Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic
NC : PG 13
Part…14 KARA “ความสุข และ ความหวัง”
เข็มนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเข้าสู่ยามบ่ายแก่ๆ เหล่านักศึกษาแพทย์อนาคตไกลก็ต่างทยอยกันมายังห้องประชุมที่รุ่นพี่ได้นัดหมายเอาไว้พร้อมกับกระดาษคำตอบที่มี่รายชื่อของรุ่นพี่ที่ตนก็ต่างคิดว่าได้ไปสืบเสาะมาเป็นอย่างดีแล้วนั้นถูกยื่นไปให้กับจุงกิชายหนุ่มรับมาก่อนจะนำมารวบรวมและนักจำนวนส่งต่อไปให้กับชางมิน
“ชางมิน...รายชื่อมันหายไปสองคนนี่ก็จะหมดเวลาอยู่แล้วนะ”
“มีใครบ้างล่ะ?”
“ก็มีปาร์คยูฮวานกับอีแทมิน”
“สองคนนั้นยังไม่ออกมาอีกหรอ?”
“นายหมายความว่าไง?”
“เอ่อเปล่าหรอก...จุงกินายเห็นกึนซอกบ้างมั้ย”
“กึนซอกหรอ...เมื่อตอนบ่ายเห็นรีบร้อนออกไปไหนก็ไม่รู้ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“อะไรนะ!”ชางมินดูมีท่าทีตกใจไม่น้อย ถ้านับเวลาตั้งแต่ตอนตอนเช้าจนถึงตอนนี้ก็ราวๆห้าชั่วโมงได้เด็กสองคนนั้นจะไม่หนาวตายไปก่อนแล้วหรือไง เมื่อเห็นท่าไม่ดีคุณหมอหนุ่มจึงรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุทันทีแล้วก็เป็นอย่างที่เค้าคิดไว้ไม่มีผิดสองคนนั้นยังคงอยู่ข้างในห้องดับจิต
“ไอ้กึนซอกนี่มันใช้อะไรไม่ได้เรื่อง” หยิบลูกกุญแจขึ้นมาไขอย่างลวกๆก่อนจะบิดกลอนเข้าไป
~ ปัง ~
ภาพที่เห็นคือเด็กสองคนที่กำลังกอดกันกลมเนื้อตัวสั่นเทาจากความหนาวเย็นของเครื่องแช่แข็งถ่ายทอดความอบอุ่นทางร่างกายให้แก่กัน เท้ายาวค่อยๆเดินเข้าไปใกล้รุ่นน้องที่น่าสงสารใบหน้าขาวซีดและริมฝีปากที่แห้งเผือกนั้นทำให้คนเป็นรุ่นพี่รู้สึกผิดบางทีเค้าอาจจะเล่นแรงเกินไป ดวงตาคมจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนน่ารักที่กำลังหลับพริ้มอย่างน่าเอ็นดู
“เวลานอนหลับแบบนี้ก็น่ารักดีนะ...ยัยตัวแสบ”คุณหมอหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆใบหน้าหล่อถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว แทมินที่เริ่มรู้สึกตัวเปลือกตาบางลืมขึ้นช้าๆก่อนจะเห็นร่างตรงหน้าอย่างชัดเจน
“พี่ชางมิน”น้ำเสียงหวานฟังดูแหบแห้ง
“แทมิน...นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไรฮะ”
“นี่...ยูฮวานตื่นสิ”เอื้อมมือไปสะกิดเรียก
“ยูฮวานเหมือนจะไม่สบาย...ร่างกายเค้าไม่แข็งแรงมานานแล้วล่ะฮะ”
“จริงหรอ”
“หนาว”ยูฮวานพูดแทบจะจับใจความไม่ได้เลย
“หนาวก็ตื่นก่อนสิ...ชั้นมาช่วยนายแล้ว”ยังไม่ทันได้ลืมตาร่างที่หนาวเย็นก็เอื้ยวตัวไปโอบร่างหนาให้เข้ามาแนบชิดกับตนเองมากยิ่งขึ้นศีรษะเล็กซุกยังอกแกร่งเพื่อหาความอบอุ่น แทมินดูจะอึ้งๆชางมินก็เช่นกันแต่ก็ยังมีสติมากพอ
“แทมินไปเปิดประตูให้พี่หน่อย...นายยังไหวใช่มั้ย?”
