2554/02/25

[Fic] หมอ...llจิตll Part…10 ติดกับ!!!


Title : [Fic] หมอ...llจิตll
Writer : GroupBee + KJW
Couple: YunJae , YooSu , MinRic
Genre : Drama , Erotic        
NC :  18
Part…10 ติดกับ!!!



เสียงหัวใจที่ไปไม่ถึงพี่สักที...ยูชอน
มันคงเบาเกินไป


เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆยูชอนก็สามารถสอนในสิ่งที่จุนซูข้องใจมาตลอดได้เสร็จหมดทุกข้อทุกบทเรียน...รึป่าว???

เอาล่ะ...มีอะไรที่ยังไม่เข้าใจอีกมั้ย?

ไม่มีแล้วฮะ^^”

อืม...แต่จุนซูก็ต้องหมั่นทบทวนเอานะเดี๋ยวจะลืมไปซะหมด

รับทราบครับผม

นายมันเด็กน้อย^^”ไม่ว่าเปล่ามือทั้งสองข้างของยูชอนยกขึ้นหยิกแก้มบางๆทั้งสองข้างจนเกิดเป็นรอยแดงๆของนิ้วมือ

โอ้ย...จุนซูเจ็บนะพี่ยูชอนTT”คนถูกแกล้งร้องโวยวายลั่นสนาม

“555+”ยูชอนหัวเราะชอบใจยกใหญ่

สนุกมาเลยหรอพี่ยูชอน?ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

ชริศรีษะกลมสะบัดหน้าหนีคนขี้แกล้ง

อ่า...นายนี่ขี้งอนจัง

ใช่ฮะ...จุนซูขี้งอนเหมือนเด็กๆ -3-”คำประชดประชันของจุนซูดูจะไปเป็นผลเมื่อยูชอนเอ่ยประโยคต่อมา

ใช่แถมยังเด็กมากซะด้วย มีอย่างที่ไหนกัน โตป่านนี้แล้วยังมาเล่นสนุกในสนามเด็กเล่นแบบนี้อยู่อีก

พี่ยูชอน!!!”เสียงหวานตะโกนลั่น
โอ๋ๆๆ...ดูหน้าสิแดงหมดแล้วสงสัยจะโมโหมาก -*- ”

มากสิฮะ...จุนซูโมโหมากจนจะจับพี่ยูชอนกินได้อยู่แล้ว...ไม่เชื่อก็ลองดู

หรอ?...อืม...เฮ้ยยยยยยังไม่ทันได้คิดอะไรจุนซูก็วิ่งเข้าใส่ร่างโปร่งพร้อมกับดึงแขนมากัดแต่โชคดีที่ยูชอนดังมันกลับมาทัน

เอาจริงหรอจุนซู!!!”

แง่มมมมแล้วยูชอนที่เป็นผู้ใหญ่กับจุนซูที่ทำตัวเป็นเด็กก็วิ่งไล่จับกันเหมือนเด็กๆ???(เอากับคู่นี้สิ - - )

แฮ่กๆๆๆคนตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นทรายอย่างเหนื่อยอ่อนข้างๆมีร่างโปร่งนั่งอยู่ไม่ไกลนัก  ยูชอนทิ้งระยะห่างไว้สักเล็กน้อยเกิดจุนซูนึกคึกดึงขาเขาไปกัดจะทำยังไง...เจ็บแย่TT

ยอม...ยอมแพ้แล้วใช่มั้ย...ฮะ...พี่...พี่ยูชอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ

อืม...ยอมแล้วๆแต่ถ้าให้ดูจากสภาพในตอนนี้แล้วจุนซูต่างหากที่ต้องยอมแพ้ เนื้อตัวมอมแมมไปหมดเหมือนเด็กกะโปโลไม่มีผิดในความคิดของยูชอน เค้าก็แค่ยอมอ่อนข้อให้ต่างหาก เมื่อหายเหนื่อยแล้วยูชอนก็ชวนจุนซูกลับบ้านเพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มจะมืดมากแล้วในตอนนี้

จุนซูกลับบ้านกันเถอะ

เอ่อ...พี่ยูชอนกลับไปก่อนเถอะฮะ...บ้านจุนซูอยู่ใกล้แค่นี้เอง

ได้ไงนี่มันมืดแล้วนะ...กลับคนเดียวอันตราย

นะฮะจุนซูอยากนั่งอยู่ที่นี่อีกสักพักอ่ะ

 นายรู้จักกับเด็กแถวนี้มั้ย?

ฮะ...รู้จักดีเลยล่ะไว้ครั้งหน้าจุนซูจะแนะนำให้พี่ยูชอนรู้จักนะฮะ^^”

ชั้นว่าแล้วเชียว

..............

