียนแต่ก็ยังทันเวลาและอาจารย์ผู้สอนก็ยังมาไม่ถึง
“นายทำชั้นเหนื่อยแต่เช้าเลย...จุนซู”
“ก็ชั้นไม่อยาก.....”คำพูดงอแงที่ยังไม่จบประโยค ริมฝีปากสีสดก็ต้องอ้าค้างเหมือนเป็นหุ่นที่ต้องคำสาบไปโดยปริยายเพียงแค่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มละมุนแต่งแต้มยังมุมปากได้รูป สันจมูกโด่ง ดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาลเข้มช่างดูเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ จุนซูเผลอหลุดคำพูดที่ตนเองก็ไม่รู้ตัวและก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาจากกลีบปากสีสวยของตนเองได้
“หล่อจัง”ทั้งห้องเหมือนหยุดนิ่งฉากต่างๆถูกลบออกไปจนหมดเหลือไว้แค่เพียงตัวเค้าและผู้ชายคนนั้น...แต่ทว่า ’ผู้ชาย!’มือบางออกแรงตบเบาๆที่แก้มใสของตนเอง ถึงจุนซูจะเป็นเคะก็จริงแต่จะมาทำตัวเปิดเผยออกไปขนาดนั้นมันไม่ได้ แจจุงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในการกระทำของเพื่อนตัวเล็ก
“จุน...จุนซู...คิม จุนซู!”
“ห๊ะ...โอ้ยแจจุงนายจะตะโกนทำไมเนี่ย?”
“แล้วนายล่ะเป็นอะไรพูดอยู่คนเดียว ตบหน้าตัวเองแบบนี้ๆอยู่ได้”
“ชั้นหรอ?...ป่าวสักหน่อย”
“ก็เนี่ย...เห็นๆกันอยู่”ในเมื่อคนตัวเล็กช่างเจรจายังคงเถียงต่อไปอย่างสุดความสามารถแจจุงก็ไม่ยอมแพ้เลยรีบต้อนลูกแกะน้อยขนปุยตัวนี้ให้จนมุม
“อย่าบอกนะว่า.....”หยุดทิ้งคำพูดเอาไว้ให้คนฟังอารมณ์ค้างเล่นๆแต่ดวงตากลับสื่อความหมายโดยนัยต์ออกมาแทนด้วยการกรอกดวงตาสุกใสไปยังบุรุษนิรนามผู้นั้นและกรอกกลับมายังเพื่อนคนสนิทแจจุงทำแบบนี้ไปมาอยู่หลายรอบเลยทีเดียว
“แจจุง...จะบ้าหรอนายคิดอะไรอยู่เนี่ย...นี่ถามหน่อยทำแบบนี้ไม่ปวดตาบ้างหรือไงกัน”
“แบบไหนอ่ะ???”
“แบบนี้ไงนี่ๆๆๆๆๆ”ออกแรงหยิกแก้มกลมๆอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่ว่ายังไงจุนซูก็ไม่สามารถที่จะเก็บความลับไว้กับตัวเองได้เลยแจจุงอ่านใจเค้าออกทุกครั้งไปสินะ ผิกับเค้าที่ไม่สามารถอ่านใจใครออกได้เลยแม้กระทั่งแจจุง
การสนทนาที่คล้ายจะเป็นการทะเลาะกันขนาดย่อยๆของทั้งสองต้องเป็นอันหยุดลงชั่วขณะเมื่อชายหนุ่มคนดังกล่าวที่เป็นประเด็นในการสนทนาเมื่อครู่เดินมาหยุดยืนบนแท่นไม้ซึ่งเป็นที่ประจะของอาจารย์ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องขนาดใหญ่ช้าและเอ่ยเสียงนุ่มๆเพื่อเป็นการแนะนำตัว
“เอ่อ...สวัสดีครับนักศึกษาทุกคน ผมเป็นครูสอนวิชาหลักเศรษฐศาสตร์นะครับ พึ่งจบจากอเมริกามาหมาดๆเลยแล้วก็พึ่งได้เข้าสอนที่นี่เป็นที่แรกด้วย รู้สึกตื่นเต้นมากๆเลยครับ แต่ผมก็หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดี ‘ปาร์ค ยูชอน’ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ”เมื่อกล่าวจบรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ก็ยกยิ้มยังมุมปากอีกหน รอยยิ้มที่เรียกเสียงปรบมือจากเล่านักศึกษาและเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าหนุ่มน้อย สาวน้อยราวกับงานแสดงคอนเสิร์ตก็ไม่ปานและคนที่ดูจะลืมตัวจนออกนอกหน้าก็คงหนีไม่พ้นคิม จุนซูเจ้าเก่า
“แจจุงเค้าเป็นอาจารย์ล่ะ’หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีนะครับ’ให้ตาย!...นี่เค้าทำเหมือนกันว่ากำลังจะสารภาพรักและกำลังขอเดทกับใครสักคนในนี้อยู่เลย...แกว่างั้นมั้ยอ่ะ?”ใบหน้าของจุนซูที่กำลังบานเป็นจานดาวเทียมบวกกับสีหน้าที่แดงระเรื่ออย่างเด่นชัดเลยเผลอให้แจจุงต้องยิ้มตามออกมาอย่างอดไม่ได้ จุนซูช่างดูสดใสราวกับดอกไม้ที่ได้รับไอน้ำค้างบริสุทธิ์ดวงตาสีดำขลับเปลี่ยนมาจ้องจับผิดคนที่แสดงพิรุธออกมามากมาย
“จุนซูนายหน้าแดงมากๆเลย”รอยยิ้มของจุนซูถูกลบหายออไปจากใบหน้าทันทีเมื่อคนตัวเล็กนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองนั้นได้หลุดมาดคุณหนูผู้น่ารักและเรียบร้อยออกไป
“ชั้นหน้าแดงหรอ?...สงสัยอากาศจะร้อนน่ะ”
“ร้อนหรอ?...ตรงไหนนี่ห้องแอร์ออกจะหนาว”ตอบกลับออกไปอย่างรู้ทัน
“งั้นชั้นคงจะไม่สบาย^^”
“ไหน...”แจจุงเอามือแตะหน้าผากตนเองกับคนที่พูดจาขี้ปดได้ไม่เนียนเอาเสียเลย
“ก็ปกติดีนี่ อย่ามาหาข้ออ้าง...ชั้นรู้ทันนายหนอกน่า”
“อะ...เอ่อ...แล้วอะไรล่ะที่นายคิดว่าทำให้ชั้นหน้าแดงอ่ะ?”