“ไหวฮะ”เมื่อแทมินเดินไปเปิดประตูให้แล้วชางมินก็ช้อนร่างของยูฮวานขึ้นมาก่อนจะพาไปยังห้องพักของตนเอง
“นายอย่าเป็นอะไรนะ...แล้วก็ไม่ต้องมาขอบคุณชั้นด้วย...นายมันบ้าที่สุด” แทมินพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย คนตัวเล็กได้แต่เดินตามรุ่นพี่และเพื่อนของตนเองไปอย่างเงียบๆในใจก็ยังเป็นห่วงยูฮวานไม่น้อยไปกว่าชางมินเลย
---------------------------------------------------------------------
ผ้าห่มผืนหนาที่ชายหนุ่มค่อยๆนำมาคลุมกลัวว่ายูฮวานจะตื่นแต่ถึงแม้ว่าจะยังหลับอยู่ยูฮวานก็ยังคงเพ้อเพราะพิษไข้ ปากบางยังคงเอ่ยวาจาที่จับใจความไม่ได้จนชางมินเริ่มที่จะเป็นห่วง
“มา...ม๊า...มะ”
“ยูฮวาน”
“ม๊า...ผมหนาว...กอดผมที...ริคหนาว”พยายามตั้งใจฟังอยู่นานแล้วก็พอที่จะจับใจความได้บ้าง
“ก็ห่มผ้าให้แล้วไง”สองมือบางไขว่คว้าอากาศตรงหน้า ซึ่งชางมินก็ไม่อาจจะทนเห็นได้ส่วนหนึ่งที่ยูฮวานต้องเป็นแบบนี้คือเค้า ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงนอนก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกอดถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้ร่างเล็กให้ได้มากที่สุด ใบหน้าที่แดงระเรื่อทำให้ยูฮวานดูน่ารักไม่เบา จมูกโด่งรั้นขึ้นสีชมพูนิดๆเรียวปากที่เอาแต่พร่ำเพ้อเมื่อครู่ก็เช่นกัน ตอนนี้ยูฮวานสงบลงไปบ้างแล้วร่างหนาจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดของตนเองออกมาแต่ก็ทำได้ยากเพราะสองมือของคนใต้ร่างยังคงเกาะเขาแน่นไม่ยอมปล่อย ใบหน้าของทั้งคู่จึงอยู่ใกล้เกินความจำเป็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองใบหน้านี้ช้าๆก่อนจะก้มลงเข้าไปใกล้ปรางใสมากกว่าเดิม
ยิ่งเห็นใกล้ๆ...นายก็ยิ่งน่ารัก...ยูฮวาน
ถ้ายูฮวานเป็นดอกไม้ชางมินก็คงจะเป็นแมลงที่กำลังจะติดกับ...โดยไม่รู้ตัว
~ ปัง ~
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งโดยไม่ให้คนที่อยู่ในห้องได้ตั้งตัวทัน
“ไงไอ้มิน...เกิดเรื่องจนได้!”ยุนโฮที่อยู่ๆก็เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียงทำเอาชางมินแทบผละตัวออกมาไม่ทัน
“ไอ้ยุนทำไมแกไม่เคาะประตูว่ะ!”คุณหมอหนุ่มรีบเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองแก้เก้อ
“ถ้าเคาะ...จะได้เห็นอะไรดีๆหรอว่ะ55+”
“มัน...มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ!”
“อะไรคือไม่ใช่อย่างที่ชั้นคิด?”ยุนโฮยอกย้อนอย่างคนได้เปรียบ
“ก็แล้วแกกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ”ชางมินเริ่มหัวเสีย
“ก็คิดว่านายกำลังทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีโดยการโอบกอดริคกี้ที่กำลังหนาวเหน็บจากอาการไข้ขึ้นสูง...น่าสงสารTT”น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยกลับตรงกันข้ามกับสีหน้าและแววตาโดยสิ้นเชิง
“ที่นายพูดมามันก็ถูก ยูฮวานเอาแต่ละเมอว่าหนาวชั้นก็เลย...”
“ฉวยโอกาสอย่างที่นายอยากทำมานานแล้ว”
“อืม...ก็ประมาณนั้น...เฮ้ยย...ไอ้ยุนนี้แกบ้าไปแล้วหรอไงชั้นไม่ใช่คนแบบนั้นนะโว้ย...วุ้ย”
“หรอ...แต่ที่เห็น...”
“ก็บอกแล้วไงว่ายูฮวานหนาวๆๆๆๆ”
“ฮ่าฮา...ชั้นล้อเล่นน่าถ้าคนอย่างแกหื่นชั้นก็คง...”
“ที่สุดของความหื่น”ชางมินรีบต่อประโยคให้จบ
“เอ่อ...ยอมรับโว้ยย...ไม่เหมือนคนแถวนี้ -3- ”
“ยังไม่หยุดใช่มั้ย?”
“ฮ่าฮา...หยุดแล้วคร้าบ นายก็เลิกเขินสักทีสิ^^”ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆคนที่เกิดอาการหน้าแดงขึ้นมากะทันหันจนชาง
มินต้องออกแรงผลักคนที่ยังเล่นไม่เลิก
“จะไปไหนก็ไปเลยไป...เบื่อหว่ะ”มุ่ยหน้าอย่างคนขี้งอน
“ไปแน่...ชั้นก็แค่จะมาบอกว่าตอนนี้แทมินไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ก็ดีแล้ว...ชั้นจะได้โล่งใจ”
“เอาล่ะไม่กวนเวลาส่วนตัวของแกและ...ไปแล้วนะเพื่อน”ยุนโฮยังไม่หยุดพูดจายียวนกวนประสาทจนชางมินต้องรีบผลักใส เดินออกไปเปิดประตูให้ไม่อย่างนั้นยุนโฮก็ยังไม่ไป...ให้ตายเถอะ!!!
และแล้วชั่วโมงเรียนที่แสนอึดอัดก็จบลงน่าแปลกเพราะทุกครั้งที่เรียนจุนซูไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนไหนจะแจจุงที่เงียบจนผิดปกติไหนจะเรื่องของพี่ยูชอนอีก เมื่อเลิกเรียนแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องบอกลากันแล้วสำหรับจุนซูและแจจุง
“วันนี้นายไม่ไปไหนหรอ?”