จุนซูนายเหม่ออะไรน่ะ

พี่ยูชอนว่าอะไรนะฮะดึงสติออกมาจากภวังค์

ชั้นแค่จะบอกว่าบางทีนายก็ทำตัวยิ่งกว่าเด็กพวกนั้นอีก...อย่างตอนนี้ไง^^”

พี่ยูชอนจุนซูกดเสียงต่ำเชิงขู่ดูน่ากลัวซะเต็มประดาสำหรับยูชอน -3-

ฮ่าฮา...อยากเล่นชิงช้ามั้ยล่ะครูหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างเอาตัวรอด

คิคิ...อยากสิฮะดูเหมือนจุนซูจะลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้พึ่งถูกยูชอนหลอกด่ามามาดๆ

ก็บอกแล้วไงว่านายน่ะมันเด็ก...เด็กน้อยน่ารักซะด้วย

     สนามเด็กเล่นที่ดูธรรมดาแห่งนี้แหล่ะที่เป็นเพื่อนของจุนซูได้ดีที่สุดในยามเหงา พ่อแม่ของจุนซุทำงานอยู่ต่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาเยี่ยมลูกชายได้บ่อยนัก  ส่วนจุนโฮพี่ชายก็ต้องดูแลกิจการภายในประเทศจึงไม่มีเวลาเช่นกันนานๆทีจะได้เจอกับจุนซู นั่นก็เท่ากับว่าจุนซูเหมือนอยู่ตัวคนเดียวยังมีที่มีแจจุงเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันมากที่สุด

จุนซูชอบมาที่นี่...ตอนที่จุนซูไม่มีใคร...อย่างตอนนี้เมื่อนึกถึงความโดดเดี่ยวที่จะต้องไปเจอจุนซูก็พูดออกมาอย่างเศร้าๆ

 เอาน่าอย่าเศร้าใจไปเลยยังไงจุนซูก็ยังมีพี่ชายคนนี้อีกทั้งคน

จุนซูมีพี่จุนโฮอยู่แล้ว...จุนซูไม่อยากมีพี่ชาย...จุนซูอยากมีแฟน


เป็นพี่ยูชอน

พูดอะไรของนายเนี่ย

ทำไมฮะ...นี่จุนซูจริงจังนะพี่ยูชอน!”

โอเคๆ...แต่ว่าตอนนี้จุนซูควรตั้งใจเรียนไปก่อนนะส่วนเรื่องแฟนเนี่ยถ้าเราจะมีต่อให้หนีไปให้ไกลแค่ไหนเราก็หนีเนื้อคู่ตัวเองไม่พ้นหรอกเชื่อพี่สิ...บางทีตอนนี้เนื้อคู่ของจุนซูอาจจะยังไม่เกิด...55+”

สาธุ

เจริญพร...เฮ้ยย...นี้ชั้นกำลังสอนนายอยู่นะ

คิคิ

เอาล่ะชั้นต้องไปแล้ว...ไม่ให้ไปส่งจริงๆหรอ?

ไม่ฮะ...ขอบคุณมากๆเลยนะฮะพี่ยูชอน


ไม่เป็นไรครับ...งั้นเจอกันที่มหาลัยนะจุนซู^^”

     เมื่อยูชอนกลับไปแล้วจุนซูก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นทรายของสนามใช้แขนหนุนรองต่างหมอนเหงนหน้ายิ้มกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มยามค่ำคืนที่ประดับด้วยกลุ่มเพชรเม็ดงามแวววับ  ดวงจันทร์ในวันนี้จุนซูมองเห็นกระต่ายน้อยได้เต็มตัว  มือบางเอื้อมออกไปราวกับว่ามันอยู่แค่เอื้อมแต่ทำไมจุนซูถึงเอื้อมไปจับไม่ถึงสักทีนะ  ดวงตาคู่นั้นกระพริบถี่ยิบเมื่อมองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน มือที่ยื่นไปข้างหน้าราวกับไขว่คว้ามันมาไว้ในมือ ค่อยๆเลื่อนมาแตะที่หัวตา  ความเปียกชื้นที่ปลายนิ้วทำให้รู้ถึงสาเหตุที่มองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน  จุนซูปาดมันออกมาอย่างลวกๆ


นายจะจับดวงจันทร์หรอ...ไม่มีทาง
แล้วความรักของจุนซูกับพี่ยูชอนล่ะมันจะเหมือนกับพระจันทร์ที่ว่านี้หรือเปล่า?