“ก็อาจารย์หนุ่มคนนั้นไง...ปาร์ค ยูชอน”ดวงหน้าหวานของคนพูดดูเจ้าเล่ห์จนจุนซูที่เหมือนว่าตนเองจะหมดข้อแก้ตัวและถูกจับได้ต้องรีบผลันหน้าหลบสายตา
“นายพูอะไรของนายเค้าเป็นอาจารย์นะ...แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก”คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของจุนซูกลับทำให้คนที่ฟังดูเครียดขึ้นมาทันทีรอยยิ้มและแววตาขี้เล่นหายไปกลับแทนที่ด้วยความว่างเปล่าแลดุเจ็บช้ำ จุนซูเริ่มจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่ว่า
“อะ...แจจุง...ชั้นไม่ได้ตั้งใจ...”
“ไม่เป็นไรหรอก นายก็แค่พูดไปตามที่นายก็รู้สึกแบบนั้นชั้นเข้าใจ...การที่ผู้ชายอย่างเราจะไปชอบหรือรักในเพศเดียวกันมันเป็นอะไรที่.....”หยุดพูดไว้แค่นั้นเพราะน้ำเสียงมันสั่นจนเกินจะระงับไว้ได้
“แจจุงหยุดพูดเถอะ...จุนซูขอโทษจุนซูไม่ได้ตั้งใจ”
เมื่อเห็นแจจุงมีอาการไม่ดีจุนซูก็รู้สึกผิดที่ตนเองนั้นเผลอพรั้งปากพูดไม่คิดแถมยังไปกระทบจิตใจของแจจุงอีกต่างหาก ถึงไม่ตั้งใจแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนของเขาต้องมาคิดมากแบบนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้ว...ความทรงจำที่ไม่ดี เลวร้าย จุนซูเป็นเพื่อน จุนซูเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ที่ยังเรียนอยู่ด้วยกันตอนประถมจึงไม่แปลกที่ทั้งสองจะล่วงรู้ความลับของกันและกัน...แม้กระทั่งเรื่องเรื่องนั้น
“จุนซูฟังที่ชั้นพูดนะการที่เรารู้สึกดีๆหรือมีความรักมันไม่ผิดหรอกแม้กระทั่งเราจะรักในเพศเดียวกันก็ตาม...นายควรจะทำในสิ่งที่นายอยากทำนะ”
ถึงแม้ว่าคำพูดที่ฟังดูดีนั้น...จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับผม
แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทำตามสิ่งที่ผมพูดออกไปได้
ทางออกที่ดีที่สุด...มันอยู่ตรงไหนหรอครับ
ช่วยพาผมออกไปที...ได้โปรด
“แจจุงคือ.....”
“แต่ชั้นไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอก ชั้นไม่อยากทำให้พี่ฮีชอลต้องผิดหวัง...และก็ตัวชั้นเอง”
“..........”
“ชั้นว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะ”พูดพรางปาดรอยน้ำตาพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาสดใสดังเดิม
“จุนซู...ถ้านายรู้สึกกับอาจารย์ปาร์คแบบรักแรกพบจริงๆ...บางทีชั้นอาจจะช่วยนายได้ก็ได้นะ^^”
เมื่อไม่รู้ว่าจะไปจมปรักอยู่กับอดีตที่เลวร้ายและไม่ได้ทำให้ชีวิตของคนที่น่าสงสารคนนี้ดีขึ้นมาได้เลย แจจุงก็ได้แต่ปล่อยความทรงจำนั้นเอาไว้ข้างหลัง ภายใต้การควบคุมของจิตใจและมาเริ่มต้นนับหนึ่งไปกับชีวิตข้างหน้า อนาคตข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้นมันคงจะดีซะกว่า...ถ้าคนอ่อนแออย่างเขาจะทำมันได้
“แจจุง!”ก้มหน้างุดอย่างคนรู้สึกผิดในคราแรกและรู้สึกเขินอายในคราต่อมาก็เพราะว่าแจจุงยังคงไม่เลิกจ้องเค้าด้วยสายตาล้อเลียนแกมคนรู้ทัน
“ชั้นดีใจนะที่ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่าความรักเกิดขึ้นกับนายสักที...จุนซู...เพื่อนชั้นคนนี้จะได้มีแฟนกะเค้าบ้างแล้ว...คิ^^”
“ไปใหญ่แล้ว >//<”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น