“ไม่อ่ะ...ชั้นนัดกับโบอาเอาไว้ไม่ได้ทำหน้าที่แฟนที่ดีมากนานแล้ว เดี๋ยวโบอาจะโกรธเอามีอะไรหรือเปล่าจุนซู”ศีรษะกลมส่ายไปมาแทนคำตอบ
“นายไปเถอะ...เดี๋ยวโบอาจะรอนานนะ”
“อื้ม...งั้นก็บายนะจุนซู”
“อื้ม...แล้วเจอกัน^^”ที่ถามออกไปจุนซูไม่ได้คิดน้อยใจที่พักนี้แจจุงไม่ค่อยมีเวลาคุยเล่นกับเค้าเหมือนแต่ก่อน จุนซูก็แค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้นเพราะเค้ารู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแจจุง สิ่งที่ผิดปกติจนเค้าสังเกตและรับรู้ได้ เมื่อแจจุงแยกตัวออกมาจากจุนซูแล้วก็รีบเดินไปยังอาคารที่แฟนสาวเรียนอยู่แต่โบอาก็ยืนรอเค้าอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มที่ประดับยังใบหน้าสวยทำให้โบอายังคงดูน่ารักสำหรับแจจุงเสมอ รอยยิ้มที่เขากำลังจะทำลายมันด้วยตัวของเขาเอง...ขอโทษ
“โบอาคิดถึงแจจุงจังค่ะ^^”อ้อมกอดของหญิงสาวโอบกระชับชายหนุ่มที่ตนแสนคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอแจจุงมาเกือบสองอาทิตย์ได้ เพราะแจจุงต้องไปช่วยงานพี่ฮีชอลที่ร้าน...โกหก!!!
“วันนี้โบอาอยากทานอะไรครับ?”
“อะไรก็ได้แล้วแต่แจจุงเลยคู่^^”
“ไม่เอาอ่ะ...ผมอยากตามใจโอบาบ้าง...นะ”ดวงตาชายหนุ่มแลดูขี้อ้อนเรียกสีระเรื่อประดับยังใบหน้าของหญิงสาว แจจุงโอบเอวบางของโบอาออกจากมหาลัยก่อนจะพากันไปกินข้าวที่ให้หญิงสาวเป็นคนเลือกเอง ระดับดีกรีความหวานและความน่ารักของคนทั้งคู่เรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
หากแต่ไม่ใช่กับใครบางคนที่เฝ้ามอง...มองมานาน
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วแจจุงและโบอาก็เดินเล่นกันมาเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนฝ่ามือขาวของทั้งคู่ยังคงสอดประสานกันตลอดระยะทางที่เดินผ่าน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังบ้างเบาบ้างเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยแต่งแต้มบรรยากาศโดยรอบให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก แสงสีเหลือทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าของวันส่องสะท้อนเงาของคนทั้งคู่ให้ใหญ่และเด่นชัดขึ้น แจจุงกับโบอาเดินไปตามเงาของตัวเองอย่างมีความสุข
ความสุขเพียงเท่านี้ของโบอาก็เกินพอแล้ว...แต่สำหรับผมมันยังไม่พอ
ถ้าจะว่า...ว่าผมเป็นคนโลภมาก ผมก็คงไม่เถียง
เพราะผมยังคงไขว่คว้าถึงความสุขที่ก้นบึ้งของจิตใจของผมยังตามหา
เจอแล้ว!!! ใช่...ผมเจอมันแล้ว สิ่งที่ตามหามานาน
ถึงแม้ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาพร้อมๆกับความสุขจะมีสิ่งที่เลวร้ายติดตามมาด้วย
เลวร้ายเกินกว่าที่ตัวผมจะต้านทานมันไหวก็ตาม
“ถึงแล้ว”
“แจจุงจะเข้าไปทานน้ำก่อนมั้ยคะ?”ชายหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธ
“ขอเป็นอย่างอื่นแทนไม่ได้หรือครับ”น้ำเสียงฟังดูขี้อ้อน
“อะไรล่ะ”
“หลับตาก่อนสิ”หญิงสาวเพียงแค่อมยิ้มก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย
แจจุงเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆกับโบอา ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน จมูกโด่งรั้นของชายหนุ่มอยู่ใกล้ปลายจมูกของหญิงสาวเรียวปากอิ่มสีสดก็เช่นกัน แต่เปลือกตาบางที่ปิดลงไปแล้วค่อยๆลืมขึ้นเพราะหญิงสาวไม่แน่ใจว่าแจจุงจะหลอกอะไรเค้าเล่นอีกรึเปล่า เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าใบหน้าของเธอนั้นอยู่ใกล้จนจะชิดติดกับคนตรงหน้าอยู่แล้ว ไม่รอช้าแจจุงที่รอโอกาสนี้อยู่ก็ประกบริฝีปากนุ่มทันทีแม้ว่าโบอาจะตกใจกับการกระทำนี้แต่ก็สร้างความพอใจให้กับเธอเช่นกัน ยิ่งทำแบบนี้แจจุงดูเป็นคนที่อ่อนโยนมากขึ้นไปอีก เมื่อหญิงสาวเริ่มขาดอากาศหายใจคนขี้แกล้งก็ค่อยๆถอนรสจูบที่แสนหวานนี้ออกมา
การกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ที่ไม่เคยได้จากคนเลวคนนั้น...อยากได้บ้าง
แจจุงยังคงจ้องมองไม่ละสายตาไปจากใบหน้าสวย เป็นโบอาซะเองที่ต้องหลบสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมานี้
“กลับบ้านได้แล้ว...เดี๋ยวจะมืดกันพอดี”
“คร้าบบบ...ผมไปล่ะนะ...กู๊ดไนท์ครับ^^”