จุนซูลุกขึ้นมานั่งชันเข่าตอนนี้มีแค่ตัวเขาเท่านั้นบรรยากาศดูเงียบสงัดผิดกับจิตใจของจุนซูยิ่งนัก หยิบกิ่งไม้แห้งขึ้นมาขีดเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็ลบมันออกอยู่หลายครั้งซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะเริ่มต้นใหม่ด้วยการบรรจงตัวอักษร เขียนข้อความในใจลงไปบนพื้นทรายสีน้ำตาลอ่อนแล้วเดินออกมาจากที่ตรงนั้น

     ข้อความที่ไม่ยาวนี้ถูกระบายออกมาด้วยการกระทำแทนการสื่อความหมายด้วยคำพูดที่ไม่สามารถมันบอกออกมาตรงๆได้  ข้อความของจุนซูถูกสายลมพัดไปเหลือไว้เพียงกลุ่มพยางค์ที่จับใจความไม่ค่อยได้แต่มันยังคงก้องอยู่ในหัวใจดวงน้อยของคนที่แอบรัก...คิม จุนซู  รองเท้าหนังขัดเงาเดินมาหยุดลงตรงบริเวณนั้นพร้อมกับก้มลงอ่านข้อความที่มีใครบางคนเขียนมันเอาไว้ก่อนหน้านี้

ขอบ...ณฮะ...จุ...รั...พ....อน

ยูชอนขมวดคิ้วมุ่นกับข้อความที่ขาดๆหายๆนี้ หรือว่าคนเขียนจะเป็นจุนซูกัน?

แต่มันอ่านว่าอะไรล่ะ???

สายตาสีชาหันไปมองสิ่งของที่ตนได้วางลืมไว้ก่อนจะเดินไปหยิบมาไว้ในมือ บรรยากาศโดยรอบเริ่มลดอุณหภูมิลง  ร่างสูงรีบพาตนเองเข้าไปยังพาหนะคู่ใจที่ปกป้องเขาจากอากาศหนาวเย็นภายนอกขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังได้ไม่สบายแน่ๆ

ฮัดเช้ย!!!”


เฮ่ออออ....

     ลมหายใจหนัก หนักถูกระบายออกมาคลายความอึดอัด อย่าไปถามถึงจำนวนครั้ง มันมากซะจนแทบจะสลับการจังหวะการหายใจเข้า-ออกเสียด้วยซ้ำ คิ้วสวยขมวดกันจนยุ่งเหยิงเนื่องจากอยู่ในระหว่างใช้ความคิด วันนี้คนน่ารักไม่ได้ไปมหาลัยคงเพราะเค้าเอาคิดทบทวนเรื่องของตัวเองเองและใครอีกคนนึงอยู่ อยากใช้ความคิดกับตัวเองให้ได้มากที่สุด แจจุงเดินทอดน่องอย่างเนิบช้า ระยะทางจากสวนสาธารณะไปถึงเส้นทางกลับบ้านมันอาจดูไม่ใกล้กันเท่าไหร่ เมื่อเขาได้ใช้การเดินปล่อยตัว ปล่อยใจ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย การมองบรรยากาศโดยรอบที่เขาเห็นอยู่เจนตาแต่ไม่เคยนึกจะใส่ใจ ปล่อยร่างกายไปกับความเย็นสบายของสายลมยามเย็น ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งธรรมดาเหล่านี้จะสามารถเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าสวยได้ไม่ยาก

     เรื่องของพี่ยุน ก็คงเป็นหนึ่งเรื่องที่สร้างความหนักใจอยู่ไม่น้อย ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกดีที่มีคนยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ พร้อมที่จะช่วยปรับสภาพจิตใจอันบอบช้ำ แต่...เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเชื่อใจได้แค่ไหน พี่ยุนกับเขานั่นแทบไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ  ไหนจะเรื่องของโบอาอีก ไม่รู้เขาจะฝืนใจตัวเองไปถึงไหน คนที่แสนดีอย่างโบอาทำไมเขาถึงทำร้ายเธอได้อย่างไม่ละอายใจ แท้จริงแล้วเขาก็เลวไม่ได้ต่างกับคนคนนั้น ไม่น่าเลยจริงๆ ทุกสิ่งที่เขาแสดงออกก็แค่การหลอกลวง หลอกทั้งตัวเองและคนอื่นอย่างใจร้ายที่สุด  มือบางหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหลังจากที่ตลอดทั้งวันมานี้ที่ได้คุย...เอ่อ...กับพี่ยุนเสร็จแล้วเค้าก็ปิดมัน  เสียงข้อความที่บอกว่ามีเมสเสจจากคนที่รักและเป็นห่วงเค้าขึ้นมามากมายหลายสิบข้อความ คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาที่คลออยู่ภายในดวงตาคู่สวยก็ค่อยๆหยดรินผ่านสองข้างแก้มเนียน แจจุงรีบปาดออกอย่างรุนแรงไม่กลัวว่ามันจะเป็นการทำร้ายดวงตาคู่นั้น เขาหวังเพียงให้หยดหยาดแห่งความอ่อนแอนี้ออกไปจากใบหน้าให้เร็วที่สุด    

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงบ้านที่แสนอบอุ่น และพี่ฮีชอล พี่ชายที่เขารักมากที่สุด เขาไม่อยากให้พี่ชายของเขาต้องมารับรู้ถึงฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนกันราวกับตอกย้ำความแปดเปื้อนในอดีต ความจริงแล้วเขานอนหลับไม่สนิทสักคืน เรื่องราวในอดีตมันเป็นแผลลึกยากเกินที่จะลืมเลือน 

ที่น่าเจ็บใจก็คือ ความรู้สึกแปลกๆที่มันเริ่มชัดเจนว่าเขาปรารถนาในรสสัมผัส ดิบเถื่อนของ ผู้ชายเลวทรามในอดีต เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเกิดขึ้นเลยจริงๆ



      นับจากวันที่ได้คุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ของตัวเอง ผ่านวัน เป็นอาทิตย์และเป็นเดือน ความคุ้นเคยกันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาจะคุยกันได้อย่างถูกคออย่างกับคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีคนที่เขาคิดว่าน่าจะคุยกันได้ยากที่สุดในโลก...คุณหมอ โรคจิต  คนที่เขาไม่คิดว่าจะได้รู้จักและไม่เคยแม้จะเจอหน้า ทำไมถึงได้สร้างความอบอุ่นในหัวใจของแจจุงได้ขนาดนี้

“พี่ยุน” ชื่อที่เขาบันทึกไว้ในโทรศัพท์ กระพริบถี่ๆ ทำเอาคนที่กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายชีวิต หลุดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แจจุงยิ้มกว้างอย่างสดใสก่อนส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริง

 “สวัสดีฮะ พี่ยุน”

“สวัสดีครับ เด็กดื้อ ทานข้าวหรือยังเอ่ย” เสียงทุ้มถามกลับ ทำเอาคนสวยเบะปากอย่างงอนๆ

“แจจุงไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่ยุน” คำตอบของแจจุง เรียกเสียงหัวเราะของปลายสายอย่างคนอารมณ์ดี

“ฮ่าๆๆ อ่ะ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก แล้วทานข้าวหรือยังครับ”

“ทานแล้วฮะ พี่ยุนล่ะ ทานข้าวบ้างหรือยัง วันนี้คนไข้เยอะหรือเปล่าฮะ”

“อืม งานพี่ก็ยุ่งๆ ตลอดแหละ พี่ใกล้จะกลายเป็นบ้าไปแล้ว คนไข้ไม่เท่าไหร่อ่ะ เพื่อนพี่สิขยันโยนงานมาจริงๆ ส่วนเรื่องกินไม่ต้องห่วง พี่กินจนพุงกางหมดแล้ว อย่าหวังจะได้ใช้พี่ฟรีๆ 55+”

“หมอโรคจิต อารมณ์ดีอย่างนี้ทุกคนเลยเหรอฮะ”

“เอ่อ...แจจุง พี่ไม่ใช่หมอโรคจิตนะ พี่เป็นหมอรักษาอาการแปรปรวนทางอารมณ์ของคนไข้ เรียกให้มันดีๆหน่อย”

“คิคิ ก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“ช่างเถอะ จะเรียกยังไงก็ตามสบายเลย ว่าแต่ แจจุงสบายดีมั้ย หายเครียดหรือยัง แล้วนอนหลับสนิทหรือเปล่าตอนกลางคืน ยังมีอาการแปลกๆอะไรอีกมั้ย เรื่องภาพหลอนอะไรนั่นล่ะ แอบกินยาหรือเปล่า แล้วอาการดีขึ้นบ้างมั๊ย เป็นยั...” พี่ยุนของแจจุงยิงคำถามรัว คนฟังได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนเป็นห่วงเป็นใย แต่ว่า ถามรวดเดียวยาวเหยียดขนาดนี้ ใครจะไปตอบหมด แจจุงจึงต้องรีบเบรคคำถามเสียแต่เนิ่นๆก่อน

“หยุดก่อนนน พี่ยุนอ่ะ ถามตั้งหลายอย่าง แจจุงฟังไม่ทันแล้วฮะ คิคิ

“ขำอะไร ก็พี่เป็นห่วงนี่ เวลาให้เล่าอาการให้ฟังก็ไม่ค่อยจะยอมพูด แล้วพอพี่ถามก็ยังมาว่าพี่อีก เจ้าเด็กดื้อ”

“ใครบอกฮะ ไม่ดื้อสักหน่อย”