แจจุงเดินถอยหลังโบกมือไปเรื่อยจนกว่าหญิงสาวจะปิดประตูเข้าบ้านไป เมื่อโบอาปิดประตูเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็หันหลังเดินกลับไปตามทางที่พึ่งเค้าเดินมาเมื่อครู่
หลังจากกลับจากการมาส่งโบอาที่บ้านแล้ว แจจุงก็เดินเอื่อยเฉื่อยกลับบ้านตัวเองอย่างไม่รีบร้อน ตอนนี้ทั้งสมองและจิตใจของเขามันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย แย่ที่สุดทำไมต้องไปคอยคิดถึงแต่เรื่องของไอ้โรคจิตคนนั้นด้วยไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักนิด เราคงไม่โชคร้ายซ้ำๆหรอกมั้ง ความจริงวันนี้เขารู้ตัวดีว่าตนจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนละเลยเพื่อนรักอย่างจุนซู อาจเป็นเพราะใจของเขามันวนเวียนคิดแต่เรื่องจะหนีให้พ้นจากคนเลวคนนั้นและก็วิธีเอาผิดกับมันน่าแปลกใจที่มันไม่มีวิธีอะไรเอาเสียเลย อย่างที่มันบอกถูกต้องทุกอย่าง คดีมันไม่มีหลักฐานถึงจะยังไม่ขาดอายุความแต่เราจะทำอะไรมันได้ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรได้สักอย่าง...เฮ้อ ทำไมชีวิตเราถึงได้หนีฝันร้ายนี้ไม่พ้นสักทีนะ
ปลายทางตรงหน้ามืดสนิททางออกจากหมู่บ้านของหญิงสาวค่อนข้างเปลี่ยว เดินไปก็มืดขึ้นเรื่อยๆ คนหมู่บ้านนี้เขาไม่ใช้ไฟกันหรือยังไงกันนะแจจุงบ่นอยู่ในใจ อาศัยแสงสลัวจากดวงจันทร์กับหมู่ดารารายที่ประดับท้องฟ้ากว้าง ขนาดวันนี้พระจันทร์เต็มดวงแต่แสงที่ส่งลงมาเพียงแค่เห็นทางข้างหน้าได้เพียงเล็กน้อย ยิ่งมืดอากาศก็เหมือนจะเย็นลงไปเรื่อยๆตามลำดับ ร่างบางห่อกายเข้าหากันใช้สองมือถูตามไปตามเรียวแขนซึ่งดูจะเย็นเฉียบจากการรับสัมผัสหนาวของอากาศเย็นจัดมากเกินไป ปากสีแดงสดพ่นลมออกมาระบายความหนาวเย็นภายในร่างกาย มือก็คว้านหาบุหรี่ที่แอบเหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ปลายนิ้วแตะเจอวัตถุที่ค้นหา ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากอย่างถูกใจ ก่อนจะหยิบออกมาหนึ่งมวนจุดมันด้วยไฟแช็ครูปปืนโบราณที่เขาชอบนำมาติดห่วงโลหะร้อยเป็นที่ห้อยกุญแจบ้าน
คนขี้หนาวพ่นควันสีเทาเข้มออกจากริมฝีปากสวย มันกลายเป็นวิธีผ่อนคลายความเซ็งในความคิดของแจจุง จริงๆเขาไม่รู้หรอกว่าที่สูบมันไปเนี่ย มันช่วยอะไรเขาได้บ้าง ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นบ้างมั้ยก็ไม่รู้ เพียงแต่เขามักจะเสพติดมันจนเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว เวลาเกิดเครียดมากๆ ได้อัดควันสีเทาเข้าไปก่อนพ่นออกมามันก็แก้เบื่อได้บ้าง ไม่งั้นก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจเพิ่มขึ้น
เดินออกมาตั้งนานยังไม่เห็นปากซอยออกจากหมู่บ้านสวยแห่งนี้เลย แจจุงสาวเท้าให้เดินเร็วยิ่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อสายตากวาดไปเห็นรถที่จอดอยู่ข้างทางด้านซ้าย ออดี้สีดำถึงเขาจะไม่เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นรถไอ้โรคจิตนั่นหรือเปล่า แต่แค่เห็นรถแบบนี้ ก็ทำเอาเขาผวาจนลืมความเป็นตัวของตัวเองไปหมด ขาเรียวยาวเร่งจังหวะจนเกือบจะเป็นวิ่ง เขายอมรับว่ากลัวจริงๆ
~ พรึ้บ!!! ~
เสียงเปิดประตูรถไม่ดังแต่ทำเอาคนขวัญอ่อนสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าแม้จะหันไปมองว่าใครที่ก้าวออกมายืนอยู่นอกรถ รีบเดินให้พ้นทางจะดีกว่า เพียงแค่เดินเฉียดไปใกล้อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่เขาชิงระแวงไปเสียก่อนยังไม่ทันจะพ้น เสียงทุ้มต่ำที่แสนคุ้นหูก็ดังแว่วในความเงียบ
“ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่านายเป็นของชั้น!”
“นะ นาย”คนขี้กลัวหันกลับมามองอย่างตื่นตระหนก
“มองหน้าชั้นให้ชัดๆสิ จำสามีตัวเองได้หรือยังล่ะทีนี้ “ คนตัวใหญ่เข้ามารวบตัวแจจุงที่ขยับหนีทีละนิดอย่างเกรงกลัว ก่อนใช้มือบีบที่ปลายคางมนจนขึ้นสีแดงเข้มอย่างน่ากลัว
ใบหน้าสวยเชิดขึ้นตามแรงบีบ เจ็บเสียจนน้ำตาคลอ ตากลมโตแดงก่ำฉายแววโกรธ แต่คนใจร้ายกับดูจะพอใจกับท่าทีไม่สบอารมณ์ของคนสวย จมูกโด่งซุกซนไปตามดวงหน้ารูปไข่ ปล่อยลมหายใจออกมาเบาๆทั่วใบหน้าสวย ก่อนจะแสร้งทำจมูกฟุดฟิดบริเวณริมฝีปากสีสด
“เธอสูบบุหรี่มาเหรอ?”
“……….”
“ชั้นถามทำไมไม่ตอบ!” ยุนโฮเริ่มขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ เมื่อคนตรงหน้ายังคงนิ่งเฉยราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะส่งคำถามอะไรออกไปก็ไม่สามารถง้างปากคนสวยได้สักนิด
“ต่อไปห้ามสูบบุหรี่อีกเด็ดขาด” ยุนโฮพูดอย่างจริงจัง ความจริงก็แค่รู้สึกเป็นห่วง แต่คนดื้อรั้นอย่างแจจุงขอร้องกันดีๆคงไม่ยอมฟัง คนสวยเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี ก่อนตอบสวนกลับมา
“ชีวิตของชั้น เรื่องของชั้น อย่ามาเสือก!” คนโดนด่าว่าเสือกส่งยิ้มตอบกลับมาก่อนตอบกลับไปเบาๆ
“ต้องเกี่ยวสิ ก็ชีวิตเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชั้น เพราะเธอเป็นของชั้นไงแจจุง และต่อจากนี้ไปห้ามเธอเจอกับผู้หญิงคนนั้นอีก และที่สำคัญจะต้องไม่มีการใกล้ชิดกันอย่างในวันนี้เด็ดขาด เพราะชั้นจะไม่มีวันยอมให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับใครหน้าไหน เพราะเธอเป็นของชั้นเท่านั้น เข้าใจมั้ย!”ยุนโฮออกคำสั่งอย่างวางอำนาจ สบตากลมโตที่จ้องตอบเขามาอย่างไม่ลดละ
“ตัวของชั้น ชั้นจะทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับแก ไม่ต้องมายุ่ง”
“หึหึ เธอนี่ขี้ลืมจริงๆ ชั้นคงต้องหาอะไรมาคอยเตือนให้เธอสำนึกได้ตลอดเวลาว่าเป็นเธอของใคร ดีมั้ย?”
“นั่น นายจะทำอะไรน่ะ” ร่างบางถามเสียงสั่น เมื่อคนตรงหน้าเข้ามาประชิดตัว เขาขยับตัวหนีจนไปชนกับประตูรถออดี้คันหรูของชายหนุ่ม ความเย็นบริเวณแผ่นหลังเมื่อมันได้สัมผัสกับแผ่นโลหะเหล็กทำเอาร่างบางสะดุ้งพรวดไปข้างหน้าเพียงนิดเดียวก็ถูกกำแพงหนาที่ขวางทางหนีของตนรวบไว้ในวงแขนแข็งแกร่งและดูเหมือนว่าปลอกแขนแข็งแรงนี้จะล็อคเขาซะแน่นหนา ยิ่งดิ้น ร่างกายของแจจุงก็ยิ่งแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง
ฝ่ามืออุ่นจัดของยุนโฮป้วนเปี้ยนแถวบั้นท้ายกลมมน ค่อยๆสอดมือเข้าไปในกางแกงแสลคสีเข้มของแจจุง ขย้ำขยี้มันอย่างหมั่นเขี้ยวนิ้วเรียวยาวของเขาแกะกระดุมกางเกงเม็ดบนแล้วเกี่ยวซิปที่ล็อคไว้รูดลงมาจนสุดทำให้ขอบกางเกงร่นมาอยู่ตรงสะโพกสวย
ใบหน้าหล่อก้มต่ำลงมาถึงขอบกางเกงที่ทำท่าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ ก่อนส่งลิ้นไปทักทายผิวเนื้อเนียนเรียบน่าสัมผัส ทั่วบริเวณหน้าท้องแบนราบ แบ่งปันความเย็นวาบไปทั่วช่องท้อง แจจุงรู้สึกถึงก้อนน้ำแข็งเย็นๆที่ถูไถมาโดนผิว มันเย็นซะจนเนี้อแจจุงเต้นกระตุก เขาก่นด่าไอ้โรคจิตในใจ หนาวขนาดนี้แล้วยังอมน้ำแข็งเล่นอีก
ครู่เดียวเสื้อเชิ้ตของคนโดนรังแกก็ถูกอัญเชิญออกจากเรือนร่าง คนสวยสะดุ้งสุดตัว เมื่อเนื้อบางตรงหลุมสะดือสวยของตนถูกถูไถหนักหน่วงจากริมฝีปากเย็นเฉียบ กับไอเย็นของก้อนน้ำแข็ง จนรู้สึกว่ามันตึงชาไปหมด ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความหนาวสั่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อะไรบางอย่างก็ทิ่มแทงลงมาอย่างรวดเร็ว ปลายคมฝังตัวลงบนเนื้ออ่อนจนทะลึ่งพรวดทีเดียวทะลุมาปิดสะดือสวย สัมผัสเย็นๆปัดป่ายไปมาบริเวณหน้าท้องขาวผ่อง สีขาวใสของอัญมณีเลอค่าที่เรียกว่า เพชร ส่องประกายระยิบระยับเข้ากับสีน้ำนมของนวลเนื้อเนียนนุ่มน่าสัมผัส เลือดแดงข้นไหลซึมผ่านออกมาจากผิวเนื้อซึมผ่านบริเวณที่ถูกเจาะด้วยเครื่องประดับสวยแจจุงกัดปากจนเลือดซิบด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เขาระบมไปหมด ทั้งปวดและเจ็บให้คราเดียวกัน เลือดอุ่นๆของเขายังคงไหลทะลักออกมาอย่างไม่ยอมหยุด อาจเป็นเพราะของที่แทงมาที่ผิวบางมันไม่แหลมคมพอ และผิวเนื้ออ่อนบริเวณนี้ก็บอบบางจนเกินไป ไม่เหมาะกับการเจาะใส่อะไรไปอีก ยุนโฮมองความงดงามของภาพตรงหน้าอย่างถูกใจ
สวยงามกว่าที่คาดคิด