“ก็บอกพี่มาสิครับ ว่ายังมีอาการปวดหัว หรือ ยังฝันร้าย จนต้องพึ่งยาคลายเครียดหรือเปล่า ถ้านอนไม่หลับก็หาอะไรทำให้มันเพลินๆนะ พี่ไม่อยากให้แจจุงติดยา เข้าใจมั้ย”

“เกินไปแล้ว พี่ยุนฮะ ใช้คำว่า ติดยาเลยเหรอ ก็แค่ ยากล่อมประสาทเอง ถ้ามันไม่ดีแล้วคุณหมอพี่ยุน ฝากคุณพยาบาลมาให้แจจุงทำไมครับ” เสียงหวานใส ย้อนถามอย่างอารมณ์ดี หลายวันก่อนเขานัดเจอกับคุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้ ซึ่งก็คือ พี่ยุนนั่นแหละ น่าเสียดายที่พลาดโอกาสได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการเพราะพี่ยุนโดนอาจารย์หมอเรียกไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดเขาเลยต้องคุยกับพยาบาลหน้าห้องพี่ยุนแทนเสียดายจริงๆ

แถมหลังจากวันนั้น พี่ยุน ก็ไม่ว่างเลยสักวัน อยากเจอพี่ยุนจังจะดูใจดีเหมือนอย่างที่ได้ยินเสียงได้คุยกันทางโทรศัพท์หรือเปล่า…. ก็ไม่รู้

“ติดยา ของพี่หมายถึง ต้องกิน เพราะคิดว่ามันช่วยให้นอนหลับได้ไง แล้วพี่จะบอกอะไรให้นะครับ “ยา” ที่พี่ฝากไว้ให้แจจุงน่ะ ความจริงมันก็แค่ วิตามินเอ บี และก็ซี บำรุงสายตา บำรุงสมอง และก็บำรุงหลอดเลือด ชัดมั้ยครับ ฮ่าๆๆๆ ไม่มียาคลายเครียด ยากล่อมประสาทอะไรทั้งนั้นแหละ ” คุณหมอหนุ่มหัวเราะร่วน อย่างขำขัน

แจจุงขึ้นเสียงสูงอย่างตกใจ งั้นที่เขาคิดว่านอนหลับเพราะฤทธิ์ยาก็ไม่ใช่สินะ

“เงียบแบบนี้ แสดงว่าแอบกินยาจริงๆด้วย ดีนะที่พี่รู้ทัน งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ พี่ต้องทำงานต่อแล้ว รักษาสุขภาพจิตให้ดีนะ พี่ไม่อยากได้คนไข้เพิ่มน่ะ ฮ่าๆๆ”

อะ...เอ๋?

ก็พี่ไม่ได้คิดว่าแจจุงเป็นคนไข้ของพี่นี่ครับ

แล้วพี่คิดว่าแจจุงเป็นอะไรหรอฮะทำไมคนถามถึงได้ใจเต้นแรงแบบนี้นะ

เป็นคนสำคัญครับ,,,เอาล่ะพี่ไปทำงานก่อนนะ...สวัสดีดีครับ

ปลายสายวางไปแล้ว ไม่รู้ทำไมแจจุงยังคงยิ้มกับคำพูดของคนที่ไม่รู้จัก อย่างมีความสุข

      หลังจาก ไปส่งโบอาที่บ้านแล้วแจจุงก็รีบขอตัวกลับบ้านในทันทีไม่น่าเชื่อเลย เขาเบื่อที่จะใช้เวลาอยู่กับโบอามากขึ้นทุกที มันเหนื่อยเสียจนเขานึกโมโหตัวเองที่ไม่ยอมรีบหยุดความสัมพันธ์ระหว่างโบอากับตัวเขาเองสักที ขี้เกียจมาคอยโกหกหรือต้องมาปั้นหน้าเสแสร้ง แสดงออกว่ารัก ยิ่งต้องมาคอยมองแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของโบอา มันยิ่งทำให้แจจุงรู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออก

บางครั้ง เวลาที่เราโกหกตัวเองบ่อยๆ มันก็ทำให้ลืมไปเลยว่าแท้จริงแล้ว
ตัวเราเองจริงๆ เป็นยังไงกันแน่

      ความรู้สึกที่เขามอบให้แก่โบอา มันชัดเจนขึ้นทุกขณะ ว่าไม่ใช่แบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึ่งมีต่อผู้หญิงสักคนหนึ่งที่เขาคอยดูแลเอาใจใส่ ไม่ใช่เพราะว่าเขา ”รัก” แต่มันเป็นความรู้สึกผิดลึกๆภายในใจที่เขาหลอกใช้ความรู้สึกที่มีต่อโบอามาเป็นเครื่องทดสอบความผิดปกติทางเพศของเขานั่นเอง...ซึ่งตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกแล้ว

     แรงสั่นสะเทือนแรงๆ ที่กระเป๋ากางเกงของเครื่องมือสื่อสาร ดึงสติของแจจุงกับมาอีกครั้ง มือเรียวสอดล้วงเข้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่ใจออกมาดูว่าใครติดต่อเข้ามา นิ้วยังไม่ทันได้แตะกับสิ่งของนั้น...