จิวทองคำขาวฝังเพชรอันนี้เหมาะเจาะมากที่ได้มาประดับบนเรือนกายของแจจุง ถึงแม้ความงดงามของเพชรเม็ดสวยที่ห้อยลงมาแกว่งเบาๆละช่วงท้องเนียนละเอียดจะส่องประกายระยิบระยับอวดน้ำงามบ่งบอกถึงความล้ำค่าของอัญมณีราคาแพง ก็เทียบไม่ได้กับนวลเนื้อขาวสีน้ำนมเนียนลื่นที่เขาชอบสัมผัสอยู่เสมอของแจจุงสักนิด จิวเวอรี่เพชรน้ำงามที่เขาลงทุนเลือกมากับมือได้มาอยู่กับเจ้าของสักที
เนื้อเพชร สลักตัวอักษร ภาษาอังกฤษด้วยเลเซอร์
เป็นตัวอักษรเรียงกันว่า KARA ซึ่งมีความหมายในภาษากรีก “ความสุข และความหวัง”
บวกกับตัวอักษรเรียงกันสี่ตัว และ คำว่า สี่ ในภาษาเกาหลีออกเสียงคล้าย คำว่า “ที่รัก”
แต่...เจ้าของมันจะรู้มั้ยว่าเครื่องประดับจิ๋วอันนี้ มันแฝงความหมายลึกซึ้งในเนื้อแกร่งของอัญมณีที่ได้ชื่อว่าแข็งที่สุดในโลก
เหมือนดั่งหัวใจของเขา
ยุนโฮแลบลิ้นออกมาแตะแผ่วเบาตรงหลุมสะดือสวยที่มีเครื่องประดับกั้นกลางอย่างลงตัว ปลายลิ้นหมุนวนโดยรอบดูดซับเลือดที่ไหลออกไม่หยุด จนปากอิ่มแดงฉาดไปด้วยเลือดสีเข้ม เขาดูมีความสุขกับการได้ดูดดื่มกลืนกินมันอย่างหิวกระหาย ราวกับเลือดสีข้นนั้นมีรสหวานกลมกล่อมชวนลิ้มลอง จนกระทั่งไม่มีเลือดซึมออกมาสักหยด บริเวณหน้าท้องแบนราบที่ตอนแรกราวกับฉาบไว้ด้วยสีเลือด ตอนนี้มีเพียงความเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายใสจากฝีมือของยุนโฮ
แจจุงรู้สึกแสบและเจ็บแปลบไปหมดบริเวณหลุมสะดือสวย เจือปนความเสียวซ่านจากรสสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้าหล่อค่อยๆเลื่อนขึ้นมาลิ้มรสความหวานจากกลีบปากนิ่มของแจจุง ปากสีเลือดครอบปิดปากนุ่มนิ่ม เบียดบดจนสีแดงสดละเลงเลอะขอบปากทั้งบนและล่างทั่วกันอย่างเท่าเทียม ปลายลิ้นอุ่นๆถูกส่งไปตามรอยแยกของเรียวปากก่อนจะเข้าไปหาความอบอุ่นภายในโพรงปากที่เปิดออกทีละนิด จนชิวหาของทั้งคู่เกี่ยวตวัดกันอย่างแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร
รสเลือดเค็มปร่าผสมกลิ่นคาวจัดไม่อร่อยอย่างที่แจจุงคิด แต่เขาก็กลืนกินมันจนหมดเมื่อถูกส่งเข้ามาป้อนถึงปากอย่างเอาแต่ใจของจอมเผด็จการและอาจเป็นเพราะอุณหภูมิภายในร่างกายของคนทั้งคู่พุ่งทะยานจนแทบจะถึงขีดสุด ร่างกายของทั้งสองคนจึงโผเข้าหากันอย่างเป็นธรรมชาติ จนคนสวยสติกระเจิดกระเจิงลืมความเจ็บปวดตรงหลุมสะดือสวยที่ถูกตราตรึงด้วยอัญมณีใสเสียหมด
มือหนาถอดกางเกงของคนสวยออกจนพ้นเรียวขาคู่งาม ก่อนจะเกี่ยวชั้นในขอบขาวตามออกมาติดๆ ยกสะโพกมนขึ้นมาพิงพาดกับขอบกระโปรงรถ ปลายเท้าเกี่ยวกางเกงแสล็คของคนสวยขึ้นมาคว้านหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงดึงวัตถุที่ค้นหาออกมากดเบอร์หนึ่ง...แล้วกดปุ่มโทรออก
~ พี่ฮีชอล ~
เขาส่งเครื่องมือสื่อสารแนบหูแจจุง บังคับให้พูด
“บอกพี่นายว่าคืนนี้ไม่กลับบ้าน จะนอนค้างกับเพื่อน”
ใบหน้าสวยสะบัดไปมาอย่างไม่ยินยอม ทั้งที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิต่อรองอะไรทั้งนั้นเสียงเพลงรอสายดังต่อเนื่องเพราะปลายสายยังไม่รับ คนเผด็จการสอดนิ้วปั่นป่วนแถวช่องทางด้านหลังนิ้วแข็งแรงจ่อคาช่องทางคับแคบแทบจะผุดเข้าไปหาความอ่อนนุ่มด้านในอยู่รอมร่อเมื่อรอบช่องทางนั้นตอดรัดตุ๊บๆที่ปลายนิ้ว คนดื้อส่ายสะโพกหนีความเสียวซ่านอย่างจนมุม เมื่อยังไงก็ต้องยอมรับว่าเผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่คนใจร้ายหยิบยื่นให้อยู่ไม่น้อย
“ไม่พูดก็ตามใจ ถ้าเธออยากให้พี่ชายสุดที่รักรู้เรื่องของเรา” เสียงทุ้มพูดขู่ก่อนกดจมูกแรงๆที่แก้มใสฟอดใหญ่ คนถูกรังแกเตรียมโวยใส่ถ้าไม่ได้ยินเสียงคุ้นหูดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ฮัลโหล...แจจุง พี่กำลังทำงานอยู่ มีอะไรหรือเปล่า?”
“คะ คือออ ว่า อืมม” เสียงหวานสั่นพร่าพูดแทบไม่เป็นคำ เมื่อถูกรุกรานหนักหน่วง เขาไม่อยากให้พี่ฮีชอลต้องมาทุกข์ใจเรื่องของเขาอีก ถึงในใจจะต่อต้านคำสั่งของจอมเผด็จการยังไง ก็ต้องทำตามที่มันสั่งอยู่ดี คิดแล้วอดโกรธตัวเองที่ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
“อะไรนะแจจุงพี่ได้ยินไม่ค่อยถนัด พูดอีกทีได้มั้ยที่นี่เปิดเพลงเสียงดังมากเลย” ฮีชอลถามกลับเมื่อได้ยินเสียงน้องชายขาดๆหายๆ ทั้งที่ปลายสายดูเงียบสงัด ไม่ได้มีเสียงรอบข้างรบกวนอย่างตน คนสวยพยายามตั้งสติให้อยู่เมื่อรู้สึกว่าเสียงตัวเองสั่นพร่าไปหมด ค่อยๆเปล่งเสียงหวานออกมาให้น้ำเสียงเป็นปกติที่สุด
“อือออ...คือว่า...วันนี้แจจุงจะนอนค้างบ้านจุนซูนะฮะ มีรายงานต้องทำ “ ก่อนที่สัญญาณโทรศัพท์ของคนสวยจะถูกตัดโดยจอมเผด็จการที่เป็นฝ่ายถือมันไว้ในมือ เมื่อกดปิดเครื่องเรียบร้อยก็หย่อนมันเข้าไปในช่องกระจกรถของตนที่เปิดคาไว้นิดหน่อย แล้วหันมารังแกคนสวยอย่างต่อเนื่อง
“พอได้แล้ว” คนลืมตัวไปชั่วขณะ เอ่ยประท้วงเสียงแข็งเมื่อเริ่มดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง
“อ๊ะ...ไม่เอานะ...อะ...อย่าจับ...ตรงนั้น” ถ้อยคำห้ามปราบดูไร้ผล เมื่อคนตัวใหญ่พรมจูบต่ำลงไปถึงซอกขาขาวผ่องด้านใน มือไม้ปัดป่ายไปทั่วไม่อยู่สุข แจจุงพยายามดันร่างตัวเองหนีสัมผัสรุกล้ำของคนตัวใหญ่ แต่ความพยายามของตนไม่เกิดผลใดทั้งสิ้น ยิ่งขยับหนียุนโฮกลับกอดรัดร่างกายตนแน่นหนาขึ้นไปอีก
“ยะ...อย่า...นะ”
“อ่า...อืมมมม...ไม่เอาแล้ว...หยุดสักที”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อร่างกายเธอไม่ได้ปฏิเสธชั้น ดูจะชอบด้วยซ้ำ” คนพูดกล่าวยียวน
ใบหน้างามส่ายไปมาจนผมเผ้าพันกันยุ่งเหยิง ทั้งต้องการปฏิเสธถ้อยคำกล่าวหาแสนร้ายกาจนั่นและสะบัดหนีสัมผัสจาบจ้วงที่รุกรานกันไม่หยุด โดยไม่รู้ตัวว่าการกระทำเหล่านั้นเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้จมูกโด่งเป็นสันคมถูไถไล่สูดกลิ่นหอมละมุนละไมจากกลิ่นกาย ซึ่งเป็นกลิ่นอ่อนๆเฉพาะตัวของคนแสนดื้ออย่างลุ่มหลง ถ้าทำได้เขาคงจะจัดการฝังจมูกลงบนผิวเนื้อนุ่มของแจจุงไปแล้ว แต่การกระทำของเขาก็ไม่ต่างจากความคิดในใจสักนิดเมื่อปลายจมูกกลืนหายไปกับนวลเนื้อตรงซอกคอขาว ก่อนงับเบาๆตรงรอยรักที่เริ่มจะจางจนมันออกสีเข้มขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เอานะ ไอ้บ้า อย่าทำรอย ปล่อยยยย อื้อออ~~~“ อีกครั้งที่การเจรจาไม่เป็นผล
ริมฝีปากได้รูปเคลื่อนมาทาบทับกลีบปากสวย ดูดเม้มจนกลีบปากอิ่มแย้มออกทีละนิด จนเขาสามารถดุดดันลิ้นอุ่นเข้าไปแลกเปลี่ยนน้ำหวานใสเจือกลิ่นบุหรี่เจือจาง จนรู้สึกได้ว่าส่วนกลางลำตัวของตนมันร้อนระอุ ต้องการปลดปล่อยลาวาขุ่นข้นออกมาเพื่อคลายความอึดอัดเสียงประท้วงอู้อี้ในตอนแรก เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงครางอื้ออึงในลำคอ เมื่อเรียวปากยังถูกครอบครองทั้งหมด