หมับ....!!!!!

     ร่างบางสะดุ้งสุดตัวกับสัมผัสแนบแน่นบริเวณแผ่นหลัง ทั้งร่างกายถูกกดรัดอย่างแน่นหนายังไม่ทันได้มีเวลาสำหรับการตกใจ ผ้าขนหนูผืนใหญ่ก็ปิดคลุมไปเกือบทั้งหน้าเหลือเพียงดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้เบิกโพลงอย่างตะหนัก ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ความอึดอัดจากสิ่งที่พันธนาการอยู่ขณะนี้บวกกับที่ตนเผลอสูดกลิ่นแปลกปลอมผ่านผ้าที่ปิดทับบริเวณจมูกเข้าไปเต็มปอด เพียงชั่วครู่ภาพตรงหน้าก็ดับวูบ

--------------------------------------------------------------------------------------------------

พี่ฮีชอลฮะ วันนี้แจจุงไม่กลับบ้านนะครับ
ต้องช่วยเพื่อนทำรายงานเยอะเลย ไม่ต้องเป็นห่วงแจจุงนะ
รักพี่ฮีชอลครับ ^^

สายตาคมอ่านไล่ตัวอักษรอีกครั้ง อย่างพอใจปลายนิ้วกดส่งข้อความ ก่อนจะวางเครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่แยแส ต่อแรงสั่นสะเทือนของมัน

มีสายเรียกเข้า
ด้วยเบอร์เดิม เบอร์ที่โทรหาตั้งแต่แรก

 พี่ฮีชอลของแจจุง ^^



     ใครทำให้คนสวยโมโห ซีวอนเหลือบมองคนรักอย่างเกรงใจ ใบหน้าบึ้งตึงไม่รับแขกเกิดอะไรขึ้นกับคนรักของเขา  สักพักก็ได้ยินเสียงกดกระแทกแรงๆ ที่ปุ่มมือถือจะพังมั้ยเนี๊ยะซีวอนคิดต่อมาอีกพัก ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ ที่ส่อแววหงุดหงิดอยากเข้าไปถาม แต่ก็ไม่กล้า ฮีชอลตอนโกรธน่ากลัวซะยิ่งกว่าแม่เสือซะอีก เห็นรูปร่างหน้าตาดูสวยหวานอย่างนั้นก็เถอะ เอาไงดี เอาไงดี  ซีวอนสะดุ้งโหยง อย่างร้อนตัว เมื่ออยู่อยู่ฮีชอลก็หันมามองหน้าตัวเองงานเข้าแล้วกู  ซีวอนคิดในใจ ก่อนจะทำใจดีสู้เสือ เข้าไปใกล้ๆโอบกอดร่างบางแล้วรีบกดจมูกโด่งฝังลงที่แก้มแดงระเรื่อ

ฟอดดดดดดดดด……..”

ผลจากการกระทำดีเกินคาด ฮีชอลส่งยิ้มหวาน หวาน หวาน หวาน เอ่อ... มันออกจะหวานจนเกินไปแล้ว ตอนนี้มันค่อนข้างจะเริ่มอันตราย ซีวอนรีบคลายวงแขนอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกถึงสัญญาณที่ไม่ค่อยจะดี  ฉีกยิ้มหวานฉ่ำขนาดนี้ ตายแน่....... ก่อนจะชิ่งได้อย่างใจคิด ถาดหนาก็ปะทะลงบนหัวทุยสวยอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ผวัะ...
และตามมาอีก

ผวัะ...

ผวัะ... ไม่มียั้ง  ฝ่ามือใหญ่รีบจับข้อมือเล็กขึ้นมาก่อนที่ถาดใบหนาจะทันสัมผัสลงมาอีกครั้ง

เป็นอะไรของคุณ ฮึ.. ฮีชอล ที่ตีมาผมเจ็บนะร้องสูงเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล ไม่ได้โกรธ แต่อยากรู้เหตุผล

ฮีชอลไม่ตอบพยายามจะดึงข้อมือตัวเองออก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกขัดใจ เมื่อสะบัดเท่าไหร่ข้อมือก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมสักที

ปล่อย ส่งเสียงดุราวจะขู่ว่าถ้าไม่ปล่อยเป็นเรื่องแน่

ชั้น...บอก...ให้...ปล่อย ย้ำทีละคำอีกครั้ง

     เมื่อไม่มีทีท่าว่าคนตัวสูงจะปล่อยฮีชอลจึงยกมืออีกข้างที่ถือโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมฟาดคนตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง  ร่างสูงใหญ่รีบจับข้อมือทั้งสองข้างของคนรักที่บัดนี้กลายร่างเป็นเสือไปเสียแล้ว สองมือเล็กถูกจับล็อคไพล่ไว้ด้านหลัง ดึงดันกันไปจนแผ่นหลังเนียนแนบชิดกับขอบโต๊ะ ก่อนซุกไซร้ไปทั่วซอกคอ เสือไม่ยอมสิ้นลายโดยง่าย ยังคงดิ้นขลุกขลักไม่อยู่สุข จากที่คิดแค่จะแกล้งให้คนสวยหยุด เขาเริ่มจะหยุดตัวเองไม่ได้ซะเอง เมื่อยิ่งดิ้นร่างกายทั้งคู่ก็ยิ่งแนบเนี้อกันมากยิ่งขึ้น

     น้องชายของเขาก็เริ่มจะประท้วง ขยายขนาดจนมันใหญ่คับเป้ากางเกง ฝ่ามือหยาบเริ่มปัดป่ายเข้าไปซุกซนในสาบเสื้อตัวสวย นิ้วเรียวยาวสะกิดแผ่วเบาบนยอดอก ตามด้วยปากนิ่มที่เคลื่อนย้ายจากไหล่ลาดนวลเนียน

ลงมาเย้าหยอกเม็ดทับทิมสีสด ทั้งสองข้าง เม้มกัดเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนที่ปลายลิ้นสากจะตวัดเลียอย่างอดไม่ไหว ร่างพยศเริ่มส่งเสียงครางหวิว มือไม้อ่อนปวกเปียกไปหมด คนตัวสูงปล่อยมือที่เข้าจับล็อคไว้ เมื่อรู้สึกว่าร่างบางโอนอ่อนไปตามการนำพา

     คนตัวสูงยังไม่หยุดรุกล้ำ ไล่จูบต่ำลงไปเรื่อย มือหนาปลดกางเกงสแลคสีเข้มของฮีชอลออกจนพ้นทาง ฝ่ามือขย้ำขยี้ท่อนเนื้อกลางลำตัวแม่เสือคนสวยผ่านเนื้อผ้าบางเบาของชั้นในตัวจิ๋ว

อ่ะ อ่า... เสียงหวานครางรับไม่หยุด

อาาาา........ พะ พอ แล้ว ซะ ซะ ซีวอน ฮีชอลพูดสั่งเสียงสั่น

     เสียงหวานปนพร่านิดๆของฮีชอล ยิ่งทำให้คนตัวสูงมันกระตุ้นความต้องการของเขาเข้าไปอีก มือหนาร่นกางเกงชั้นในลงมาที่ต้นขาแล้วเลื่อนมันต่ำลงจนหล่นมาอยู่ที่ข้อเท้า จับยกสะโพกมนขึ้น วางแผ่นหลังขาวผ่องให้นอนราบไปกับพื้นโต๊ะไม้ มือที่ว่างก็จัดการกับกางเกงของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขยับกายแน่นชิดเรือนร่างที่ระทดระทวยอยู่บนโต๊ะเมื่อถูกคนตัวสูงรีดน้ำรักออกมาจากส่วนอ่อนไหวจนหมด

     นิ้วยาวปาดน้ำสีขุ่นของคนสวยที่ปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่ ชโลมจนเปียกฉ่ำไปทั่วนิ้วมือแข็งก่อนดันมันเข้าไปในช่องทางที่ปิดสนิททีละนิด ทีละนิดอย่างคนใจเย็นจนสุด ปากหยักสวยรีบประกบจูบกลีบปากแดงที่อ้าปากร้องด้วยความเจ็บจากเนิบช้าค่อยเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง จนอีกฝ่ายครางต่ำในลำคออย่างพอใจ
     กระทั่งนิ้วเรียววนไปสะกิดตุ่มไตภายในโพรงรักอ่อนนุ่ม มือเรียวสวยของฮีชอลเริ่มสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตลายขวางของคนสูง ก่อนจิกเล็บคมลงไปที่แผ่นหลัง ลากข่วนไปทั่วบริเวณด้วยความเสียวซ่าน ขาเรียวที่ลอยอยู่เนื้อพื้นเริ่มหมดแรง ต้องเกี่ยวรัดเอวหนาของคนสูงแน่น