มือใหญ่รีบปลดอาภรณ์ส่วนที่เกะกะของตัวเองออกเปิดช่องเพียงให้ส่วนที่กำลังตื่นตัว ขยายแน่นตุงคับเป้ากางเกงของตนได้ออกมาช่วยเติมเต็มช่องทางแคบด้วยท่อนเนื้อของตนเองแทนที่นิ้วทั้งหมดที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่ง ก่อนนิ้วมือซุนซนจะค่อยๆไต่ขึ้นไปเล่นบนยอดอกบีบขยี้จนเม็ดสีชมพูออกสีเข้มจัด แข็งเป็นไตตอบสนองต่อสัมผัส หน้าอกขาวบิดเร่าอย่างไม่อยู่สุขเมื่อเม็ดเล็กๆที่ประดับยอดอกได้รับการปรนเปรอด้วยริมฝีปากอิ่ม ไล่เลียซุกไซร้มันไปทั้งสองข้างอย่างไม่ยอมให้มีการน้อยหน้ากัน แถมยังแกล้งขบกัดเบาๆที่เม็ดทับทิมสวยอย่างอดไม่อยู่ เรียกเสียงครางหวานหูออกมาได้ไม่หยุด
สะโพกหนาก็ขยับเร่งจังหวะขึ้นตามแรงปรารถนา ยิ่งคนสวยส่งเสียงครางปริ่มจะขาดใจก็ยิ่งรู้สึกดี เร่งจังหวะเข้าออกถี่ยิบอย่างได้ใจ เรียวขาสวยเกี่ยวกระหวัดรอบเอวหนาด้วยความเกร็งจัด สะโพกกลมมนถูกฝ่ามือหนาจับยกขึ้นเปิดทางให้จอมเผด็จการสอดใส่ท่อนเนื้อร้อนของตนเข้าไปอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น แจจุงขย้ำขยี้ไปทั่วกลุ่มผมสีดำเข้มของยุนโฮ ทั้งจิก ทั้งดึง ทั้งทึ้งเส้นผมหนาจนมันแทบจะหลุดติดมือสวยออกมาเป็นกระจุกเพื่อสะกดอารมณ์สยิวของตน ท่วงท่านี้มันทำให้ส่วนของร่างกายที่ผสานกันเป็นหนึ่งอยู่ขณะนี้เข้าไปลึกซึ้งกว่าเดิม
ยุนโฮยังไม่หยุดสร้างความรู้สึกวาบหวิว ปั่นป่วนอารมณ์แจจุงเสียที ฝ่ามืออุ่นจัดอย่างคนเลือดลมดีทักทายส่วนแข็งขืนของคนดื้อรั้นอย่างหยอกเย้า จับถูไถปัดป่ายไปทั่วรูดมันขึ้นลงจากโคนจรดปลายอย่างเนิบช้าจนเร่งจังหวะรุนแรงขึ้น ทำเอาของเหลวที่คั่งค้างอยู่ภายในเตรียมปลดปล่อยออกมาเริ่มซึมปริออกจากท่อนเนื้อที่ถูกปลุกจนพองขยายเต็มมือชายหนุ่ม จู่ๆเขาก็หยุดเล่นกับมันซะดื้อๆ แกล้งเปลี่ยนไปลูบไล้ปลีน่องขาวเย้ายวนสายตาแทน
เด็กดื้อของเขาส่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อถูกปลุกบางส่วนขึ้นมาให้รู้สึกต้องการแล้วก็เหมือนทอดทิ้งให้มันค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ สะโพกหนาที่ขยันเร่งจังหวะหนักหน่วงก็ดับเครื่องคาไว้เสียแบบนั้นทำเอาคนสวยปวดหนึบตรงส่วนกลางลำตัวด้วยความทรมาน
แจจุงไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ตอนนี้ยังไง ด้วยความต้องการที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยและอุณหภูมิในร่างกายที่เพิ่มองศาความร้อนแรงจากการปลุกเร้าของคนใจร้ายทำให้มือสวยตระครองใบหน้าคมคายขึ้นมาแลกจูบดูดดื่ม ลิ้นเล็กสะเปะสะปะรอบขอบปากอย่างไม่รู้จะไปทางไหนเมื่อคนขี้แกล้งไม่ยอมให้ความร่วมมือ ก่อนจะถอดริมฝีปากบางออกมาจูบบริเวณซอกคอชายหนุ่ม ร่างบางขยับเบียดกายแนบชิดคนตรงหน้า สะโพกมนเคลื่อนเข้าหาสัมผัสเสียดสี แต่คนใจร้ายกับรั้งบั้นท้ายสวยเอาไว้ไม่ยอมให้ขยับได้ดั่งใจ
คนขี้แกล้งก้มหน้าลงสบตาหวานเยิ้มที่มองตนอย่างเว้าวอนดูขี้อ้อนอย่างที่สุด ใครเจอแจจุงส่งสายตาแบบนี้ใส่แล้วเมินเฉยได้ก็เกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าชายหนุ่มรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองได้เผลอมองตอบด้วยแววตาที่อ่อนโยนเพียงไหน ก่อนจะสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มราวกับแพรไหม แล้วพรมจูบไปทั้งดวงหน้าสวยอย่างอดใจไม่อยู่
รู้ตัวบ้างมั้ยว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น