     เมื่อเห็นคนใต้ร่างคล้อยไปกับตนแล้ว ซีวอนจึงดึงนิ้วออกมาทั้งหมด ก่อนแทนที่ด้วยส่วนแข็งขืนที่มันตั้งผงาดพร้อมจะสอดใส่อยู่นานแล้ว ร่างเล็กเกร็งตัวแข็งทื่อด้วยความเจ็บแปลบ เมื่อถูกสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่แทรกผ่านเข้ามา

ใจเย็นนะครับที่รัก อย่าเกร็ง เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะครับ คำพูดอ่อนโยน พอๆกับที่ฮีชอลสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่ได้รับ ซีวอนจูบซับน้ำตาไปทั่วใบหน้าหวาน

ผมรักคุณนะครับ ที่รัก  เสียงทุ้มบอกรักเบาๆ ที่ข้างหู ค่อยๆ เบียดเนื้อแน่นแนบชิดกับช่องทางรักอีกครั้ง เป็นจังหวะจนกระทั่งเพิ่มความแรงขึ้นหนักหน่วงก่อนที่จะรัวถี่ยิบเมื่อปลดปล่อยน้ำรักสีขุ่นออกมาจนหมด  คนตัวสูงยืนคร่อมร่างที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอย่างหมดแรงเสียงหอบแฮ่กๆ แข่งกันดังก้องร้านเหล้าซึ่งยังไม่เปิดให้บริการ คนตัวสูงยังไม่ยอมถอยห่างจากคนตัวเล็ก ยังคงกอดรัดนัวเนียไม่หยุด

อืมมม ไม่เอา พอแล้ว

ชั้นเหนื่อย พอนะซีวอน

     เสียงหวานร้องประท้วงเมื่อคนตัวสูงทำท่าจะเคลิ้มอีกครั้ง ตาบ้าเอ๊ยยย ทำเองเคลิ้มเอง ฮีชอลคิดขำๆร่างบางทิ้งตัวทับคนสูงทันทีที่ฝ่ามือใหญ่ยังสาละวนอยู่บริเวณเรียวขา ที่สำคัญเขาเองก็หมดแรงแล้ว พิสดารจริงๆเลยคนบ้า ครั้งแรกของเขากับท่าร่วมรักประหลาด คนสวยนึกเคืองในใจ ก่อนแจกค้อนลูกใหญ่ให้คนบ้าตรงหน้า

อะ อ้าว เห็นมั้ย พอผมหยุดคุณก็ไม่พอใจ งั้นเรามาต่.... พูดยังไม่ทันขาดคำ มือสวยก็แบออกปิดทั้งปาก

จะบ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อ ด้วยความเขินจัด

แล้วเป็นอะไรล่ะครับ  หืมม....เมื่อกี้ท่าทางคุณดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะ เสียงทุ้มพูดแต่มือไม้ยังคงลูบไล้ที่สะโพก

อ๋อ งั้นนี่เป็นวิธีช่วยให้ชั้นหายโมโหเหรอคำพูดกึ่งเขิน กึ่งโมโหของฮีชอลทำให้ซีวอนหลุดหัวเราะอย่างทะเล้น

แล้วมันได้ผลมั้ยล่ะ เขาถามขำ ขำ ไม่ได้ต้องการคำตอบอย่างแนบเนียน ใบหน้าหล่อชะโงกเข้ามาใกล้ อยากมองนานๆ ใบหน้าติดขวยเขินของฮีชอล  อา... น่ารัก จนต้องหอมแรงๆอีกครั้ง ทั้งสองข้างแก้มมือสวยยกขึ้นมาปิดปากซุกซนอีกครั้ง ก่อนแก้มตนจะช้ำไปมากกว่านี้

พอได้แล้วนะ เฮ่อ นายนี่มันจริงๆเลยก่อนจะรีบพูดในสิ่งที่คนตัวสูงถาม เดี๋ยวจะเข้าใจอะไรผิดๆอีก

ชั้นหงุดหงิดที่แจจุงไม่ยอมรับสายชั้นน่ะสิ แถมยังส่งข้อความมาแทนอีก

เรื่องของแจจุง ผมว่าปล่อยวางซะบ้างนะครับผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงน้อง แต่แจจุงเขาโตแล้วนะฮีชอลนอนนิ่งซบอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนตัวสูง

แต่แจจุงไม่เคย ไม่รับโทรศัพท์ชั้นนะ เสียงหวานเอ่ยช้าๆ

ชั้นเป็นห่วงน้อง

ที่รัก คุณกังวลเกินไป แจจุงอาจกำลังยุ่งเลยไม่สะดวกที่จะคุย มันไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากสิ เชื่อผมนะครับ

อือ นั่นสิ แจจุงโตแล้ว น้องชายของชั้นโตแล้ว เสียงพูดเบา ราวกับบอกตัวเอง ก่อนที่จะหลับสบายบนอ้อมกอดแน่นๆที่แสนอุ่น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น